25 ม.ค. 2020 เวลา 02:00 • กีฬา
[ #ด่าออกสื่อมันไม่ดี ? ]
ปัญหาของ โชเซ่ มูรินโญ่ ช่วงคุมแมนฯยูไนเต็ดมีหลายอย่างด้วยกัน
อย่างแรกเลยก็คือมักจะชอบตำหนิหรือพูดจาไม่ให้เกียรติลูกทีมผ่านสื่อ
ลุค ชอว์ เคยโดนหนักมากหลังเผยให้เห็นความผิดพลาดที่ชัดเจน ปอล ป็อกบา เองก็ไม่ต่างกัน อยากได้อภิสิทธิ์เหนือเพื่อนร่วมทีม
ฟิล โจนส์ หรือ คริส สมอลลิ่ง ล้วนแต่เคยโดนเจ้านายตัวเองกรีดต่อหน้านักข่าวมาแล้วทั้งสิ้น
ย้อนกลับไปตอนเริ่มสร้างชื่อเสียงใหม่ในฐานะกุนซือปอร์โต้ เขาเปิดให้เห็นพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อนแล้ว
เดโก้ หนึ่งในศิษย์ก้นกุฏิเล่าให้ฟังว่า มูรินโญ่ มักจะทำอย่างนี้เสมอ แต่มันมีส่วนมาจากเรื่องจิตวิทยา เพราะเชื่อว่าจะกระตุ้นให้ลูกทีมมีความมุ่งมั่นมากขึ้น ต้องการจะปรับปรุงแก้ไข
คล้ายกับการทำโทษอย่างหนึ่ง ไม่ใช่การด่าส่วนตัวหรือว้ากในห้องแต่งตัว แต่เลือกที่จะตำหนิต่อหน้าสาธารณะ
อดีตตัวรุกทีมชาติโปรตุเกสยอมรับว่าไม่ได้ชอบวิธีการเช่นนี้ ทว่าต้องเข้าใจแนวทางของกุนซือแต่ละคนจะแตกต่างกันไป สไตล์ใครสไตล์มันและนี่คือ มูรินโญ่
แล้วเมื่อแผนนี้ใช้ได้ผลที่ปอร์โต้ ถึงขั้นพาผงาดแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในปี 2004 ยิ่งทำให้ มูรินโญ่ ยึดมาใช้ตลอด
เขาถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของงาน ต้องการจะเห็นปฏิกิริยาตอบสนองที่ดีจากผู้เล่นให้ดีกว่าเดิม
เดโก้ ยังแนะนำด้วยว่าแข้งแมนฯยูไนเต็ดต้องพยายามเรียนรู้และปรับตัวให้ได้ การไปแอนตี้ยี้ใส่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากทำให้ทีมพัง
ฟัง เดโก้ พูดแล้วหลายคนอาจคล้อยตาม เข้าใจเหตุผลว่าทำไม มูรินโญ่ ถึงทำเช่นนี้
กระนั้นก่อนจะใช้วิธีการของตัวเอง เขาควรแน่ใจสถานะความสัมพันธ์กับนักเตะคนดังกล่าวด้วย คนเป็นบอสต้องทำความรู้จักและเข้าใจลูกน้องให้มากที่สุด
ไม่ใช่ว่ามาถึงปุ๊บไม่พอใจใครหรืออยากจะลงโทษ ก็ออกมาบ่นผ่านสื่ออย่างเดียว นั่นยิ่งทำให้เกิดรอยร้าวในความรู้สึกมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตามหากย้อนกลับไปนานกว่านั้นช่วงกลางทศวรรษ 90 ซึ่ง มูรินโญ่ ตาม บ็อบบี้ ร็อบสัน ไปเป็นผู้ช่วยที่บาร์เซโลน่า เคยสร้างเรื่องในทำนองนี้เช่นเดียวกัน
โรนัลโด้ ดาวถล่มประตูทีมชาติบราซิลกำลังเปรี้ยงปร้างมากย้ายมาในเวลาไล่เลี่ยกันและมีความเป็นซูเปอร์สตาร์เต็มที่
หลายครั้งที่ดูเหมือนว่าเขามีอภิสิทธิ์เหนือเพื่อนร่วมทีมอื่นๆ เพราะบอร์ดบริหารเอาใจมากๆ ทำให้ มูรินโญ่ ไม่แฮปปี้นัก
มีอยู่นัดหนึ่งที่ โรนัลโด้ ยิงประตูได้แต่เล่นไม่เอาอ่าวสักเท่าไร มูรินโญ่ ถึงกับออกมาพูดผ่านสื่อพาดพิงว่า กองหน้าบางคนก็หวังแค่รอเพื่อนปั้นให้ซัดอย่างเดียว แล้วก็คิดว่าตัวเองคือดาราผู้ใหญ่ ทั้งที่แทบไม่มีส่วนอะไร
เคสนี้ โรนัลโด้ ไม่ยอมง่ายๆเช่นเดียวกัน ตอนนั้นกำลังขึ้นหม้อและ มูรินโญ่ เป็นแค่ผู้ช่วยโนเนมจะมาทำอย่างนี้มันออกจะเกินไปหน่อยแล้ว
เหยินใหญ่บอกกับ มาร์ติน พิตต้า เอเยนต์ส่วนตัวว่าไม่ชอบขี้หน้าผู้ช่วยที่ชอบเก๊กคนนี้เลย
โรนัลโด้ ซัลโว 47 ประตูใน 49 เกมทุกรายการเมื่อซีซั่น 1996/97 แต่แค่ปีเดียวก็ดิ้นรนย้ายไปอินเตอร์ มิลาน อ้างว่าไม่มีความสุขที่บาร์เซโลน่าอีกต่อไป
ต่อให้อากาศดีแต่บรรยากาศแย่ ย่อมไม่แฮปปี้เลยขอเผ่นหนีดีกว่า
ไม่รู้ว่าความขัดแย้งกับ มูรินโญ่ คือส่วนหนึ่งในการตัดสินใจครั้งนี้หรือไม่ แต่ชัดเจนแล้วว่ากุนซือโปรตุกีสชอบว่านักเตะออกสื่อมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเป็น
นิสัยส่วนตัวของ มูรินโญ่ คือมีความมั่นใจตัวเองในระดับสูงปรี๊ด ลองถ้าเชื่อแล้วยากที่จะลบล้างความคิดนั้นได้
นอกจากนี้ยังไม่ชอบให้นักเตะคนไหนมาใหญ่เหนือตน เขาจึงมีแนวทางการทำทีมที่ไม่ต้องการเน้นให้ใครสักคนเป็นซูเปอร์สตาร์ ศูนย์กลางต้องอยู่ที่ตนเท่านั้น
สมัยคุมเชลซียุคแรก เขาพูดชัดถ้อยชัดคำในวันแรกของการแถลงข่าวที่สแตมฟอร์ด บริดจ์เลยว่า สโมสรแห่งนี้อาจใช้งบประมาณมากกว่าใคร แต่รับรองไม่มีสตาร์เด็ดขาด
ว่าแล้วก็ให้ไล่รายชื่อดูกันเลย ซึ่งก็จริงนั่นแหล่ะ ตอนนั้น ดิดิเยร์ ดร็อกบา , ปีเตอร์ เช็ก หรือ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ที่เพิ่งย้ายตามกันมายังไม่มีชื่อเสียงสักเท่าไร
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่เขาต้องการจากลูกทีมคือความซื่อสัตย์ ดังนั้นจึงพยายามจะให้ใจก่อน การซื้อใจเคยได้ผลดีตอนเป็นผู้จัดการทีมเชลซีช่วงแรก
นักเตะหลายคนมุ่งมั่นเต็มที่ สู้เพื่อเจ้านายคนนี้ ก่อนสิงห์น้ำเงินจะเขย่าบัลลังก์พรีเมียร์ลีกด้วยการครองแชมป์ 2 ปีติดต่อกัน
อย่างไรก็ตามข้อเสียอย่างร้ายกาจ นอกเหนือไปจากเชื่อมั่นและดูหลงใหลอำนาจแล้ว เขายังไม่ยืดหยุ่นประนีประนอมอีกด้วย เข้าข่ายยอมหักไม่ยอมงอ
เมื่อไม่มีศิลปะในการเป็นเจ้านายคนมากพอ ปัญหาต่างๆเลยตามมาและราวีจนปัจจุบันนี้ด้วย
ไม่กี่วันก่อนมีข่าวว่าบรรยากาศในแคมป์สเปอร์สนั้นย่ำแย่มาก ตัวการสำคัญคือ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมคนใหม่ที่เพิ่งทำหน้าที่ได้เพียงแค่ 15 เกมเท่านั้น
นอกเหนือจากผลงานไม่น่าประทับใจเป็นไปตามเป้าหมาย ชนะเพียงแค่ 7 ไม่ถึงครึ่ง อีกทั้ง 4 นัดหลังสุดไม่รู้จักคำว่าชนะเลย ทำให้หลายอย่างดูตึงเครียดลงไป
สื่อบางเจ้าอ้างจากแหล่งข่าววงในว่า นักเตะในทีมบางคนเริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ บอสคนใหม่ไม่ใช่อย่างที่หวังไว้และทำให้นึกภาพตอนคุมแมนฯยูไนเต็ดขึ้นมา
วิธีการฝึกซ้อมที่ล้าหลัง ไม่ทันสมัย เต็มไปด้วยความธรรมดามากๆ เมื่อเทียบกับตอน เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือคนก่อนทำทีมอยู่
เน้นที่ลูกเซตพีช การวางบอลยาวสาดไปข้างหน้า การทุ่มไกลไปในจุดอันตรายและการถอยคุมโซน
ขณะเดียวกันรูปแบบการเล่นอันน่าตื่นตาเร้าใจในยุคที่ พอช สร้างไว้ ค่อยๆหายไปเรื่อยๆ แทบจะไม่หลงเหลือริ้วรอยอีกแล้ว
นักเตะสเปอร์สหลายคนเริ่มเบื่อและเอือมกับการเล่นเช่นนี้ เพราะไม่ใช่แบบที่ชอบหรือถนัด อีกทั้งผลที่ได้รับกลับมาไม่ได้ดีอย่างที่คาดด้วย
ยังไม่หมดเท่านี้ ข้อเสียเดิมๆที่คุ้นเคยกันอย่างหยามหยันหรือว่าผู้เล่นต่อหน้าสื่อยังคงมีให้เห็น
ตองกีย์ เอ็นดอมเบเล่ เพิ่งถูกลากไส้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บบ่อยมากๆ ทั้งที่ซ้อมก็ปกติเห็นกันอยู่ แต่อีก 10 นาทีกลับมาบอกว่าเล่นไม่ไหว
มูรินโญ่ พูดเหมือนตั้งคำถามว่าตกลงแล้วกองกลางค่าตัวแพงสุดสถิติสโมสรคนนี้เจ็บจริงหรือการเมืองกันแน่
พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้เขาเกิดรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล ก่อนจะนำมาแฉ
แดนนี่ โรส แบ็กซ้ายจอมบุกก็โดนด้วยเหมือนกันเมื่อสองวันก่อนนี้เอง
ต้นเหตุมาจากแพทย์สโมสรรายงานมาว่า โรส มีปัญหาบาดเจ็บจริงหลังจากเช็คสภาพแล้ว ดังนั้นจึงไม่ให้มาซ้อมในวันศุกร์พักไปก่อนจนกว่าจะดีขึ้น
แต่นักเตะไม่สนใจดึงดันจะซ้อม ซึ่งนั่นสร้างความไม่พอใจให้กับ มูรินโญ่ เหลือเกิน หากเจ็บซ้ำแล้วหนักกว่าเดิมขึ้นมา สโมสรจะเกิดปัญหาไปด้วย
แล้ว โรส ก็ไม่ได้ลงเล่นเลยใน 2 เกมล่าสุด
ในสถานการณ์ที่ดูขุ่นมัว บรรยากาศย่ำแย่เช่นนี้ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรล กองหลังที่เพิ่งขยายสัญญาออกไป ช่วยออกมากลบความบาดหมางข้างใน ยืนยันว่าปกติดี ไม่อย่างนั้นคงไม่ฝากอนาคตไว้ที่นี่
แต่ไม่วายบอกว่าน่าจะมีผู้เล่นไม่กี่คน ซึ่งเป็นเหมือนแกะดำไปปล่อยข่าวให้เกิดความร้าวฉาน
ส่วน เอริก ดายเออร์ ก็ชูมือเห็นด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นในสนามซ้อมหรือห้องแต่งตัวยามนี้ ต่างไปจากที่สื่อนำเสนอทั้งสิ้น ล้วนแต่เป็นการมโนไปเองมากกว่า
เดาไม่ยากว่าสองคนนี้หวังจะมาสยบข่าวไม่ดี ซึ่งเราไม่อาจล่วงรู้รายละเอียดที่แท้จริงหรอกว่าข้างในเกิดอะไรบ้าง
แต่ที่แน่ๆคือการพาดพิงลูกทีมต่อหน้าสาธารณะยังคงเป็นสิ่งที่ มูรินโญ่ ใช้อยู่เสมอ
ไม่ว่าจะมีเจตนาติเพื่อก่อปลุกเร้าให้ดีขึ้นหรือเจ้าคิดเจ้าแค้นก็ตาม
ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป บางครั้ง มูรินโญ่ ก็ต้องหัดปรับตัวบ้าง อย่าไปงมอยู่กับอดีต ยึดมั่นกับความสำเร็จแต่หนหลังมากเกินไป
ไม่อย่างนั้นช่วงเวลาแห่งความสุขในอดีตยากที่จะย้อนคืนกลับมาแน่
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา