1 ก.พ. 2020 เวลา 10:48 • การศึกษา
หากยังไม่มีข้าวปลาอาหารให้กิน
การออกหาข้าวปลาอาหาร
เป็นเรื่องปกติของคนดีๆ ที่มีสติกัน
แต่หากอุดมข้าวปลาอาหารเรียงรายเต็มห้อง
ทว่ากลับรู้สึกหิวโหย อยากหาเพิ่ม
โดยไม่ยอมกินข้าวปลาที่รอเก้ออยู่เต็มห้องบ้างเลยอันนั้นเป็นเรื่องไม่ปกติของคนสติเพี้ยนไปแล้ว
ฟังดูเหมือนไม่น่าจะมีอยู่จริง
แต่หากมองดีๆ เราจะพบว่ามีบางคนในโลก
ที่ ‘ส ร้ า ง โ ช ค ร้ า ย’ ชนิดนั้นให้ตัวเองอยู่จริง
เช่น คนหาเงินเก่งที่ไม่รู้ว่าจะเพิ่มเงินไปทำไมแล้ว
แต่ก็ยังใช้เวลาเกือบทั้งหมดในแต่ละวัน
ไปกับการเพิ่มตัวเลขในบัญชี
โดยไม่คิดจะเพิ่มความสุขทางใจ
ให้ตัวเองและคนในครอบครัวบ้าง
การติดหลงบ้าคลั่งอยู่กับตัวเลขอย่างเดียว
เป็นเรื่องเกิดขึ้นได้จริงและทำให้คนคนหนึ่งเพี้ยนได้จริงๆ
นั่นเพราะเมื่อมีความอยากได้เงินเพิ่มแบบไม่สิ้นสุดก็จะหมกมุ่นครุ่นคิดแต่เรื่องตัวเลขล่าสุดที่จำได้ในหัวจนไม่รู้เลยว่าปัญหาความรักความอบอุ่นในครอบครัวใหญ่โตมาถึงไหนแล้ว
ทางพุทธเราถึงสอนว่า
หาเงินให้เป็น แล้วใช้เงินให้เป็นด้วย
เมื่อได้เงินมา ต้องคิดอนุเคราะห์ให้ครอบครัวอยู่ดีกินดีมีพอใช้ และสร้างความสุขให้เกิดขึ้นไปด้วยกัน. ที่เหลือไปกว่านั้น คือ สงเคราะห์ผู้ควรสงเคราะห์บ้าง
การรู้จักให้ทานแต่เนิ่นๆ
จะช่วยให้สติไม่หลุด
ในระยะยาวจิตจะไม่หลงไปติดกับดักทางตัวเลข
กล่าวคือ พอมีตัวเลขชุดหนึ่งเพิ่มขึ้นมาในบัญชี
จิตที่ไม่เพี้ยน จะแปลออก บอกถูกว่าตัวเลขนั้น
จะกลายเป็นภาพประโยชน์สุข
กับตัวเองและครอบครัว
หรือกระทั่งมหาชนได้อย่างไร
แต่หากให้ทานไม่เป็น
ลูกเมียขอในเรื่องจำเป็นก็ไม่ให้ ทั้งที่ให้ได้
ไม่ไปเที่ยวด้วยกันเลย ทั้งที่ไปได้
ไม่สร้างรอยยิ้มตอบแทนสังคมเลย ทั้งที่ทำได้
อ้างคำเดียวว่า ต้องสร้างตัวเลขใหม่ๆ
เพื่อความมั่นคงของชีวิตข้างหน้า
ทั้งที่เลยจุดของความมั่นคงมาไกลโขแล้ว
อย่างนี้ยิ่งวัน จิตจะยิ่งถูกผูกมัดไว้กับโซ่ตรวนที่ไร้ตัวตน
รู้ตัวอีกที ก็เมื่อถึงวันที่ชีวิตใกล้จบลงด้วยจิตเศร้าหมอง
ตอบตัวเองในนาทีสุดท้ายไม่ถูกเลยว่า
ทำไมชาตินี้ถึงหมดไปกับการเพิ่มตัวเลขที่ไร้ความหมาย
ไร้ภาพความสุขของตนและคนอื่นได้ขนาดนั้น!
โฆษณา