27 ม.ค. 2020 เวลา 12:06 • กีฬา
อะไรที่โคบี้ ไบรอันต์ ทิ้งไว้ให้กับวงการกีฬาบ้าง นี่คือเหตุผลว่าทำไม ผู้คนล้วนเสียใจจากการจากไปของซูเปอร์สตาร์คนนี้
สำหรับคนรักกีฬาทุกคน เมื่อได้รู้ข่าวการเสียชีวิตของโคบี้ ไบรอันต์ ความรู้สึกแรกที่มีคือตกใจและไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง
คือยุคนี้ข่าว Fake News แกล้งหลอกว่าเซเล็บคนนี้ตาย คนนั้นตายมันมีเยอะแยะ เฉินหลง กับนิโคลัส เคจมีข่าวว่าตายมาแล้วเป็นสิบรอบ แต่ก็ยังมีชีวิตปกติสุขดี ดังนั้นตอนข่าวโคบี้เสียชีวิตหลุดออกมา เราก็ยังรู้สึกว่าคงเป็นมุกโจ๊กอะไรสักอย่าง
แต่เมื่อตามข่าวไปเรื่อยๆ ทุกสำนักข่าวทั่วโลกรายงานตรงกันหมด และชัดเจนแล้วว่า มันไม่ใช่เรื่องโกหก โคบี้เสียชีวิตจริงๆ จากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก มันคืออุบัติเหตุที่ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าเลย
ก่อนหน้านี้เราเพิ่งเห็นโคบี้ ทวีตร่วมยินดีกับเลอบรอน เจมส์ที่ทำแต้มใน NBA แซงหน้าตัวเองกันอยู่เลย คือเราจินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าเขาจะเสียชีวิตอย่างกะทันหันขนาดนี้ ด้วยวัยแค่ 41 ปีเท่านั้น
ที่น่าเศร้ามากๆคือ บนเฮลิคอปเตอร์ มีน้องจีจี้ ลูกสาวคนโตของโคบี้นั่งอยู่กับคุณพ่อของเธอด้วย และเธอก็เสียชีวิตไปพร้อมกัน
นึกไม่ออกเลยว่า วาเนสซ่า ภรรยาของโคบี้และแม่ของจิอันนี่ จะยังสามารถยืนหยัดต่อไปได้อย่างไร ที่เสียทั้งสามีและลูกสาวไปพร้อมกันแบบนี้
1
การจากไปของโคบี้ครั้งนี้ เป็นเรื่องสะเทือนโลกอย่างแท้จริง เพราะโคบี้ ไบรอันต์ ไม่ใช่แค่นักบาสเกตบอลเท่านั้น แต่เขาคือไอคอนของเด็กหนุ่มหลายล้านคนทั่วโลก
และนี่คือเรื่องราวส่วนหนึ่งของ Legacy ความยิ่งใหญ่ของโคบี้ ไบรอันต์
[ คุณเก่งพอคุณก็แก่พอ ]
ตามปกติแล้ว ในบาสเกตบอล NBA การคัดเลือกตัวหรือดราฟต์ผู้เล่นเข้ามาสู่ทีม ส่วนใหญ่ทีมใน NBA จะเลือกผู้เล่นในระดับมหาวิทยาลัย สาเหตุเพราะเด็กมหาวิทยาลัยมีร่างกายแข็งแกร่งแล้ว และผ่านเกมระดับ NCAA หรือรายการชิงแชมป์ระดับมหาวิทยาลัยมาแล้ว คือมีคุณวุฒิและวัยวุฒิพร้อมที่จะเข้ามาเล่นลีกอาชีพ
ถ้าเป็นนักกีฬาระดับมัธยมปลาย มีน้อยมากๆ ที่จะถูกดราฟต์ เพราะทีมส่วนใหญ่จะมองว่าเด็ก ม.ปลาย กระดูกยังไม่แข็งพอ มาเล่นในลีกก็โดนผู้ใหญ่เล่นงานเสียยับเยินแน่
แต่ในปี 1996 โคบี้ เด็กมัธยมจากโรงเรียนโลเวอร์ เมเรียน ไฮสคูล ที่เพนซิลวาเนีย ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักบาสระดับม.ปลายที่เก่งที่สุดในประเทศ
ดังนั้นเขาจึงถูกชาร์ลอตต์ ฮอร์เน็ตส์ ดราฟต์ตัวในปี 1996 และเทรดต่อให้แอลเอ เลเกอร์สทันที นั่นแปลว่าโคบี้ ไบรอันต์ ได้เล่น NBA ตั้งแต่อายุ 17 ปีเท่านั้น
เด็กอายุ 17 คนนั้นที่ใครๆก็สบประมาท พัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ และสุดท้ายก็คว้าแชมป์ NBA ได้สำเร็จในปี 2000 เขาแสดงให้เห็นว่า ต่อให้ไม่เคยผ่านการเล่นระดับมหาวิทยาลัยมาก่อน แต่ถ้าคุณเป็นของจริง มีฝีมือตัวจริง สุดท้ายก็สามารถประสบความสำเร็จได้
โคบี้ คีอนิยามของคำว่า ถ้าคุณเก่งพอ คุณก็แก่พออย่างแท้จริง หลังจากเคสของโคบี้ ไบรอันต์แล้ว ทีมใน NBA ก็มองศักยภาพผู้เล่นระดับมัธยมว่าคู่ควรกับการดราฟต์ นักกีฬามากมายที่ยังไม่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็สามารถกระโดดเข้า NBA ได้เลยถ้าคุณเก่งจริง อย่างเช่น เทรซี่ แม็คเกรดี้, เลอบรอน เจมส์ หรือ ดไวท์ ฮาวเวิร์ด เป็นต้น
[ จงรักภักดีกับทีมเดียว ]
ในวงการฟุตบอล เราจะเห็นผู้เล่นที่เป็น One-club man หรือเล่นทีมเดียวจนเลิกอยู่ไม่น้อย แต่กับบาสเกตบอล NBA นั้น เป็นอะไรที่ต่างออกไป เพราะมีการเทรดตัวย้ายทีมกันบ่อยมาก ผู้เล่นหมดสัญญาก็ย้ายไปแบบฟรีเอเยนต์ได้ตลอดเวลา
1
ผู้เล่นที่อยู่กับทีมเดียวมากกว่า 15 ปีใน NBA ในประวัติศาสตร์มีแค่ 8 คนเท่านั้น คนที่อยู่มานานที่สุดกับทีมเดียวคือเดิร์ค โนวิตซกี้ ของดัลลัส แมฟเวอร์ริคส์ อยู่มา 21 ปี ส่วนโคบี้ ไบรอันต์คืออันดับ 2 อยู่กับแอลเอ เลเกอร์ส มานานถึง 20 ปี ระหว่างปี 1996-2016
ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ด้วยความเป็นซูเปอร์สตาร์ของโคบี้ ทำให้เขามีข้อเสนอมากมายที่พร้อมมอบรายได้มากกว่าเดิมให้ แต่สุดท้ายเขาก็ยังต่อสัญญากับแอลเอ เลเกอร์สมาเรื่อยๆ จนสำหรับแฟนๆ เขาคือสัญลักษณ์ของทีม ไม่ว่าใครจะเข้า ใครจะออก แต่มั่นใจได้เสมอว่าโคบี้ ไบรอันต์จะอยู่
ในช่วงปลายอาชีพ ราวปี 2014 โคบี้หมดสัญญากับเลเกอร์ส และมีทีมใหญ่ระดับลุ้นแชมป์พร้อมมอบเงินก้อนโตให้เขาเพื่อย้ายไปร่วมทีมด้วย เป็นการโกยเงินก้อนสุดท้ายก่อนจะปิดฉากอาชีพ และเก็บความสำเร็จ คว้าแหวนแชมป์วงที่ 6 ให้กับตัวเอง เพราะเลเกอร์ส ณ ตอนนั้นอยู่ในช่วงตกต่ำ คือโคบี้อยู่ต่อก็ยากจะเป็นแชมป์
1
แต่โคบี้ตอบกลับไปว่า "ผมได้ยินข่าวว่าผมควรย้ายไปเล่นให้ทีมลุ้นแชมป์ในช่วงท้ายของอาชีพ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมจะทำ ผมจงรักภักดีกับเลเกอร์ส ผมเชื่อว่าการต่อสู้ในช่วงเวลาที่ทีมยากลำบาก มันมีความหมายพอๆกับอยู่ในตอนที่ทีมมีผลงานดี ผมคิดว่าเป็นความรับผิดชอบของผม ที่จะทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อพาทีมกลับมาสู่จุดที่ควรจะเป็นอีกครั้ง"
5
"ผมมมีช่วงเวลาแฮปปี้มากมายที่เลเกอร์ส แต่ชีวิตจริงคุณไม่สามารถกอบโกยแต่เวลามีความสุข และวิ่งหนีเวลาที่เป็นทุกข์ได้หรอก ดังนั้น ไม่มีทางที่ผมจะย้ายทีม ผมคือเลเกอร์สตัวจริงเสียงจริง"
1
โคบี้ ไบรอันต์คือสัญลักษณ์ของความจงรักภักดีในที่หาได้ยากยิ่ง เขาทำให้คนเชื่อว่า ในวงการกีฬาไม่ได้มีแต่ธุรกิจเสมอไป แต่เรื่องความรัก ความผูกพันก็ยังคงมีความหมายอยู่เช่นเดิม
[ แฟมิลี่แมนที่เคยทำผิด ]
โคบี้ ไบรอันต์ วัย 21 ปี รู้จักกับวาเนสซ่า เลน นักเรียนสาวมัธยมปลายวัย 17 ปี หลังจากเห็นเธอเป็นแดนเซอร์ในมิวสิควีดีโอเพลงฮิปฮอปเพลงหนึ่ง โคบี้หลงรักเธอทันที และสุดท้ายทั้งคู่ก็คบกัน ก่อนจะประกาศหมั้นหลังเดทกันได้ 6 เดือน
พอคบกันได้ 1 ปี 6 เดือน โคบี้ กับวาเนสซ่าแต่งงานกันที่แคลิฟอร์เนีย แต่ความรักครั้งนี้ ไม่ได้รับการยอมรับจากฝั่งพ่อแม่ของโคบี้เท่าไหร่นัก เพราะพ่อแม่มองว่าโคบี้เพิ่งจะอายุ 22-23 แต่งงานตอนนี้เร็วไปหรือไม่ แล้วผู้หญิงเป็นใคร อายุยังไม่ 20 เลย แถมไม่ใช่คนแอฟริกัน-อเมริกันด้วยซ้ำ โดยวาเนสซ่าเป็นคนลาตินอเมริกา
แต่ทั้งคู่ก็ฝ่าฟันอุปสรรคของพ่อแม่ฝ่ายชายมาได้ และเอาชนะใจพ่อแม่ด้วยความรัก
ทั้งสองคนเป็นทั้งคนรักและเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ความสัมพันธ์ของคู่นี้ก็ไม่ใช่ว่า จะรักกันอย่างเดียว แต่ครั้งหนึ่งโคบี้เองก็เคยทำผิด เขานอกกายวาเนสซ่าไปมีเซ็กซ์กับเด็กสาวอายุ 19 ปีคนหนึ่ง ซึ่งโคบี้ นึกว่าฝ่ายหญิงจะสมยอม แต่เธอกลับแจ้งความว่าอีกฝ่ายบังคับให้มีอะไรด้วย จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต และระหว่างอยู่ในช่วงคดีความ โคบี้โดนถอนสปอนเซอร์หลายตัว
ในตอนนั้นเป็นบทพิสูจน์ใจของวาเนสซ่า เธอจะฟ้องหย่าไปเลยก็ได้ แบ่งทรัพย์สมบัติมหาศาลจากโคบี้ ไบรอันต์ แต่เธอเลือกจะยืนอยู่ข้างสามี เธอเสียใจ แต่ก็เลือกจะให้อภัย ซึ่งนั่นทำให้โคบี้ซาบซึ้งที่เธอยืนเคียงข้าง และให้โอกาสเขา จากนั้นมาโคบี้ ไม่เคยทำผิดต่อวาเนสซ่าอีกเลย
1
หลังจากนั้น วาเนสซ่าก็ตั้งครรภ์ ทั้งคู่มีลูกสาวคนแรกคือนาตาเลีย ก่อนที่วาเนสซ่า แท้งลูกในปี 2005 แต่มาตั้งครรภ์อีกครั้งในปี 2006 ให้กำเนิดลูกสาวคนที่ 2 คือจิอันน่า หรือชื่อเล่นว่าน้องจีจี้ และคนที่ 3 เบียงค่า ตามมาด้วยคนที่ 4 คาปรี ซึ่งเท่ากับว่า โคบี้มีลูก 4 คนเป็นลูกสาวหมดเลย
โคบี้ กับวาเนสซ่าก็ระหองระแหงกันตามประสา แต่ทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันมาตลอด และรักกันมานานเกือบ 20 ปี ก่อนที่โคบี้จะมาเสียชีวิตในที่สุด
โคบี้ เป็นตัวอย่างของผู้ชายคนหนึ่ง ว่าคนทุกคนทำผิดได้ แต่เมื่อผิดแล้วจะทำอย่างไรต่อ จะสำนึกเสียใจ แล้วปรับปรุงตัว หรือจะเตลิดไปเลย ก็อยู่ที่นิสัยของแต่ละคนนั่นเอง
1
กรณีของโคบี้เขาไม่เคยทำผิดเดิมซ้ำอีก และกลายเป็นแฟมิลี่แมน เป็นคุณพ่อที่ภูมิใจในตัวลูกสาว ใน IG ของโคบี้ ไบรอันต์เต็มไปด้วยรูปของเขากับลูกๆ ในทุกช่วงจังหวะของชีวิต
[ นักบาสคนแรกที่ได้ออสการ์ ]
โคบี้ ไบรอันต์ เป็นนักบาสเกตบอลคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ข้ามวงการไปคว้ารางวัลออสการ์ได้สำเร็จในสาขารางวัลอะนิเมชั่นขนาดนั้นยอดเยี่ยม
หลังจากโคบี้ ไบรอันต์เลิกเล่นบาสเกตบอลอาชีพ เขาเขียนบทความ ถึงความรู้สึกของตัวเองโพสต์ลงในเว็บไซต์ The Player's Tribune ในชือเรื่องว่า Dear Basketball ซึ่งหลังจากนั้น เกล็น คีน ผู้กำกับอะนิเมชั่นคนดัง ได้เอาสตอรี่ของโคบี้ มาร้อยเรียงในรูปแบบของอะนิเมชั่น และด้วยความยอดเยี่ยมของเนื้อเรื่องและภาพ ทำให้ Dear Basketball ได้รางวัลออสการ์ในที่สุด
รางวัลออสการ์ไม่เคยเป็นสิ่งที่คว้ามาอย่างง่ายดาย แต่โคบี้ ไบรอันต์ทำได้ นั่นถือเป็นปรากฏการณ์ที่ใครสักคน ที่ไม่เคยทำงานในวงการบันเทิงมาก่อนเลย แต่สามารถเขียนบทให้ลึกซึ้งกินใจ จนคว้ารางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสายภาพยนตร์ได้แบบนี้
"มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคาดหวังมาก่อนเลย" โคบี้ ให้สัมภาษณ์หลังได้ออสการ์ "ตอนเป็นเด็กคุณก็หวังว่าอยากจะได้แชมป์บาสเกตบอลอะไรแบบนั้น แต่กับออสการ์นี่เป็นอะไรที่ไม่เคยฝันถึงเลยจริงๆ"
ตอนที่โคบี้ ไบรอันต์ ถูกเชิญมารับรางวัลออสการ์บนเวที เขาพูดประโยคหนึ่งที่กินใจว่า "ในฐานะนักบาสเกตบอล เราควรจะหุบปากแล้วเลี้ยงบอลไป แต่ผมก็ดีใจนะ ที่เราสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้นนิดหน่อย"
1
ก่อนหน้าโคบี้จะรับรางวัล มีประเด็นเรื่องที่เลอบรอน เจมส์ ไปวิจารณ์โดนัลด์ ทรัมป์ และเลอบรอนจึงโดนลอร่า อินแกรม นักข่าวคนหนึ่งกล่าวโจมตีว่า นักบาสเกตบอลอย่างเลอบรอนจะไปรู้เรื่องการเมืองอะไร ดังนั้น "หุบปาก แล้วเลี้ยงบอลไปดีกว่า" ซึ่งสิ่งที่โคบี้พูดบนงานออสการ์ จึงเป็นการแสดงออกให้โลกได้เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร คุณสามารถทำในสิ่งอื่นๆได้ทั้งนั้น ทำไมนักบาสเกตบอล จะไม่มีสิทธิพูดเรื่องการเมือง ทุกคนมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ตราบเท่าที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย
สำหรับ อะนิเมชั่น Dear Basketball ของโคบี้ ไบรอันต์ เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆทั่วโลกได้เห็นว่า จากเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งก็สามารถเติบโตเป็นนักกีฬาอาชีพได้ ความฝันของทุกคนเป็นจริงได้ ขอแค่อย่ายอมแพ้ไปก่อนเท่านั้น
[ ความสามารถที่เหนือคำบรรยาย ]
โคบี้ อาจมีข้อดีหลายอย่าง แต่ที่เหนืออื่นใดที่ทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของคนทั้งโลก คือฝีมือของเขาในสนามเป็นของจริงอย่างแน่นอน
โคบี้คว้าแชมป์ NBA ได้ถึง 5 สมัย และเป็น MVP ในรอบชิงชนะเลิศถึง 2 สมัย ขณะที่ในฤดูกาลปกติได้เป็น MVP 1 สมัย
เขาติดทีมออลสตาร์ทั้งหมด 18 ครั้ง มีชื่อติดทีมรับยอดเยี่ยม 9 สมัย เป็นแชมป์สแลมดั๊งค์คอนเทสต์ รวมถึงเป็นนักกีฬาแค่คนเดียวที่ได้รีไทร์เบอร์เสื้อจากแอลเอ เลเกอร์ส ถึง 2 เบอร์ (8 กับ 24)
โคบี้ มีสถิติทำแต้ม 33,643 ใน NBA เป็นรองแค่ คารีม อับดุล-จาบาร์ ,คาร์ล มาโลน และ เลอบรอน เจมส์เท่านั้น ขณะที่กับทีมชาติสหรัฐฯ ก็สามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ถึง 2 สมัยด้วยกัน
โคบี้ ไบรอันต์เป็นผู้เล่นที่ครบเครื่อง เล่นได้ถึง 3 ตำแหน่งในคอร์ต แม้จะถนัดชูตติ้งการ์ดที่สุด แต่ก็เล่นพอยต์การ์ด และสมอลฟอร์เวิร์ดได้ เขาทำแต้มได้ทุกระยะสามแต้มแม่นยำ มีท่าดั๊งค์สวยๆให้เห็นตลอด และมีทักษะเกมรับที่ดีเยี่ยมมาก
1
ด้วยผลงานอันโดดเด่นทำให้ยอดขายเสื้อของโคบี้ ไบรอันต์ ไม่เคยต่ำกว่าอันดับท็อปไฟว์ของลีก คือขายดีตลอดกาลจนถึงแม้เลิกเล่นไปแล้วก็ยังขายดีอยู่
ขณะที่ในต่างแดน โคบี้ ไบรอันต์ก็เป็นแม่เหล็กอันดับหนึ่งโดยเฉพาะในตลาดที่จีน ที่เขามียอดขายเสื้อถล่มทลาย ขณะที่ในเกมนัดสุดท้ายที่โคบี้ลงเล่นใน NBA มีคนจีนมากถึง 110 ล้านคน ดูถ่ายทอดสดพร้อมกันทาง Tencent
1
เลอบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลตัวท็อปของโลกเคยกล่าวไว้ว่า "ผมคิดว่าผมโด่งดังแล้วนะ จนกระทั่งวันหนึ่งผมไปประเทศจีนกับโคบี้นั่นล่ะ ถึงรู้ความจริง"
ผลงานที่โดดเด่น เสมอต้นเสมอปลาย การซ้อมอย่างหนักและเต็มไปด้วยวินัย จนสามารถยืนหยัดในวงการบาสเกตบอลอาชีพได้ถึง 20 ปี นั่นทำให้ทุกคนยอมรับว่าโคบี้ ไบรอันต์คือของจริง
มีคำกล่าวว่า ถ้าจะมีใครสักคนที่เข้าใกล้ไมเคิล จอร์แดนมากที่สุด คนคนนั้นแน่นอนว่า คือโคบี้ ไบรอันต์
การจากไปของ โคบี้ ไบรอันต์ครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่เสียสุดยอดบุคคลของโลกในวัยแค่ 41 ปีเท่านั้น
เขายังสามารถสร้างสรรค์อะไรให้โลกนี้ได้อีกมากมาย ประสบการณ์ที่เขาเคยพบ วิธีที่เขาใช้แก้ปัญหา สามารถถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังได้อีก แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้น เมื่ออุบัติเหตุพรากเขาไปแบบนี้
หนึ่งในประโยคที่เขาสร้างแรงบันดาลใจให้คนมากมาย โคบี้เคยเล่าเรื่อง "การเอาชนะความกลัว" เอาไว้ว่า
"ตอนอายุ 6 ขวบ ผมเคยเข้าไปเรียนในคลาสวิชาคาราเต้ ตอนนั้นผมมีสายสีส้ม แต่อาจารย์สั่งให้ผมไปสู้กับเด็กที่มีสายดำ และอายุมากกว่าผม 2 ปี แถมตัวใหญ่กว่า ซึ่งผมกลัวจนไม่กล้าทำอะไรเลย ได้แต่ยืนหวาดหวั่นอยู่ตรงนั้น จากนั้นคู่ต่อสู้เขาก็เตะมาที่ก้นผม พอผมโดนเตะก็ถึงได้รู้ว่า เฮ้ย การโดนเตะมันก็ไม่ได้ทำให้เราเจ็บตัวขนาดนั้นนี่นา เราคิดไปเองว่ามันจะน่ากลัว แต่เมื่อเจอจริงๆ มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราจินตนาการเลย"
"ดังนั้นความกลัว บางครั้งเราไม่ได้กลัวเพราะตัวสิ่งที่ต้องเผชิญจริงๆ แต่มันเป็นความกลัวที่อยู่ในใจเราต่างหาก ถ้าเราเอาชนะใจตัวเองได้ ก็ไม่มีอะไรที่เราก้าวข้ามไปไม่ได้"
สำหรับโคบี้ ไบรอันต์ แม้จะจากไปแล้ว แต่เขาจะถูกจดจำแน่นอน จากสิ่งที่เขาสร้างเอาไว้ในสนาม และเรื่องราวดีๆที่เขาทำไว้มากมายนอกสนาม
ตัวจากไป แต่แน่นอนว่าความทรงจำจะยังคงอยู่เสมอ
โฆษณา