5 ก.พ. 2020 เวลา 01:26
Routine ตอนเช้าและก่อนนอนของผม
วันก่อน “เจ” เพื่อนของผมที่ทำงานอยู่อังกฤษทักทางไลน์มาว่ามี routine หรือกิจวัตรอะไรบ้างที่ผมทำก่อนเข้านอนและตอนตื่นเช้า เผื่อเค้าจะลอกบ้าง
ที่เมืองนอกการศึกษาเรื่อง routine ของ high performers เป็นเทรนด์อย่างหนึ่ง อย่าง Tim Ferriss ที่เขียน The 4-Hour Workweek และทำพอดคาสท์ที่มีคนฟังเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของโลกก็สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
1
ผมบอกเจไปว่าผมไม่ได้มี routine อะไรที่น่าสนใจหรอก แต่เจก็ยังคะยั้นคะยอให้ผมแชร์ลงบล็อก ผมเห็นว่าไม่เสียหายอะไร และหากผู้อ่านคนไหนจะหยิบมันเอาไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ผมก็ยินดีครับ
—–
วันธรรมดาผมจะแบ่งชีวิตออกเป็นสามภาค เช้าเพื่อตัวเอง กลางวันเพื่องาน กลางคืนเพื่อครอบครัว
เช้า – เพื่อตัวเอง
5:00 ตื่นนอน เดินจงกรม ภาวนาแบบขยับมือของหลวงพ่อเทียน ถ้ามีเวลาก็จะอ่านหนังสือซัก 3-4 หน้า ช่วงที่ไม่มีฝุ่นก็จะลุกเร็วกว่านี้นิดหน่อย เพื่อออกไปวิ่งรอบหมู่บ้านประมาณ 30-45 นาที สามวันต่อสัปดาห์
5:30 ถ้าไม่ได้วิ่งก็จะออกกำลังกาย 7 นาที หรือถ้าขี้เกียจก็จะวิดพื้น 40 ที อาบน้ำ แต่งตัว (ใส่ถุงเท้าก่อนใส่กางเกง) คุยกับแฟนตอนแฟนแต่งตัว เอากระเป๋าถือและกระเป๋าใส่ “เสบียง” ของแฟนไปไว้ในรถ
6:00 จุ๊บแฟนก่อนออกจากบ้าน ขับรถคนละคันเพราะไปคนละทาง ระหว่างทางจะฟังอยู่สามอย่างคือ podcast ทาง Stitcher, audiobook ของ Storytel และ book summaries ของ Headway
Podcast ที่ฟังก็จะสลับกันไปแล้วแต่ว่าหัวข้อน่าสนใจมั้ย ดูรายชื่อพอดคาสท์ได้ในตอนท้าย ผมไม่ค่อยได้ฟังพอดคาสท์ของคนไทย ไม่ใช่เพราะไม่อยากฟังแต่เพราะต้องการฝึกหูให้ยังเคยชินกับภาษาอังกฤษ ทุกวันนี้ทำงานไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษแล้ว การฟังพอดคาสท์จึงเป็นวิธีง่ายๆ วิธีเดียวที่จะยังได้ฟังภาษาอังกฤษทุกเช้า
1
ส่วนหนังสือเสียงของ Storytel ก็ดีกว่า Audible ของอเมซอน ตรงที่จ่ายเดือนละ $10 แล้วจะฟังเท่าไหร่ก็ได้ แม้ตัวเลือกจะไม่มากเท่าแต่ก็มากเกินพอ
Headway เป็น book summary ที่ดีกว่า Blinkist หรือ 12min แม้จะเป็นเสียง AI แต่การสรุปนั้นลงลึกกว่าและมีประโยชน์กว่า
ระหว่างขับไปออฟฟิศแฟนอาจโทรมาคุยเรื่องที่ทำงานและเรื่องลูกๆ เพราะเรากลับบ้านค่ำและนอนเร็วกันทั้งคู่ เวลาช่วงหัวค่ำเลยมักเทให้กับการคุยกับลูกๆ มากกว่าการคุยกันเอง
7:00 ถึงออฟฟิศ เขียน diary สั้นๆ ลง notepad ที่ไม่ใช้แอปหรือโปรแกรมอื่นเพราะ text file เก็บได้นาน อีก 20 ปีก็น่าจะยังเปิดได้
7:05 แชร์บล็อกที่เขียนเก็บเอาไว้ แล้วค่อยเริ่มเขียนบล็อกตอนใหม่ด้วยเว็บ writer.bighugelabs.com บทความพันกว่าตอนทั้งหมดของผมล้วนเขียนลงที่นี่ แชร์เสร็จแล้วก็กด log out จาก facebook เพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าไปชื่นชมผลงานตัวเองบ่อยเกินไป
8:00 ทานข้าว อ่านหนังสือ เข้าห้องน้ำ
ผมไม่ดื่มกาแฟเพราะอยากพึ่งพาสิ่งนอกตัวให้น้อยที่สุด ถ้าไม่ได้ดื่มกาแฟแล้วง่วง ก็แปลว่าเรายังนอนไม่พอ ดังนั้นต้องแก้ที่ต้นเหตุไม่ใช่ที่ปลายเหตุ
มือถือผมจะไม่เล่นจนกว่าจะเข้าแอปสองอันนี้ให้เรียบร้อยก่อน คือ Ankidroid เอาไว้ทบทวนหน้าและชื่อพนักงาน Wongnai และ Drops ที่เอาไว้เรียนภาษาจีนครั้งละ 5 นาที
—-
กลางวัน – เพื่องาน
8:45 วางแผนงานของวันนี้ เปิดดูงานที่จดไว้จาก todoist.com เขียนงาน 3 ชิ้นที่สำคัญที่สุด เขียนงานที่เหลือไว้ด้านล่างโดยแบ่งเป็นสองคอลัมน์คืองานที่ต้องทำที่โต๊ะกับงานที่ไม่ต้องทำที่โต๊ะ
พอทำงานชิ้นใหญ่เสร็จหนึ่งชิ้น ผมมักจะแทรกด้วยการเดินไปเติมน้ำ เข้าห้องน้ำ และทำงานที่ไม่ต้องทำที่โต๊ะเช่นคุยกับคนต่างทีม คุยกับหัวหน้า หรือคุยกับน้อง
12:30 ทานอาหารกลางวัน
18:30 เลิกงาน กลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านจะฟังหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโชทาง Spotify ฟังไปก็รู้เนื้อรู้ตัวไป เป็น transition ที่ดีระหว่างโหมดคนทำงานกับโหมดคนอยู่บ้าน
—–
กลางคืน – เพื่อครอบครัว
19:30 ถึงบ้าน กินผลไม้หรือดื่มน้ำผลไม้ (บางวันถ้าหิวจัดๆ ก็จะแวะกินอะไรเข้ามาก่อน)
19:45 เสียบมือถือไว้ที่โต๊ะทำงาน เดินเข้าห้อง กอดลูกๆ ทั้งสองที่กำลังนั่งดูการ์ตูนกับพี่เลี้ยงผ่าน Youtube ทางทีวี จับลูกโยนสองสามที แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่จะใช้วันพรุ่งนี้ไปแขวนในห้องน้ำและอาบน้ำ (อาบน้ำเสร็จแล้วพี่เลี้ยงจะได้ไปพักได้) แฟนก็จะกลับมาถึงบ้านช่วงเวลาประมาณนี้เหมือนกัน
20:00 เล่นกับลูกและแฟน วิ่งไล่จับ ทำสไลเดอร์ผ้าห่ม นางเงือกน้อย ซ่อนหา
20:30 นาฬิกาปลุกว่าถึงเวลานอน ปิดทีวี ปิดไฟในห้องนอนยกเว้นโคมไฟสลัวๆ แปรงฟันให้ลูกอีกรอบ
21:00 อ่านนิทานให้ลูกฟัง ถ้าอ่านแล้วเราง่วงแต่ลูกยังไม่ง่วง ก็ปิดไฟทั้งหมดแล้วเปลี่ยนเป็นเล่านิทานในความมืดแทน ถ้าเล่าจบแล้วลูกยังไม่หลับ ก็ตีก้นแล้วร้องเพลงกล่อม
21:30 ลูกควรจะหลับหมดแล้ว ถ้าเราง่วงก็นอนไปด้วยเลย ถ้ายังไม่ง่วงก็จะออกมาเช็คมือถือเป็นครั้งสุดท้ายเผื่อมีข้อความใน Slack ที่ต้องตอบ แล้วก็นั่งอ่านหนังสือจนกว่าจะง่วง
22:00 เข้านอน
แน่นอนว่าเวลาไม่ได้เป๊ะๆ อย่างนี้ทุกวัน แต่ก็จะแบ่งคร่าวๆ ได้ประมาณนี้
ถ้าจะมีจุดสำคัญที่ผมอยากจะเน้นก็คือเราต้องมีเวลาให้ตัวเอง จะมากบ้างน้อยบ้างไม่เป็นไร เมื่อเรารู้ตัวว่าเราได้ทำอะไรเพื่อตัวเองแล้ว เราจะทำอะไรเพื่อคนอื่นได้อย่างเต็มใจและยั่งยืน
ส่วนวันหยุดผมไม่ได้มี Routine อะไรเป็นพิเศษ ถ้าอากาศดีก็จะออกไปวิ่งอย่างน้อยซัก 10 กิโลเมตร ที่เหลือของวันก็ขึ้นอยู่กับลูกและภรรยาครับ
ใครมี routine อะไรที่อยากแชร์มาคุยกันได้เลยนะครับ
“ช้างกูอยู่ไหน” หนังสือเล่มใหม่ของผมที่ว่าด้วยการลดทอนสิ่งที่ไม่ใช่ออกไปจากชีวิต มีวางขายที่นายอินทร์ ซีเอ็ด B2S และ Kinokuniya แล้วนะครับ อ่านรายละเอียดได้ที่ bit.ly/eitrfacebook และอ่านรีวิวได้ที่นี่ครับ bit.ly/eitrreportingengineer
Podcast ที่ฟัง บน Stitcher
Akimbo by Seth Godin
Big Questions by Cal Fussman
Brave New Work by The Ready
The Tim Ferriss Show
The James Altucher Show
The Joe Rogan Experience
โฆษณา