27 ม.ค. 2020 เวลา 16:00
MovieTalk หนังชนโรง:
Bad Boys for Life
วันที่วัยเปลี่ยน คู่หูยังขวางนรกไหวไหม?
มาร์คัสที่วันนี้กลายเป็นคุณตาจ๋า สำหรับหลานสาวตัวน้อย
สิ่งที่มาร์คัสเลือกคือ เกษียณตัวเองไปเลี้ยงหลาน
แทนที่จะลากสังขารวิ่งไล่คนร้ายจนเหนื่อยแทบขาดใจ
แต่ ไมค์ ไม่คิดเหมือนคู่หู
ไมค์ยังมั่นใจในพลังเต็มร้อย และคิดว่าเวลา
ไม่สามารถทำร้ายตนเองได้
แต่มันไม่มีอะไรเหมือนเดิม
ไม่ว่าจะเป็นวิธีทำงานที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี
มากกว่าหาสายข่าวแบบเดิม
และคนร้ายหน้าใหม่ ที่เหนือชั้นกว่า
จนทำให้ไมค์สาหัส
ถึงวันนี้ที่ คู่หูขวางนรก ถูกท้าทายครั้งใหญ๋ในชีวิตของพวกเขา
และพวกขาต้องพิสูจน์ว่า
ยี่ห้อ Bad Boys คู่หูขวางนรก ยังเป็นตัวแสบเข้าเส้น...ตลอดกาล!
จากหนังดังในยุค 90 กลาง ๆ ในภาคแรก ต่อด้วยภาคต่อที่ทำเงินถล่มทลายในช่วง 2000 ต้น ๆ กว่าจะมามาถึงภาค 3 ได้ก็ทิ้งห่างจากภาคสองนานถึง 17 ปี ถ้าคนดูมีลูกตอนภาคแรกที่ออกฉายในปี 1995 วันนี้ลูกของพวกเขาก็เข้าสู่วัยเบญจเพศพอดิบพอดี
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ วิล สมิธ กลายเป็นนักแสดงทำเงินค่าตัว $20 ล้านเหรียญต่อเรื่อง และกลายเป็นนักแสดงที่หนังของตัวเองได้คิวฉายวันชาติอเมริกาเสมอ ความสำเร็จเหล่านั้นมีต้นทางมาจาก Bad Boys เมื่อปี 1995 ที่บังเอิญไปเข้าตาผู้สร้างหนังบล็อกบัสเตอร์อย่าง เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์
เมื่อถึงวันนี้ที่ชื่อ วิล สมิธ ไม่ได้ขลัง และการันตีรายได้เหมือนเดิมอีกต่อไป สมิธต้องการหนังที่จะเรียกคืนสถานะนักแสดงระดับ A List ได้ อะไรจะเหมาะไปกว่า Bad Boys เช่นเดียวกับ
เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ ที่กลายไปผู้สร้างหนังตกยุคตกขบวนจากยุค 90 ไปด้วยอีกคน
ดังนั้น Bad Boys for Life จึงไม่เพียงเป็น
โปรเจ็กส์คืนสู่เหย้าของสามประสาน วิล สมิธ,
มาร์ติน ลอว์เรนซ์ และ เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ จะขาดก็คงเป็นเฮียเบย์ ไมเคิล เบย์ ที่ไม่ได้กลับมากำกับ (แต่ยังแอบโผล่หน้ามาฉากหนึ่งในฐานะพิธีกรงานแต่งงานลูกสาวของมาร์คัส)
ทั้งหมดต้องการอย่างยิ่งสำหรับงานกู้ชื่อ
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความสำเร็จบน Box Office ขณะที่เขียนบทความนี้ Bad Boys for Life เก็บรายได้ใน USA ไปแล้ว $120 ตลาดต่างประเทศอีก $95 ล้าน รวม $215 ล้าน ในขณะที่ทุนสร้างอยู่ที่ $90 ล้าน
หนังภาคต่อที่เหมือนว่าจะเป็นการปิดฉากคู่หูขวางนรก (เสียที) มีทั้งความซ้ำเดิม และสดใหม่คละเคล้ากัน เรายังคงได้เห็นการปะทะคารมของ ไมค์และมาร์คัส ความเป็นตัวตนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวของคู่หูคู่นี้ ซึ่งแทบจะไม่ได้ต่างไปจากสองภาคก่อน
แต่ในความซ้ำเดิม บทหนังก็ยอมรับความจริงที่ว่า อายุของทั้งสองเดินไปตามเวลาจริง ในวันที่ความคิดของคนเราย่อมเปลี่ยนไปตามวัย
มาร์คัสจึงเลือกที่จะเกษียณตัวเองมานั่งเลี้ยงหลาน มันคือความสุขสงบในบั้นปลายชีวิต มากกว่าจะลากสังขารไปวิ่งไล่จับคนร้ายเหมือนหนุ่ม ๆ
ในขณะที่ ไมค์ ไม่คิดอย่างนั้น และพยายามหลอกตัวเองว่า อายุไม่ได้มีผลกับความฟิตของตัวเอง และสไตล์การทำงานแบบลงพื้นที่ ในยุคที่อะไร ๆ ก็พึ่งพาเทคโนโลยีแล้ว มันกลายเป็นการทำงานที่ล้าสมัย และก่อปัญหาต่อรูปคดีไปเสียอีก
นั่นคือส่วนดีของบทหนังที่พยายามเล่นกับความจริงทั้งในหนัง และชีวิตจริงของทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องยอมรับว่า พวกเขาไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดอีกต่อไป แต่ประสบการณ์ ความเก๋าที่พวกเขามีต่างหากที่หากปรับตัว และยอมรับการเปลี่ยนแปลง พวกเขาก็สามารถกลับมามีพื้นที่ยืนอีกครั้งได้
ซึ่งบางทีมันอาจมาจากการเปลี่ยนมือจาก ไมเคิล เบย์ มาเป็น โจ คาร์นาฮาน ที่ตอนแรกจะกำกับภาค 3 แต่ด้วยติดขัดด้านคิว เลยถอยไปพัฒนาบทหนังแทน หวยเลยไปลงล็อกที่สองผู้กำกับคู่หูชาวเบลเลี่ยมที่มีผลงานหนังทีวีในบ้านตัวเอง
อาดิล เอล อาร์บิ และ และบิลัล ฟาลลาห์ เลยกลายเป็นว่า หนังมีคู่หูทั้งผู้กำกับ และนักแสดง
สองคู่หูผู้กำกับก็เลือกจะทำงานแบบคาราวะด้วยมุมภาพแบบไมเคิล เบย์ ยังคงมีให้เห็นในหนัง
แต่ตัดต่อไม่ทุกสามวินาทีเท่ากับเฮียเบย์
เสิร์ฟแอ็คชั่นมากันแบบไม่ยั้ง กระสุนมีเท่าไหร่ประเคนเข้าไป ระเบิดตูมตามกันให้หนัก เพราะ John Wick สร้างมาตรฐานแบบนั้นไว้ น้อยกว่านี้คงไม่ไหว
และการเลือกใช้ธีม Bad Boys ในหนังก็ยังคงมีให้ได้ยิน สุดท้ายคือการยึดเอาแคแรกเตอร์คู่หูของหนังมาสานต่ออย่างที่ควรเป็น จึงไม่แปลกหากจะบอกว่านี่คือ Bad Boys ที่ดูสนุกมากกว่าภาคแรก และไม่ตาลายดูไม่ทันเท่าภาคสอง
ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน วิล สมิธ ในบทสร้างชื่อ ไมค์ และ มาร์ติน ลอว์เรนซ์ ในบท มาร์คัส
ยังคงเข้าขากันแบบรู้ทาง รู้งาน รู้มุก ทั้งส่งทั้งตบอย่างเมามันสมกับเป็นคู่หูขวางนรกในตำนานที่แท้ทรู
อีกคนหนึ่งที่เกาะมากับเฟรนไชน์นี้ โจ แพนโตเลียโน กลับมาเป็น ผู้กองโฮเวิร์ด ผู้ปากจัดแต่โคตรจะรักคู่หูคู่นี้ ในภาคนี้มีฉากสำคัญมาก ๆ สำหรับ
ผู้กองโฮเวิร์ดที่มีส่วนสำคัญต่อเรื่อง
อย่างเดียวที่รู้สึกธรรมดาคือตัวร้ายของภาคนี้ เคท เดล คาสติลโล เป็น นางแม่มดร้ายอิซซาเบล
และบทลูกชายตัวร้ายของเธอ เจค็อป ซคิพิโอ เป็น อาร์มานโด ที่กลายเป็นตัวร้ายตึงมือของไมค์
อันที่จริงความที่เลือกนักแสดงที่ไม่ใช่เบอร์ใหญ่ อาจจะเป็นการดีก็ได้สำหรับหนัง ที่ทำให้ไม่ต้องมีภาพลักษณ์คุ้นชินจากหนังเรื่องก่อน ๆ มารบกวน เหมือนตัวร้ายใน
หนังสองภาคก่อน
อย่างที่บอกกัน ดูหนังแล้วย้อนดูตัวเอง หลายต่อหลายคนกำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกับ ไมค์และมาร์คัส เทคโนโลยีที่มันไล่งับชีวิตเรา งานของเรา จะเลือกดันทุรังหรือจะเรียนรู้ ปรับตัวเพื่อหาทางอยู่กับมันให้ได้ คงเป็นสิ่งที่หลังจากดูหนังเราควรกลับไปทบทวนตัวเอง และเลือกหาพื้นที่เพื่อจะมีจุดยืนต่อไปจนถึงวันที่เราเกษียณตัวเอง
ส่วนหนัง Bay Boys For Life อาจจะกลายเป็นงานปิดภาคคู่หูขวางนรก แต่บางที
มันอาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรที่ต่างไปจากเดิมก็เป็นได้ ถ้าคิดจะไปต่อ...
ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเพื่อนตาย และไม่ใช่ทุกคนที่จะตายแทนเพื่อนได้ แต่ถ้าคุณมีเพื่อนแบบนั้น ทั้งคุณและเพื่อนจะระวังหลังให้แก่กันในทุกช่วงเวลาของชีวิต เพราะว่าเพื่อนไม่เคยทิ้งกัน...เช่นนั้นตลอดกาล
Bad Boys for Life (2020)
Directed: Adil El Arbi, Bilall Fallah/ Starring: Will Smith, Martin Lawrence, Vanessa Hudgens, Alexander Ludwig, Charles Melton, Paola Núñez, Kate del Castillo, Nicky Jam, Joe Pantoliano/Produced: Jerry Bruckheimer, Will Smith, Doug Belgrad/Screenplay: Chris Bremner, Peter Craig, Joe Carnahan/Story: Peter Craig, Joe Carnahan/Based on Characters by George Gallo/ Music: Lorne Balfe/Cinematography: Robrecht Heyvaert/Edited: Dan Lebental, Peter McNulty/Distributed: Sony Pictures Releasing/Running time: 124 mins.
Bad Boys Bad Boys Whatcha gonna do, Whatcha gonna do
ดูให้ครบรึยัง Bad Boys
Bad Boys (1995) Directed: Michael Bay
หนังภาคแรกที่พาคนดูไปรู้จักกับ ‘คู่หูขวางนรก’ ไมค์ ตำรวจสุดเนี๊ยบ พลังล้น และ มาร์ติน ตำรวจช่างเหน็บแนมแถมกลัวเมีย แห่งกรมตำรวจไมอามี ทั้งสองต้องสลับบทบาทเพื่อปกป้องพยานปากสำคัญที่ชี้ตัวพ่อค้ายาเสพติดตัวเอ้ได้
นี่คือหนังที่ทำให้คนดูรู้จักกับ วิล สมิธ และ ไมเคิล เบย์ ผู้กำกับจาก MV ที่มีวิสัยทัศน์
Bad Boys II (2003) Directed: Michael Bay
การกลับมาของคู่หูขวางนรก ที่คราวนี้ ไมค์ กับ มาร์ติน ต้องเผชิญหน้ากับพ่อค้ายามากบารมีแห่งคิวบา ที่มีทั้งกองกำลังส่วนตัวแม้กระทั่งรัฐบาลยังต้องเกรงใจ ในขณะเดียวกันกับที่มาร์คัสต้องพยายามขวางไม่ให้ ไมค์ไปกินตับน้องสาวคนสวยของตนเอง
ถือเป็นงานหนังที่อุดมไปด้วยแอ็คชั่นจัดใหญ่เบอร์นี้เลย และส่งให้ทั้ง วิล สมิธ และ ไมเคิล เบย์ ขึ้นทำเนียบนักแสดงและผู้กำกับระดับเอลิสต์ไปในที่สุด
ขอบคุณที่มาข้อมูล: IMDb, Wikipedia, Rotten Tomatoes, Youtube
ขอบคุณที่มาภาพประกอบ: IMDb, forbes.com, Variety.com, Hollywood Reporter.com, Coming Soon, Flipboard
โฆษณา