24 ม.ค. 2020 เวลา 00:21 • ไลฟ์สไตล์
🤡เห็นว่าดี เลยแชร์มาให้อ่านกัน🤡
“แส่ หวั่น แสบ”
1/ แส่
ระหว่างที่อยู่ในลิฟท์ เห็นเด็กผู้ชายกำลังกินไอติม ด้วยความหวังดี จึงเตือนไปว่า "อากาศออกจะหนาวเย็นซะขนาดนี้ ระวังจะไม่สบายนะ"
เด็กหันมามองหน้าเรา ก่อนจะพูดว่า "ย่าผมอายุ 103 ปีแล้ว"
เราสงสัย เลยถามกลับ "ย่ากินไอติมบ่อยๆเหรอ"
เด็กตอบแบบไม่ต้องคิด "เปล่า แต่ย่าผมไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน"
เจ็บจี๊ดเกินบรรยาย ตอนนี้พอจะรู้ตัวแล้วว่า สิ่งที่เราคิดว่าเป็นเรื่องหวังดี คนอื่นอาจจะไม่รู้สึกดีเหมือนเราก็ได้
1
2/ หวั่น
เดี๋ยวนี้พวกมิจฉาชีพมีเกลื่อนเมือง เพิ่งเห็นข่าวในทีวี เงินหลายแสนหายวับไปจากบัญชีในชั่วพริบตา
ใจคอไม่ค่อยดี รีบขี่มอเตอร์ไซค์ไปธนาคาร ต้องรีบเอาสมุดไปอัพเดทหน่อย ทั้งๆที่เพิ่งจะไปถอนเงินมาเมื่อสองวันนี้เอง หลังรับสมุดคืน ค่อยยังชั่ว เงินสี่หมื่นกว่ายังอยู่ครบ
ไม่ไหวนะ วันหลังไม่เสพข่าวดีกว่า มีแต่ทำให้เหนื่อยใจ
แต่พอเดินออกมาถึงหน้าธนาคาร ความเหนื่อยใจเพิ่มปรี๊ดเป็นร้อยเท่า แม้เงินอยู่ครบ แต่มอเตอร์ไซค์หายไปไหนไม่รู้
การหวั่นไหวเกินเหตุ คงจะไม่ใช่เป็นเรื่องดีเสมอไป
3/ แสบ
หญิงสาวเดินขึ้นขบวนรถไฟความเร็วสูง เดินตรงไปยังที่นั่งของตน เห็นมีผู้ชายนั่งอยู่ หล่อนตรวจตั๋วของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะพูดกับผู้ชายคนนั้นด้วยความสุภาพ "ขอโทษค่ะ คุณคงจะนั่งผิดที่" ผู้ชายคนนั้นหันมามองหล่อนอย่างรำคาญ ก่อนจะควักตั๋วตัวเองออกมา แล้วตะคอกเสียงดังใส่หล่อน "ดูให้ดี นี่เป็นที่นั่งเรา เชิญแหกตาดูให้ชัด" หล่อนมองดูตั๋วของผู้ชาย ไม่ได้พูดอะไรต่อ ไม่ได้เดินไปไหน แต่หล่อนยืนสงบนิ่งอยู่ข้างผู้ชายคนนั้น
ครู่ต่อมา พอรถเริ่มเคลื่อนขบวนแล้ว หล่อนจึงก้มตัวลงไปบอกผู้ชายโอหังคนนั้นอีกครั้งว่า "คุณคะ คุณไม่ได้นั่งผิดที่ แต่คุณนั่งผิดขบวนค่ะ ขบวนนี้ไปเซี่ยงไฮ้ แต่ตั๋วคุณไปฮาร์บิน"
ความอดกลั้นแบบมีชั้นเชิงนั้น บางครั้งสามารถทำให้คู่กรณีของคุณ ต้องรู้สึกแสบลึกเข้าไปถึงทรวงแบบแก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว ถ้าหากเสียงตะคอกหรือเสียงข่มขู่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ป่านนี้ไอ้งั่งทั้งหลายก็คงจะครองบ้านครองเมืองไปนานแล้ว
"ขจรศักดิ์"
แปลและเรียบเรียง
เครดิตภาพ จากอินเตอร์เน็ต
โฆษณา