29 ม.ค. 2020 เวลา 01:15
เที่ยว “สะพานดำ” ชม “รถไฟลอยฟ้า” @เมืองรถม้า เขลางค์นคร
การทาสีดำของสะพานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นที่มาของชื่อ “สะพานดำ (Black Bridge)” แล้วทำไมต้องทาสีดำ? ก็เพราะต้องอำพรางเพื่อไม่ให้โดนระเบิดนั่นเอง
1
เราเป็นคนพื้นที่ แต่ผ่านไป-มาระแวกนี้ไม่บ่อยนัก วันนี้ตั้งใจพาเพื่อน ๆ มาเที่ยว “สะพานดำ” และ “รถไฟลอยฟ้า” ไปด้วยกัน
ชื่อหลังนี้เราแอบตั้งเอาเอง เพราะภาพมันฟ้อง เพื่อน ๆ อ่านให้จบนะ ใครชอบความคลาสสิกของทางรถไฟสีดำ ห้ามพลาดเด็ดขาด!!
พิกัดนี้อยู่ที่ถนนตลาดรัตน์ติดกับ “สถานีรถไฟลำปาง” ที่ใกล้กว่านั้นคือ “ตลาดเก๊าจาว” เพื่อน ๆ สะดวกตั้งหลักที่จุดไหน หรือคิดไม่ออก ก็บอก GPS ได้เลย รับรองว่าไม่หลงแน่นอน
ติดกับป้ายชื่อถนนสีน้ำเงินสะดุดตา จะมีประวัติของสะพานดำสีขาวติดตั้งเอาไว้ พร้อมป้ายไม้วินเทจสีน้ำตาล เป็นจุดสังเกต
ขยับมุมกล้องมาอีกนิด เราจะเห็นทางลอดเล็ก ๆ ที่มีความสูงเพียง 2.50 เมตรอยู่ด้านข้าง
รถทุกชนิดที่มีความสูงไม่เกินนี้ สามารถขับผ่านได้อย่างสบาย แต่นาน ๆ ทีจะมีรถขนส่งสินค้า ที่ลืมไปว่าส่วนโครงหลังคาสูงเกิน 2.50 เมตร มาติดคาที่ตรงนี้อยู่บ้าง
ก็ใช้เวลางัดแงะกันพอสมควร ส่วนด้านบนคานเหล็กขาวแดงคือทางวิ่งของรถไฟ
หันกลับมาด้านหลัง จะเป็นร้านค้าในรูปแบบบ้านโบราณสมัยเก่า ที่คนแถวนี้ยังคงอนุรักษ์เอาไว้
จากภาพอาจดูเงียบ ๆ ไม่ค่อยคึกคัก เพราะเรามาเก็บภาพประมาณบ่าย 3 โมงเย็นแล้วล่ะ ซึ่งไม่ใช่เวลาของการเปิดร้าน
แต่แถวนี้จะคึกคักอย่างแรงในช่วงเช้า เพราะติดกับตลาดเช้าเก๊าจาว ซึ่งเป็นตลาดใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองลำปาง คนเหนือเปิ้ลว่า “ของกิ๋นลำ นักขนาด” (ของอร่อยเยอะมาก...)
ข้ามถนนมาทางขวามือคือ “สะพานดำ” ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็น “สะพานรถไฟ” ที่ใช้งานจริงในปัจจุบันด้วย
เพื่อความปลอดภัยก่อนขึ้นไปเที่ยวถ่ายภาพ เราแวะถามคนแถวนั้นแล้ว สามารถเดินขึ้นไปเก็บภาพสวย ๆ ได้เลย แต่แนะนำให้ระวังในช่วงที่รถแล่นไฟผ่านสักนิดก็พอ
จากภาพจะเห็นว่า ส่วนของทางเดินด้านข้างชำรุด ดังนั้นเราควรปฏิบัติตามคำแนะนำของป้าย คือ “งดใช้”
แต่ไม่เป็นไรนี่นา ไม่เสียเที่ยวแน่นอน เพราะทางรถไฟเราเดินเข้าไปถ่ายภาพได้ตามสบาย ตราบเท่าที่ขบวนรถไฟยังไม่มา
ด้วยความคลาสิกของโครงเหล็กสีดำ เก่า แต่แลดูแข็งแรง เรียงแถวตั้งตรงคล้ายอุโมงค์
มองผ่านภาพจนสุดสายตา เราจะเห็นแสงสว่างเล็ก ๆ ที่ปลายอุโมงค์ตรงนั้นด้วย
หากเป็นช่วงเวลาที่รถไฟกำลังเคลื่อนตัวผ่านไป คงจะเป็นภาพที่น่าดูมากกว่านี้แน่นอน... พร็อบนี้น่าจะถูกใจสายคันทรีวินเทจไม่มากก็น้อยเลยล่ะ
เสพสมความวินเทจของทางรถไฟสายสงครามโลกจนพอใจ เราเดินลงมาแล้วอ้อมใต้สะพานไปยังอีกฝั่ง จะได้เจอกับสวนสาธารณะสุขภาพของชุมชน
และเพื่อเป็นการยืนยันว่า ที่นี่คือ “เมืองรถม้า” เพื่อน ๆ จะเห็นม้าสีน้ำตาล 2 ตัว กำลังกินหญ้าท่ามกลางแสงแดดอุ่น ๆ ในฤดูหนาวด้วย (เกี่ยวไหม?)
ยามแลงสายสุขภาพ จะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อออกกำลังกาย
ส่วนรถไฟทำหน้าที่นำส่งผู้โดยสารให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
รางรถไฟทำหน้าที่เชื่อมต่อการเดินทางอย่างมั่นคงและแข็งแรง
ในวันที่ท้องฟ้าเป็นสีคราม เราจะเห็นสะพานดำทอดยาวชัดเจนมากขึ้นด้วย
ทิ้งลานสุขภาพไว้ด้านหลัง เดินมาถึงถนนด้านหน้าแล้วเลี้ยวซ้าย บังเอิญได้เห็น “รถไฟลอยฟ้า” พอดี
ด้วยความที่รถไฟเพิ่งจะออกจากสถานี ทำให้การเคลื่อนตัวไม่เร็วมากนัก เราจึงได้ภาพนี้มาแบบไม่ได้ตั้งใจ
1
แต่จังหวะโดนจริง ๆ นี่แหละ!! ที่มาของชื่อเค้าที่เราตั้งให้
พื้นที่เล็ก ๆ เดินเป็นวงกลมได้ 1 รอบ ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง แต่ความประทับใจมากยิ่งกว่า
แม้จะเป็นคนพื้นที่ แต่กลับหลงเสน่ห์บ้านตัวเองแบบไม่รู้ตัวได้เหมือนกันเนาะ...
โฆษณา