25 ม.ค. 2020 เวลา 02:40 • ธุรกิจ
เมื่อ JEFF BEZOS คนรวยสุดในโลก โดนเจ้าชายซาอุ แฮ็กมือถือ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา..ข่าวใหญ่ในวงการเทคโนโลยีก็คือ เจฟฟ์ เบโซส์
มหาเศรษฐีที่รวยสุดในโลก เจ้าของบริษัท Amazon
โดนแฮ็กข้อมูลส่วนตัวจาก WhatsApp แอปแช็ตอันดับ 1 ที่เคลมว่ามีระบบป้องกันข้อมูลผู้ใช้งานที่แน่นหนา
นอกจากนี้ การแฮ็กดังกล่าวก็ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา
เพราะหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เป็นถึงเจ้าชายซาอุฯ มุฮัมมัด บิน ซัลมาน
แล้วทั้งสองมีความเชื่อมโยงอะไรกัน
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
เหตุการณ์สำคัญของเจฟฟ์ เบโซส์ปีที่ผ่านมา
แบ่งออกเป็น 2 เรื่องใหญ่ๆ ก็คือ
1. การหย่าร้างกับภรรยา
2. การถูกลอบสังหารของจามาล คาช็อกกี นักข่าวของ Washington Post
ทั้ง 2 เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวของเจฟฟ์ เบโซส์บนสมาร์ตโฟน
ซึ่งตัวละครสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการล้วงข้อมูลดันเป็นถึง
มกุฎราชกุมารของประเทศซาอุดีอาระเบีย
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น..
เรื่องราวทั้งหมดนี้ต้องย้อนกลับไปช่วงกลางปี 2018
เริ่มต้นจากการพบกันระหว่างเจฟฟ์ เบโซส์ และเจ้าชายซาอุฯ
ทั้งคู่ได้นัดกันทานอาหารเย็น แลกเบอร์โทรศัพท์และแอดเพื่อนใน WhatsApp
Cr. The Verge
ผ่านไปไม่กี่เดือน
มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียก็ได้ส่งไฟล์วิดีโอไปให้กับเจฟฟ์ เบโซส์
ตอนแรกก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ
เพราะว่าเจ้าชายซาอุฯ ก็ได้ใช้ WhatsApp
ติดต่อกับนักธุรกิจชื่อดังมาแล้วหลายคน
เช่น ริชาร์ด แบรนสัน, ทิม คุก และเซอร์เกย์ บริน
อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนพบว่าตั้งแต่ที่เจฟฟ์เปิดไฟล์วิดีโอ
ข้อมูลบนสมาร์ตโฟนของเจฟฟ์ เบโซส์ ก็เริ่มถูกจารกรรมออกไปมหาศาล
ซึ่งกินระยะเวลาหลายเดือนติดต่อกัน
ณ จุดนี้ แหล่งข่าวหลายแห่งระบุว่า วิดีโอดังกล่าวถูกพ่วงมัลแวร์สำหรับการจารกรรมข้อมูลติดมาด้วย
เรื่องราวก็ผ่านมาจนปลายปี 2018
คุณจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุฯ ของ Washington Post ที่มักจะวิจารณ์มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย อยู่ดีๆ ก็โดนลอบสังหาร หลังจากเดินทางไปอิสตันบูล ประเทศตุรกี..
Cr. Time
ซึ่งก็เหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญ
เพราะจริงๆ แล้ว เจฟฟ์ เบโซส์นี้แหละ ที่เป็นเจ้าของสำนักข่าว Washington Post
ภายหลัง CIA หรือสำนักข่าวกรองกลาง รัฐบาลสหรัฐฯ
ยังระบุอีกว่า คนออกคำสั่งสังหารนักข่าวซาอุฯ ไม่ได้มาจากใครที่ไหน
แต่ก็คือเจ้าชายซาอุฯ นั่นเอง..
ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ พอเข้าช่วงต้นปี 2019
อยู่ดีๆ National Enquirer หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์อเมริกัน
ก็ได้เผยแพร่ภาพของเจฟฟ์ เบโซส์ กับลอเรน ซานเชส
พร้อมทั้งระบุว่ามีภาพฉาวของเจฟฟ์ เบโซส์ ซึ่งคาดว่าจะหลุดมาจากมือถือส่วนตัว
Cr. Business Insider
ซึ่งที่พีกคือ เบโซส์มีภรรยาอยู่แล้ว แต่กลับไปเที่ยวกับซานเชส..
ทำให้ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น เจฟฟ์ เบโซส์ ก็ได้ประกาศหย่าร้างกับภรรยา
ซึ่งภายหลังการหย่าต้องแบ่งทรัพย์สินกัน
ทำให้เป็นการหย่าที่มีมูลค่ามากสุดในโลก..
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ทำให้เจฟฟ์ เบโซส์
ตั้งทีมงานที่ปรึกษาเพื่อสืบสวนเรื่องราวดังกล่าวโดยเฉพาะ
และไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางทีมที่ปรึกษาก็ได้ตั้งข้อหาว่า
ที่เจฟฟ์ เบโซส์ โดนแฮ็กข้อมูลนั้นมาจากมัลแวร์บนวิดีโอ
ที่ถูกส่งมาจากมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย..
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย หลังจากโดนกล่าวหาก็รีบออกมาแจ้งทันทีว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่เป็นความจริง
และก็ยังรวมไปถึงการฟ้องร้องระหว่าง Facebook เจ้าของ WhatsApp ต่อ NSO Group บริษัทสัญชาติอิสราเอลที่เป็นบริษัทต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมกับการจารกรรมข้อมูลและเป็นเจ้าของมัลแวร์ เช่นกัน
เรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม
เพราะข้อมูลบนโลกออนไลน์ เรามีกันแทบทุกคน
คำถามสำคัญ ที่ตามมาก็คือ..
เจ้าของบริษัทเทคโนโลยีที่รวยสุดในโลก
ใช้งานแอปพลิเคชัน WhatsApp ซึ่งมีผู้ใช้งาน 1,500 ล้านบัญชีทั่วโลก
และแอปนี้เคลมว่ามีการเข้ารหัสเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัว
แต่กลับโดน แฮ็ก..
หันกลับไปดูมือถือของพวกเรา
ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า..
ถ้าเรามีความลับอยู่ในนั้น
สักวัน เราอาจจะโดนล้วงข้อมูล
เหมือนเจฟฟ์ เบโซส์ ก็เป็นได้..
โฆษณา