25 ม.ค. 2020 เวลา 11:33
ช่วงนี้ข่าวการระบาดของ CoronaVirus อู่ฮั่น แพร่หลายมาก สร้างความรู้สึกกังวล และเป็นห่วงเพื่อน พี่น้องและอาจารย์ที่อยู่ตรงนั้นจังเลยค่ะ เพราะเคยไปใช้ชีวิตอยู่ที่อู่ฮั่น 6 ปี จนรู้สึกว่าเป็นบ้านที่ถ้ามีโอกาสต้องกลับไปอีก
หมอจบแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Tongji medical college และได้ไปฝึกงานที่โรงพยาบาล Union hospital อยู่ 2 ปี เราได้เห็นวิถีชีวิตคนจีน คนท้องถิ่นอู่ฮั่น และการแพทย์แผนปัจจุบันของที่จีนค่ะ
โรงพยาบาล Union hospital ที่เคยได้ไปฝึกงานนั้นเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่มาก รองรับผู้ป่วยกว่า 1000+ เตียง ไกลจากกันไม่กี่กิโลเมตร ก็จะเจอ โรงพยาบาล Tongji ที่เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงของมณฑลหูเป่ยค่ะ
บรรยากาศโรงพยาบาล Wuhan Union hospital ตอนเย็น สวยมั้ยคะ นี่เป็นประตูใหญ่ด้านหน้า คิดถึงมาก
ว่าด้วยประชากรอันมากล้น ของเมืองอู่ฮั่นซึ่งเป็นเหมือนเมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย มีประชากรประมาณ 11 ล้านคน (แค่เมืองเดียวนะคะ) มันจะแออัดขนาดไหน และทุกวันคนไข้หลั่งไหลมาหาหมอที่โรงพยาบาลหลักพันคนค่ะ ห้องตรวจแต่ละแผนกกินพื้นที่อย่างน้อย 1 -2 ชั้น และการรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจะแบ่งเป็นโรคตามแผนกไปเลย เช่น แผนกอายุรกรรมโรคไต ชั้น 6-8 อายุรกรรมโรคข้อ ชั้น 9-10 อายุรกรรมหัวใจ 11-13 เป็นต้น ด้งนั้นความหวังของคนไข้จะอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ ๆ ในเมืองอู่ฮั่นเพราะคุณหมอเฉพาะทางมารวมตัวกันเป็นทีมที่นี่
ว่าด้วยเรื่องเทคโนโลยีและการรักษา ต้องบอกว่าอาจารย์ของทั้งสองแห่ง เป็นระดับศาสตราจารย์และจบนอกกันหลายท่าน (ส่วนใหญ่จากเยอรมันค่ะ เพราะตอนช่วงโรงพยาบาลก่อตั้งมีชาวเยอรมันมาร่วมก่อตั้งโรงพยาบาลด้วย แต่จำประวัติท่านไม่ได้แม่นยำค่ะ แหะ ๆ )
ดังนั้น ในเรื่องการรักษาและวิทยาการ หมอเชื่อว่าที่นั่นไม่แพ้ใครแน่นอน
แต่ที่เป็นห่วงมากที่สุด คือ ตัวคนไข้ชาวจีนนี่เอง เพราะมีความหลากหลายทางท้องถิ่นมาก และมีความรู้ความเข้าใจต่างกัน
ในสมัยตอนเรียนนั้น ยังเป็นตึกเก่า คนไข้ชาวจีนจะแห่มาพบแพทย์แต่เช้าตรู่ เมื่อเห็นอาจารย์หมอมาแล้วจะพากันกรูเข้าห้องตรวจ จะไม่ได้เดินมาทีละราย ปิดประตูนั่งคุยกับหมอแบบที่บ้านเรา แต่ทุกคนจะมายืนรุมอาจารย์หมอกันเลย ไม่มีความลับใดใดระหว่างคนไข้ เห็นใจอาจารย์มากเพราะต้องรับความกดดันอยู่เสมอ หลายครั้งนักศึกษาแพทย์เองก็ต้องช่วยแบ่งเบาภาระอาจารย์ในเรื่องการระบายคนไข้และเป็นลูกมือให้อาจารย์ในการทำหัตถการการตรวจอื่น ๆ ในห้องตรวจค่ะ ไม่รู้หลังจากจบมาแล้วคนไข้ชาวจีนถูกจัดสรรระบบการเข้าพบแพทย์อย่างไรบ้างแล้ว
ปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้ที่ประเทศจีนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ตอนเรียนปี 4 นั่งดูข่าวแล้วพบรายงานสรุป 5 อาชีพที่อันตรายที่สุดของจีน
อาชีพแพทย์เป็นหนึ่งในนั้นด้วย โดยเฉพาะโรงพยาบาลในแถบชานเมืองที่เกิดปัญหาทำร้ายแพทย์ บางครั้งแพทย์เสียชีวิต ดังนั้นอาชีพแพทย์ไม่ใช่อาชีพในอุดมคติของเด็ก ๆ แต่คนที่จะมาเป็นหมอที่จีน เป็นกันโดยใจรักจริง
มีรุ่นน้องหลายคนและเพื่อนยังอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น บรรยากาศไม่ค่อยดีนัก แต่ทุกคนปลอดภัยดี สถานทูตปักกิ่งให้ทุกคนลงทะเบียนที่อยู่ไว้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้จัดการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ตอนข่าวออก ลุ้นมากจะเอาอยู่มั้ย ยิ่งตอนนี้อากาศที่นั่นกำลังอยู่ในช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ของบางปีมีหิมะตกด้วยซ้ำ ยิ่งสนับสนุนการแพร่เชื้อเข้าไปใหญ่ อย่างเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ 7 องศาเองค่ะ
หลายคนที่มหาวิทยาลัยแพทย์อุทิศตัวเพื่อการวิจัยไวรัส แบบไม่เอาผลตอบแทนอะไรเลย สมัครใจทำแบบไม่กลัวตาย เขียนจดหมายสั่งเสียครอบครัวไว้เรียบร้อย 😣😟
รุ่นน้องที่มหาลัยเดียวกันแจ้งว่า ตอนนี้เพื่อนคนจีนที่ทำงานในโรงพยาบาลเหนื่อยกันมาก และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้ออย่างหน้ากากและชุดป้องกันกำลังจะหมดไป จะกินข้าวก็ลำบากเพราะถ้าถอดชุดมาทานอาหารชุดจะปนเปื้อนใช้ซ้ำไม่ได้ ชุดใหม่ก็ไม่พอ 😢
1
ชุดป้องกันโรค กับพวกหน้ากากอนามัยกำลังจะหมดแล้วค่ะ
หลังจากที่เมืองถูกปิด การส่งหรือรับพัสดุไม่สามารถทำได้มาหลายวันแล้ว ทางโรงพยาบาล union hospital กำลังมีการขอรับบริจาค แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดชัดเจนค่ะ
หมอทหารของทางการจีนหลายนายเข้าเมืองอู่ฮั่นช่วยแก้สถานการณ์ ก็ได้แต่หวังใจว่าจะทุเลาเบาบางลง และข่าวการสร้างโรงพยาบาลเพื่อรองรับผู้ป่วยจะเสร็จตามกำหนดการแน่นอน เพราะเคยสร้างโรงพยาบาลในปักกิ่งเสร็จใน 7 วัน เมื่อช่วงปี 2002 ที่ SARS ระบาดมาแล้ว
ขอให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไปโดยเร็ว ตอนนี้เหลือรุ่นน้องชาวไทยที่ไปเรียนที่นั่นหลายสิบชีวิตอยู่ที่อู่ฮั่น คิดถึงและเป็นห่วงอู่ฮั่นจังค่ะ ทุกคนก็ต้องป้องกันตัวเองดูแลตัวเองด้วยนะคะ ช่วงนี้สารพัดทั้งฝุ่นทั้งไวรัส โลกเราหมุนเร็วเหลือเกิน ตามไม่ทันแล้วจ้ะพี่จ๋า
1
โฆษณา