5 ก.พ. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ใครจะกล้าปฏิเสธลิเวอร์พูล ]
ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ถูกยกย่องว่าเป็นเด็กมหัศจรรย์ในวงการลูกหนัง
รวมทั้งได้รับการประเมินว่ามีมูลค่าสูงสุดในโลก ไม่น้อยกว่า 250 ล้านยูโรแน่นอน หากมีการย้ายทีมขึ้นมา
สมัยรุ่งกับโมนาโกใหม่ๆ เอ็มบั๊ปเป้ ยังดูไร้เดียงสาอายุเพิ่งจะ 17-18 ปีเท่านั้น จึงก้มหน้าก้มตาเล่นบอลเป็นส่วนใหญ่
แต่พอย้ายมาปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบยืมตัวในปี 2017 พร้อมอ็อปชั่นซื้อขาดที่ 180 ล้านยูโร ความเปลี่ยนแปลงค่อยๆเกิดขึ้นกับเขา
นอกจากฟอร์มจะเร่าร้อนยิ่งขึ้น สวนทางกับอายุที่ยังไม่ผ่านหลัก 20 รัศมีซูเปอร์สตาร์ยังแผ่มาอย่างเห็นได้ชัด
ความเร็วปราดเปรียวบวกกับฉลาดปราดเปรื่อง รวมทั้งปิดสกอร์ได้แม่นยำเด็ดขาดคือคุณสมบัติโดดเด่นที่พร้อมจะผลักดันให้กลายเป็นนักเตะผู้ยิ่งใหญ่
มันเป็นเรื่องปกติของนักเตะอายุน้อยๆแล้วโด่งดังมีชื่อเสียง มักจะทำผิดพลาดไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง
การควบคุมอารมณ์คือสิ่งสำคัญมากๆ เอ็มบั๊ปเป้ ถูกเคี่ยวเข็ญเรื่องนี้มากๆทั้งจากโค้ชและกลุ่มสต๊าฟฟ์ รวมถึงครอบครัวคนใกล้ชิดก็พร่ำบอกเสมอ เพราะมันจะช่วยให้เขาเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่
แรกๆที่เปแอสเชดูราบรื่นดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย เขาลงเล่นทุกรายการ 44 นัดยิงไป 21 ประตูกับอีก 13 แอสซิสต์ ช่างเป็นผลงานที่น่าปลาบปลื้มมองเห็นอนาคตสดใสรออยู่เบื้องหน้า
ก่อนจะยืนยันความเก่งกาจในฤดูกาลที่แล้ว เฉพาะในลีกเอิงอย่างเดียว 29 นัดแต่ซัด 33 ประตู
ส่วนรวมทุกถ้วยยอดอยู่ที่ 39 ประตูจาก 43 นัด โดยที่แอสซิสต์เบ็ดเสร็จอีก 9 มูลค่าทางการตลาดของ เอ็มบั๊ปเป้ จึงพุ่งสูงขึ้นตามลำดับ ไม่มีใครทาบเลย
ในวันที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ เริ่มโรยรารอวันที่จะลงจากบัลลังก์ยอดแข้ง เอ็มบั๊ปเป้ กลับเติบโตใหญ่มีพัฒนาการมากขึ้นเรื่อยๆอย่างชัดเจน
ซีซั่นนี้ผ่านไปครึ่งทาง แชมป์ลีกเอิงสมัยที่ 3 ติดต่อกัน รวมทั้งสมัย 7 ในรอบ 8 ปีไม่น่าจะหลุดมือไปไหน
เอ็มบั๊ปเป้ ยังแรงดีไม่มีตกกดไป 22 ประตูจาก 25 นัดในทุกเกมทุกถ้วย รักษามาตรฐานได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีเปลี่ยน
แต่ที่เปลี่ยนคือเห็นจะเป็นพฤติกรรมบางอย่าง ที่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นหนุ่มน้อยที่น่ารักของใครต่อใครอีกต่อไป
เกมลีกเอิงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเปแอสเชยังเดินหน้าไล่ล่าชัยชนะต่อไป ไล่ถล่มมงต์เปลลิเย่ร์ราบเป็นหน้ากลอง 5-0 ภายในแค่ 65 นาทีเท่านั้น
เข้าสู่นาที 68 โธมัส ทูเคิ่ล ตัดสินใจเปลี่ยน เอ็มบั๊ปเป้ ออกแล้วส่ง เมาโร อีการ์ดี้ ลงไปยืนแทน
พอรู้ว่าตัวเองถูกถอดอย่างคาดไม่ถึง สีหน้าของเขาบูดบึ้งทันที เดินออกมาอย่างกระฟัดกระเฟียด ไม่ใช่แค่เมินจับมือกับบอส แต่ยังหลุดปากเถียงด้วย แล้วหุนหันขึ้นไปนั่งเก้าอี้ข้างสนาม
ทูเคิ่ล พยายามอธิบายเหตุผลถึงการเปลี่ยนตัว แต่ลูกทีมไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น ยึดอารมณ์ของตนเป็นที่ตั้งอย่างเดียว
หลังเกมจบนักเตะเปแอสเชเกือบทุกคนไปฉลองและขอบคุณกองเชียร์ แต่ไร้เงาของ เอ็มบั๊ปเป้ ซึ่งคงไม่ต้องคาดเดาว่าเพราะอะไร
ประเด็นมันอยู่ตรงที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ครั้ง 3 ในซีซั่นแล้วที่เขาก่อวีรกรรมเช่นนี้
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ในเกมกับมงต์เปลลิเยร์เช่นเดียวกัน แต่เปแอสเชออกไปเยือนและระหว่างนำห่าง 3-1 ในช่วงท้ายเกม เอ็มบั๊ปเป้ ซึ่งกดไปหนึ่งประตู โดนเปลี่ยนตัวเพื่อให้ เอริค มักซิม ชูโป-โมติง ลงไปแทนบ้าง
ตอนเดินออกมาถึงข้างสนามเขาเลี่ยงที่จะคุยหรือพูดจากับ ทูเคิ่ล ผ่านเลยไปเหมือนเป็นอากาศหรือไม่มีตัวตน
ก่อนหน้านี้เกมกับโอลิมปิก มาร์กเซย เขาก็โดนดร็อปไม่มีชื่อแม้กระทั่งสำรอง เพราะโดน ทูเคิ่ล ลงดาบโทษฐานมาประชุมทีมสาย
เห็นได้ชัดว่าฤดูกาลนี้ เอ็มบั๊ปเป้ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าต้องการจะย้ายหนีจากเปแอสเช
การแสดงออกว่าไม่เคารพเจ้านายตัวเองต่อหน้าสาธารณะคงพอจะทำให้เราเชื่อได้ว่า ปฏิกิริยาเช่นนี้ คงจะเป็นการส่งสัญญาณเตือนบางอย่างและไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว
วงในกระซิบกันว่า เอ็มบั๊ปเป้ ไม่เชื่อในความสามารถของ ทูเคิ่ล อีกต่อไป หลังตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ อย่างน่าอนาถเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทั้งที่เลกแรกบุกไปชนะแมนฯยูไนเต็ดอย่างสบายๆ
เขาต้องการจะประสบความสำเร็จในเวทียุโรปมากกว่านี้และคิดว่าเปแอสเชไม่อาจตอบสนองได้
การปฏิเสธขยายสัญญาออกไป ทั้งที่ได้รับค่าจ้างเทียบเท่ากับ เนย์มาร์ คือ 35 ล้านยูโรต่อปี
สัญญาฉบับปัจจุบันเหลือถึงแค่ฤดูร้อนปี 2022 หรืออีก 2 ปีเท่านั้น จึงทำให้เปแอสเชรู้สึกร้อนใจอย่างมาก
ขณะเดียวกัน เอ็มบั๊ปเป้ พยายามจะบอกเช่นเดียวกันว่าเงินไม่ใช่ตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ตัดสินใจอยู่กับทีมต่อไป
แชมป์ลีกเอิง เฟร้นช์ คัพหรือเฟร้นช์ ลีกคัพไม่มีอะไรพลังดึงดูดหรือสร้างความตื่นเต้นให้อีกแล้ว
ความสำเร็จเหล่านี้ไม่อาจบันดาลรางวัลความสำเร็จส่วนตัวมาให้และถ้ายังขืนอยู่ต่อไป บัลลงดอร์อาจดูไกลตัวมากขึ้นทุกที
การย้ายทีมอาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับ เอ็มบั๊ปเป้ ก็ได้
แม้จะมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นไอดอล แต่ เอ็มบั๊ปเป้ หลงใหลสไตล์การเล่นแบบลิเวอร์พูลชุดปัจจุบันมาก
เขาไม่ได้ปิดบังรสนิยมส่วนตัวนี้เลย ในเกมแดงเดือดเที่ยวล่าสุดซึ่งหงส์แดงสยายปีก 2-0 ยังทวิตแสดงความยินดีแบบออกนอกหน้าด้วย
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลิเวอร์พูลคือสโมสรที่ยิ่งใหญ่สุดในยุคนี้แล้ว รอความสำเร็จที่หลั่งไหลเข้ามามากมายในอนาคตเบื้องหน้า
แล้วช่วงเวลาที่ เอ็มบั๊ปเป้ ออกตัวเชียร์มันสอดคล้องกับข่าวกอสซิปก่อนหน้านั้นที่สื่อไม่น้อยโหมไปในทิศเดียวกันว่า ลิเวอร์พูลมีแผนเดินเรื่องคว้าตัวมาร่วม
เรื่องนี้ทางบอร์ดบริหารของหงส์แดงเคยออกมาแจงแล้วว่าไม่จริง เช่นเดียวกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งยืนยันว่าไม่มีเงินมหาศาลจ่ายค่าตัวที่น่าไม่น้อยกว่า 250 ล้านยูโรแน่
แต่เรื่องแบบนี้ใครเอาความจริงมาพูดกัน
ความสำเร็จในเวลานี้ของลิเวอร์พูล ส่วนหนึ่งมาจากแนวทางการบริหารทีม การทำงานหนักร่วมกัน
อีกส่วนหนึ่งมาจากการทุ่มเงินลงไป เห็นได้ชัดจากการขันนอตแนวรับให้แน่นด้วยผู้เล่นอย่าง เฟอร์กิล ฟานไดค์ , อลีสซง เบ็คเกอร์ และ ฟาบินโญ่ ซึ่งมีมูลค่ารวมกันปริ่มๆ 200 ล้านปอนด์
บอร์ดบริหารและ คล็อปป์ ต่างได้เรียนรู้แล้วว่า สองอย่างนี้ต้องตีคู่กันไปถึงจะประสบความสำเร็จได้
แล้วหากพูดถึงสไตล์การเล่นของ เอ็มบั๊ปเป้ น่าจะเหมาะกับแท็คติกแบบ คล็อปป์ มากๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนข่าวประเภทนี้จะเป็นเพียงแค่กระแสเบาๆ ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่มีอะไรต้องติดตามน่าสนใจ
แต่ปัจจุบันลิเวอร์พูลเปลี่ยนสถานะเรียบร้อย ไม่ใช่เป็นสโมสรที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตเท่านั้น แต่กำลังจะยิ่งใหญ่ในอนาคตอันใกล้
รายได้มหาศาลจากทุกทางจะพุ่งเข้าหา ความนิยมจากฐานแฟนบอลที่มีอยู่ทั่วโลกก็ขยายมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กรุ่นใหม่แห่กันมาสนับสนุนสมัครเป็นเดอะ ค็อปทั้งสิ้น
สโมสรแห่งนี้มีรากเหง้า มีประวัติศาสตร์ รวมทั้งมีสตอรี่ที่เป็นเหมือนเสน่ห์และแรงดึงดูดสำคัญ
ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากลิเวอร์พูลจะมีเงินมาซื้อ เอ็มปั๊บเป้ ยิ่งปล่อยให้สัญญาเหลือน้อยลงเท่าไร ค่าตัวก็ดิ่งลงด้วยเท่านั้น
ไม่ได้ต้องการชี้นำเพื่อให้เอาไปเปรียบเทียบ แต่ เอ็มบั๊ปเป้ น่าจะรู้ดีว่าต้นสังกัดเวลานี้ของเขาเติบโตแบบพรวดพราดผูกขาดในประเทศ เพราะอำนาจของเงินจากนายทุนกาตาร์ล้วนๆ
ค่าจ้างมหาศาลที่มักจะเรียกนักเตะดังๆเข้าหา อาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญสุดอีกต่อไป
ขอแค่จ่ายให้สมน้ำสมเนื้อ เขาก็น่าจะยินดีตอบรับแล้ว
ในทางเดียวกันหากลิเวอร์พูลต้องการจะยืนหยัดไร้เทียมทานต่อไป เอ็มบั๊ปเป้ ที่อายุเพียงแค่ 21 ปีมีอายุการใช้งานอีกยาวนาน น่าจะเป็นกระดูกสันหลังได้อย่างไร้ปัญหา
บอกเลยว่านี่ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อเลย มีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะลิเวอร์พูลกำลังจะไปถึงจุดที่ว่า "ไม่มีนักเตะคนไหนหล้าปฏิเสธ" อีกต่อไป
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา