25 ม.ค. 2020 เวลา 13:14 • บันเทิง
คนหนึ่งคนมีค่าขนาดไหนครับ?
แปลเพลง - Never Enough - Loren Allred - The Greatest Showman OST
ในชีวิตของเรา เรามีความสัมพันธ์หลายๆรูปแบบกับคนหลายๆกลุ่ม โดยอัตโนมัติ เรากำหนดความสำคัญให้กับแต่ละคนอย่างไม่รู้ตัว บางคนเป็นคนสำคัญกับเรา บางคนเป็นคนที่เรารัก บางคนก็ตรงกันข้าม หลายครั้งหลายสถานการณ์ที่เราพบว่าคนที่สำคัญกับเราไม่ใช่คนที่เรารัก และเราก็มักจะพบว่าคนที่เรารักส่วนมากจะเป็นคนที่สำคัญกับเรา เรายังพบว่า คนที่เรารักและสำคัญกับเราเป็นคนที่มีค่ากับเรา และบางครั้งก็อาจมีกรณีแปลกๆเช่นกันที่เราพบว่า คนที่เราไม่ได้รัก ไม่สำคัญกับเราแต่ดันมีค่ากับเรา
วันนี้เป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง The Greatest Showman ครับ เพลงนี้ชื่อ Never Enough ร้องโดย Loren Allred (นางเคย Audition The Voice USA ผ่านแล้วไปตกรอบ Knock out ปี 2012) ถูกต้องแล้วครับ นักแสดงที่ร้องในหนังเรื่องนี้ลิปซิงค์ครับ
Never Enough - Loren Allred
I'm trying to hold my breath. Let it stay this way. Can't let this moment end.
You set off a dream in me. Getting louder now can you hear it echoing?
Take my hand. Will you share this with me?
'Cause darling without you...
All the shine of a thousand spotlights
All the stars we steal from the night sky
Will never be enough
Never be enough
Towers of gold are still too little
These hands could hold the world but it'll
Never be enough
Never be enough
For me
Never, never
Never, never
Never, for me
For me
Never enough
Never enough
Never enough
For me
For me
For me
All the shine of a thousand spotlights
All the stars we steal from the night sky
Will never be enough
Never be enough
Towers of gold are still too little
These hands could hold the world but it'll
Never be enough
Never be enough
For me
Never, never
Never, never
Never, for me
For me
Never enough
Never, never
Never enough
Never, never
Never enough
For me
For me
For me
For me
ไม่เคยพอ
ชั้นต้องแอบกลั้นหายใจเอาไว้ ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปก่อน ไม่อยากให้ช่วงเวลานี้จบลงเลย
เธอตั้งความฝันในตัวชั้น ตอนนี้มันกำลังดังชัดขึ้นๆ เธอได้ยินเสียงสะท้อนของมันมั้ย?
กุมมือชั้นไว้สิ เธอจะร่วมรับรู้ความรู้สึกนี้กับชั้นมั้ย?
เพราะหากปราศจากเธอแล้ว...ที่รัก...
ถึงแม้ชั้นจะโดดเด่นมากขนาดไหน
ต่อให้เรามีชื่อเสียงเหนือผู้คนมากมายเพียงใด
มันก็คงไม่พอหรอก
มันคงไม่มีความหมาย
แม้จะมีเงินทองมากองสูงเท่าตึกใหญ่โตมโหฬารก็ดูจะน้อยไป
ต่อให้สองมือนี้กุมทั้งโลกไว้ได้ มันก็ไม่อาจ...
จะเติมเต็มชั้นได้หรอก
ไม่มีทางพอได้หรอก
สำหรับชั้นแล้ว
ไม่มีทาง...
ไม่มีทาง...
ไม่มีทาง... สำหรับชั้นแล้ว
เพื่อชั้นแล้ว
ไม่มีทางพอได้หรอก
เติมเต็มชั้นไม่ได้หรอก
หากปราศจากเธอแล้ว
สำหรับชั้น
สำหรับชั้นแล้ว
กับชั้นแล้ว
ถึงแม้ชั้นจะโดดเด่นมากขนาดไหน
ต่อให้เรามีชื่อเสียงเหนือผู้คนมากมายเพียงใด ก็แล้วไง
มันก็คงไม่พอหรอก
มันคงไม่มีความหมายอะไร
แม้จะมีเงินทองมากองสูงเท่าตึกใหญ่โตมากมายขนาดไหน มันก็ยังดูจะน้อยเกินไป
ต่อให้สองมือนี้กุมทั้งโลกไว้ได้ มันก็ไม่อาจ...
จะเติมเต็มชั้นได้หรอก
ไม่มีทางพอได้หรอก
สำหรับชั้นแล้ว
ไม่มีทาง...
ไม่มีทาง...
ไม่มีทาง... สำหรับชั้นแล้ว
เพื่อชั้นแล้ว
ไม่มีทางพอได้หรอก
เติมเต็มชั้นไม่ได้หรอก
หากปราศจากเธอแล้ว
สำหรับชั้น
สำหรับชั้นแล้ว
กับชั้นแล้ว
...
มันเทียบกับเธอไม่ได้
อรรถาธิบาย
เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อใช้ในหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะครับ ดังนั้นในเนื้อเพลงจึงอาศัยความเข้าใจจากเนื้อเรื่องของหนังในผู้ชมที่กำลังดูหนังมาจนถึงตอนที่เพลงนี้ถูกเล่นขึ้นมาในฉากนี้โดยเฉพาะ ดังนั้นการตัดภาพในแต่ละช็อตของหนังที่เพลงนี้กำลังเล่นอยู่จึงมีความสัมพันธ์กับทั้งเนื้อเรื่องและเนื้อเพลงด้วยครับ (เช่น you set off a dream in me นางก็มองไปทางพระเอก พระเอกเห็นนางมองมาตอนพูดประโยคนี้ก็มีสีหน้าดีใจและระบายลมออกมาจากปากพร้อมกัน ในขณะที่ภรรยาของพระเอกก็เหมือนจะสังเกตได้อะไรบางอย่างและเหมือนจะตกใจและดูออกในท่อน never enough หรือ take my hand ก็จะเป็นภาพที่สองคนกำลังจะแอบจับมือกัน) ความหมายแฝงของความรู้สึกที่ตัวละครส่งให้กันมันใช่หมดครับ เพลงนี้ใช้ศัพท์ง่ายตลอดทั้งเพลง แต่ความหมายของคำที่ใช้ร้องซ้ำๆว่า never enough, never be enough มันเป็นความหมายในทางลบว่ายังไงๆก็ไม่พอ ดังนั้นตอนจบผมจึงต้องปิดด้วยคำที่ไม่ตรงกับในดิกชันนารีอีกแล้ว ^^' เพื่อเน้นสิ่งที่เค้าเฉลยไว้ตั้งแต่ต้นเพลงครับ
ลืมบอกอารมณ์เพลงครับ เพลงนี้คือการอุทานดีใจที่สมหวังครับ เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆครู่เดียวในชีวิตตอนที่รู้ว่าตัวเองสมหวังและอุทานรำพึงรำพันออกมาเป็นเพลงนี้ครับ
I'm trying to hold my breath การ "trying" จะเกิดขึ้นเมื่อเรากลั้นหายใจครับ หากคุณลองทำดูคุณจะพบว่าคุณต้องพยายามมาก สิ่งที่จะทำให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นมาได้คือการตกใจครับ คนเราตกใจกับแค่สองเรื่อง เรื่องแย่ กับ เรื่องดี ในที่นี้คือเรื่องดีครับ (you set off a dream in me) ตกใจแล้วโดยอัตโนมัติเราหอบเอาอากาศคำหนึ่งเข้าไปทางปากแล้วกลั้นมันเอาไว้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ คล้ายๆว่าโลกจะหยุดไปชั่วขณะครับ ตัวตนของเราชัดขึ้น โลกภายนอกลดความสำคัญลง อยู่กับตัวเองล้วนๆ รู้สึกดีจัง เธอตั้งความหวังในตัวชั้น (you set off a dream in me) อยากรู้สึกดีแบบนี้ต่อไปนานๆจัง (let it stay this way) ไม่อยากให้ช่วงเวลานี้จบลงเลย (can't let this moment end) set off ตรงนี้เป็นกิริยาครับ แปลว่า start แต่ก็สามารถแปลว่า ปิด หรือ ยุติได้เช่นกัน (set ... off) พอดูเนื้อเพลงทั้งเพลงเราก็จะรู้เองว่ามันจะแปลว่าอะไรครับ
4
Getting louder now สิ่งนี้เกิดขึ้นในความรู้สึกของเค้าครับ มันขยายความรู้สึกของตัวเองออกไป ความดีใจ ความสมหวัง มันรู้สึกดี มันกำลังขยายตัว เหมือนมันกำลังสะท้อนเอคโค่ออกไปเรื่อยๆเลยเธอได้ยินมั้ย? (can you hear it echoing?) ทำยังไงเธอถึงจะได้ยินนะ จับมือชั้นสิ กุมมือชั้นไว้ อยากรู้มั้ยว่าชั้นรู้สึกยังไง? อยากรับรู้มันเหมือนกับที่ชั้นกำลังรู้สึกอยู่มั้ย? (Take my hand. Will you share this with me?) อยากให้เธอรู้จังเลยว่าถ้าไม่มีเธอแล้ว ต่อให้อะไรๆที่สำคัญๆกับชั้นมันก็ไม่มีความหมาย ('cause darling, without you...)
เพราะถึงแม้จะมีสปอตไลท์เป็นพันดวงส่องฉายลงมาที่ชั้น (all the shine of a thousand spotlights) ตรงนี้เป็นสัญลักษณ์ครับ (symbol) เราต้องแปลสัญลักษณ์อีกทีนึง ในหนังก็เป็นเรื่องของการขึ้นเวทีแสดงอยู่แล้ว การตกอยู่ภายใต้แสงสปอตไลท์แค่ดวงเดียวนั้นยังทำให้เราโดดเด่นมาก หากเปลี่ยนเป็นพันดวงมันจะโดดเด่นถึงระดับไหน? ต่อให้เราขโมยดวงดาวมาจากทั้งฟากฟ้า (all the stars we steal from the night sky) ดวงดาวก็คือดารา คนมีชื่อเสียง star ทุกดวงมารวมอยู่ที่เรา นั่นจะทำให้เรามีชื่อเสียงในระดับไหน? บอกเลยว่ามันก็ยังไม่พอหรอก (never be enough) มันเทียบไม่ได้กับเธอหรอก ('cause darling, without you...)
Towers of gold are still too little คือเอาทองมาเรียงต่อกันให้สูงเท่าตึกๆๆๆ (มี s) ก็เป็นสัญลักษณ์คือคือมีเงินทองมากองเป็นภูเขา มันก็ยังน้อยเกินไป (still too little) แม้แต่สองมือนี้ที่ต่อให้สามารถกุมโลกได้ทั้งใบ (These hands could hold the world) เพราะทั้งโดดเด่นและมีชื่อเสียงมีทรัพย์สินเงินทองมากมายขนาดนั้น แต่มันก็ยังไม่พอ
Never be enough, never be enough for me, never enough, never enough for me. ตรงนี้พอแปลเป็นไทยผมเล่นคำเพื่อเปรียบเทียบความรู้สึกให้ครับ มันคงไม่พอหรอก มันไม่มีความหมาย มันเติมเต็มชั้นไม่ได้หรอก มันไม่มีทางพอหรอก ...หากปราศจากเธอ สุดท้ายทุกอย่างที่ระบุมาทั้งหมด ชือเสียงความโดดเด่น เงินทอง ต่อให้โลกทั้งใบ มันเทียบไม่ได้ไม่มีประโยชน์เลยถ้าไม่มีเธอ มันเป็น metaphor ทั้งเพลงและมอบคุณค่าของทุกสิ่งทุกอย่างมาลงที่เธอครับ เพราะมันทำให้ชี้ความหมายลงไปได้ว่า ถ้ามีเธอแล้วมันก็ enough ครับ
วีดีโอเวอร์ชั่นที่คุณเห็นอยู่ข้างบนเป็นการตัดมาจากในหนังครับ คนที่ร้องเพลงในหนังคือ Rebecca Ferguson เล่นเป็นเจนนี่ลินด์ในเรื่อง แต่คนที่ร้องเพลงนี้จริงๆ เสียงร้องที่คุณได้ยินในวีดีโอนั้นเป็นเสียงของ Loren Allred ครับ เธอร้องแบคอัพให้กับรีเบคก้าในเรื่องนี้ อย่างที่บอกไว้ข้างบนครับ เธอเคยตกรอบ The Voice USA 2012 ทีมอดัม แต่ได้เห็นเธอร้องเพลงของหนังเรื่องนี้รู้สึกดีใจกับเธอมากๆเลยครับ ข้างล่างนี้คือ live performance show ของเธอครับ พลังของเพลงทำได้ในระดับเดียวกับในหนังเลย ของเค้าดีจริงๆ
คำถามข้างบนไม่ได้ตั้งใจให้เราหาคำตอบในเชิงตรรกะครับว่าเราควรมีหลักเกณฑ์ในการให้ค่าของคนอย่างไร เพลงนี้คือตัวอย่างของคนที่รู้คุณค่าของคนบางคนและเปรียบเทียบคุณค่านั้นกับความรู้สึกของตัวเอง ดังนั้นจุดหมายที่แท้จริงของคำถามนี้คือเพื่อสร้างการตระหนักรู้ให้กับเราเพื่อให้เราสามารถตอบได้ในทันทีว่า ใครคือคนนั้นครับ? คนที่มีค่ามากที่สุดสำหรับเรา
แถม cover คลีนๆให้อีกหนึ่งครับ :)
Enjoy thinking krub :)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา