4 ก.พ. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #พระเอกตัวจริง ]
สมัย โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เล่นให้ฮอฟเฟ่นไฮม์ เขาไม่เคยเป็นที่ยอมรับของคนบราซิลเลย
ก่อนย้ายมาเยอรมันในวัยเพียงแค่ 20 ปี ต้นสังกัดเขาคือฟิกูเอเรนเซ่ สโมสรในลีกระดับดิวิชั่น 2 เท่านั้น
เหตุผลที่เลือกฮอฟเฟ่นไฮม์ เพราะมองว่านี่เป็นสโมสรที่มีอนาคต อาจจะขนาดเล็กแต่ระบบการจัดการบริหารดี ที่สำคัญเคยปั้นดินเป็นดาวมาหลายรายแล้ว
ฟีร์มีโน่ เซ็นสัญญายาว 4 ปีครึ่งด้วยกันในช่วงตลาดหน้าหนาวและยิงไป 3 ประตูจาก 11 เกมบุนเดสลีกาในฤดูกาล 2011/12 ถือว่าไม่เลวนัก
นอกจากอายุยังน้อย เขายังต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร ความแตกต่างในเรื่องของภาษา ปัญหาเรื่องการสื่อสาร วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมต่างๆล้วนคืออุปสรรคทั้งสิ้น
ไม่ใช่แค่นั้น ฟีร์มีโน่ ยังต้องร่วมงานกับกุนซืออีกหลายคนที่ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาทำทีม มาร์โก เปซไซอูลี่ , โฮลเกอร์ สตานิสลาฟสกี้ , มาร์คัส บับเบิ้ล , มาร์โก คูร์ซ และ มาร์คุส กิสโดล
มันไม่ง่ายที่จะเอาชนะใจบอสแต่ละคน ซึ่งมีวิธีจัดการบริหารตามแบบฉบับของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ฟีร์มีโน่ ใช้ความขยันบากบั่นมีวินัยเป็นใบเบิกทาง นอกจากนี้เขายังเผยให้เห็นความแตกต่างจากนักเตะอื่นในตำแหน่งเดียวกันในเรื่องพรสวรรค์
เขาเล่นได้หลายตำแหน่งในแดนหน้า จะปักหลักเป็นตัวเป้าป่วนในเขตโทษ ยืนเป็นหน้าต่ำรับบทเบอร์ 10 หรือฉีกออกริมเส้นได้ทั้งในระบบ 4-3-3 หรือ 4-2-3-1
ฟีร์มีโน่ ตอบโจทย์เจ้านายได้อย่างต่อเนื่อง ลงเล่นในบุนเดสลีกาในแต่ละซีซั่นไม่ต่ำกว่า 30 นัด
ก่อนมาพีกสุดขีดในฤดูกาล 2013/14 ลงทุกรายการ 37 นัดสังหาร 22 ประตู คว้ารางวัลนักเตะพัฒนาการโดดเด่นสุดของบุนเดสลีกา ส่งให้ถูกเรียกติดธงทีมชาติบราซิลชุดใหญ่
อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ยอมรับของชาวบราซิเลี่ยนอย่างที่เกริ่นนำไว้นั่นแหล่ะ
เหตุผลที่ดูไม่ค่อยมีเหตุผลคือ คนบราซิลส่วนมากเชื่อว่านักเตะคนไหนจะยิ่งใหญ่ ต้องผ่านกระบวนการเริ่มต้นจากสโมสรในลีกสูงสุดของประเทศก่อน
จากนั้นพอเริ่มใกล้สุกงอมแล้วค่อยย้ายไปค้าแข้งในยุโรป
โรมาริโอ , ริวัลโด้ , โรนัลโด้ , โรนัลดินโญ่ หรือ กาก้า ล้วนอยู่ในข่ายที่ว่าทั้งสิ้น
ส่วน ฟีร์มีโน่ เหมือนแกะดำในสายตาคนบ้านเดียวกัน โดนวิจารณ์ค่อนขอดว่ามีสไตล์การเล่นแบบฟุตบอลภาคพื้นยุโรป ปราศจากธรรมชาติของบราซิเลี่ยน
ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะกระวนกระวาย ไม่สบายใจกับเสียงนินทา แต่เปล่าเลยไม่ใช่ ฟีร์มีโน่ ที่ยังคงเดินหน้าพร้อมพิสูจน์ตัวเองต่อไป
ผลงานเท่านั้นจะเป็นคำตอบและเปลี่ยนความคิดของทุกคนเอง
หลังจบศึกโกปา อเมริกา 2015 ไม่นานนัก ลิเวอร์พูลยื่นข้อเสนอเข้ามา ก่อนฮอฟเฟ่นไฮม์จะเซย์เยสตอบรับค่าตัว 29 ล้านปอนด์
เฟลิเป้ คูตินโญ่ มีส่วนช่วยให้ ฟีร์มีโน่ ตัดสินใจมาที่นี่
แต่การมาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในอีก 2 เดือนถัดมาน่าจะถือเป็นจุดหักเหสำคัญของชีวิต
ทั้งสองคนไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่การต่อสู้อยู่คนละฝั่งกันในศึกบุนเดสลีกา ทำให้ต่างฝ่ายได้รู้จักฝีมือความสามารถซึ่งกันและกัน
พอย้ายมาอยู่อังกฤษ ฟีร์มีโน่ ถูกเรียกว่า บ็อบบี้ มากขึ้นเรื่อยๆ ตามชื่อหน้า โรแบร์โต้ หรือ โรเบิร์ต
บ็อบบี้ ของเพื่อนฝูง ต้องใช้เวลาปรับจูนให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ทั้งหลายในระยะแรก
ยังดีที่ว่ามี คูตี้ ซึ่งผ่านประสบการณ์ที่เมืองผู้ดีมาก่อนสองปี คอยประคับประคองช่วยเหลืออย่างดี
เกมที่หนักและเร็วมากกว่าตอนอยู่บุนเดสลีกา ทำให้ บ็อบบี้ ต้องเคี่ยวเข็ญตัวเองหนักเข้าไปอีก
แต่ฤดูกาลแรกเขายิงไป 10 ประตูในลีก สูงสุดของสโมสร โดยที่ลิเวอร์พูลเองมีปัญหากับเกมรุกพอสมควรและ คล็อปป์ เร่งจะหาทางแก้ไขให้ได้
อย่างไรก็ตามกุนซือเฮฟวี่เมทัลเห็นแววของ ฟีร์มีโน่ แล้วและมั่นใจเต็มที่ว่าจะงัดพรสวรรค์ได้มากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งจะกลายเป็นแกนหลักในเกมรุกอย่างแน่นอน
"ตอนอยู่เยอรมัน ผมเคยได้ยินคนพูดถึงพรสวรรค์ของเขานะ แต่ไม่แน่ใจหรอกกระทั่งมาร่วมงานกันนี่แหล่ะจึงได้เห็น"
ความเชื่อของ คล็อปป์ ถูกตอกย้ำมากยิ่งขึ้นใน 2017/18 เมื่อ บ็อบบี้ เล่นไปทั้งหมด 54 นัดยิงถึง 27 ประตู มีส่วนพาลิเวอร์พูลเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ความเชื่อของชาวบราซิลก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นเดียวกัน
ปี 2018 ฟีร์มีโน่ ได้รับรางวัล "แซมบ้า โกลด์" ซึ่งมอบให้กับนักเตะบราซิเลี่ยนที่ค้าแข้งในยุโรปแล้วโชว์ฟอร์มดีสุดในรอบปีนั้น
ในฤดูกาลถัดมาเขาอาจมีจำนวนประตูที่น้อยลง อีกทั้งในกระบวนตัวรุกหลัก 3 คน ดูเหมือนว่าชื่อเสียงและความสำคัญจะน้อยกว่า โม ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่
แต่ในสายตาของ คล็อปป์ แล้วลูกน้องคนนี้ยังสำคัญล้ำค่ากับทีมไม่ด้อยไปกว่าใคร ยืนยันได้จากการให้สัมภาษณ์เมื่อธันวาคมปีที่แล้ว
"เวลาผมนึกถึง บ็อบบี้ บอกตามตรงผมไม่ได้นึกถึงเรื่องยิงประตูเลย แต่คิดถึงความสำคัญที่มีต่อทีมมากกว่า"
"ผมบอกเขาแล้วว่าอย่าใส่ใจเรื่องจำนวนประตู เขามีความหมายกว่านั้น เพราะเขามักจะเป็นคนนำไปสู่การได้ประตู"
นี่คือความจริงอีกข้อของ ฟีร์มีโน่ ยิงไม่เยอะ แต่เน้นคุณภาพในเกมรุกไม่ว่าจะวิ่งทำทาง การสร้างสรรค์หรือแอสซิสต์
แม้กระทั้ง เฟอร์กิล ฟานไดค์ ยังอดที่จะชื่นชมเพื่อนร่วมทีมคนนี้ไม่ได้
"ผมว่ากองหลังทุกคนไม่มีใครอยากเผชิญหน้ากับเขาหรอก บ็อบบี้ เหมือนพวกนินจาหายตัวได้ เขามักจะทำในสิ่งที่คุณไม่คาดคิด"
ใช่แล้ว ฟีร์มีโน่ มักจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดจริงๆ
เกมพรีเมียร์ลีกที่แอนฟิลด์เมื่อวันเสาร์ลิเวอร์พูลยังคงร้อนแรงถล่มเซาธ์แฮมป์ตันราบคาบ 4-0
4 ประตูมาเกิดขึ้นในครึ่งหลังทั้งหมด แต่ไฮไลต์อยู่ที่การทำ 3 แอสซิสต์ของ ฟีร์มีโน่ ซึ่งหากว่าดูตำแหน่งการยืนแล้วคือกองหน้าตัวเป้า
คล็อปป์ ยิ่งปลาบปลื้มลูกทีมคนนี้มากขึ้น มันเน้นย้ำความเชื่อของเขาที่มักพูดบ่อยๆว่า ความสำคัญของ บ็อบบี้ ไม่ใช่จำนวนประตู
แต่ละแอสซิสต์ล้วนแต่ไม่ธรรมดา ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในโหมด "ถวายพาน" คือคนที่รับบอลต่อจากเขาแทบจะซัดแล้วใส่สกอร์ได้เลย
อย่างไรก็ตามสถิติอันเลวร้ายของ ฟีร์มีโน่ ก็มีเช่นเดียวกัน
นั่นคือยิงประตูในแอนฟิลด์ไม่ได้นานถึง 306 วันเข้าไปแล้ว ใกล้จะครบรอบ 1 ปีเต็มไปทุกที
กระนั้นถ้าเรามองอีกด้าน แข้งหงส์หลายต่อหลายคนทำประตูในรังตัวเองได้เป็นปกติ หมายความว่ามันง่ายกว่าการยิงในฐานะทีมเยือน
แล้วแต่ละประตูที่ บ็อบบี้ ลั่นไกได้นอกบ้าน ล้วนเต็มไปด้วยคุณค่าและความสำคัญมากๆ
10 ประตูในทุกรายการที่เขาซัลโวได้ในฤดูกาลนี้ มีถึง 7 ประตูที่ชี้ขาดให้ทีมคว้าชัยและอีก 4 เกิดขึ้นในช่วง 10 นาทีสุดท้าย
นัดที่เจอกับคริสตัล พาเลซ , มอนเตอร์เรย์ , ฟลาเมงโก้ , สเปอร์สและวูล์ฟแฮมป์ตัน ฟีร์มีโน่ คือฮีโร่ควบม้าขาวมาสังหารประตูชัยทั้งสิ้น
สถิติเหล่านี้ยืนยันได้ดีถึงความสำคัญของ บ็อบบี้ ซึ่งบอสพยายามย้ำนักย้ำหนาเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น
ความแตกต่างจากกองหน้าคนอื่นๆอีกอย่างคือ เขามักจะลงเล่นด้วยความผ่อนคลาย ไม่ซีเรียสจนเกินไป พยายามสนุกกับเกมให้มากที่สุด
อีกทั้งยังเหมือนพ่อมดมีเวทมนตร์เสกประตูให้ทีมอย่างง่ายดาย แค่บอลหลุดออกจากเท้าเราแทบจะได้ลุ้นเลย
ปัจจุบันแฟนบอลบราซิลไม่กังขาหรือสงสัยในตัว ฟีร์มีโน่ อีกต่อไป
ส่วนเดอะ ค็อปทั้งหลายยิ่งเข้าใจมากกว่าเดิมว่า บ็อบบี้ ของพวกเขาคือผู้ปิดทองหลังพระและเป็นพระเอกตัวจริง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา