7 ก.พ. 2020 เวลา 13:46 • ธุรกิจ
Casper บริษัทขายที่นอนออนไลน์
จากหนี้สิน หนึ่งแสนเหรียญสหรัฐฯ
สู่สตาร์ทอัพ Unicorn หนึ่งพันล้านเหรียญ
และ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียง 5 ปี
พวกเขาทำได้อย่างไร?
จุดเริ่มต้น
ช่วงปลายปี ค.ศ.2013 ฟิลิป กริม และเพื่อนอีก 4 คน เกิดความคิดที่จะทำสตาร์ทอัพร่วมกัน
ช่วงเริ่มต้นก็คิดกันว่าจะทำอะไรดี จนมาจบที่ธุรกิจการนอน นี่หล่ะ เพราะว่าคนเราทุกคนต้องนอน เกือบๆ 1 ใน 3 ของชีวิตทีเดียว
Cr. Casper
จริงๆ แล้วผู้ก่อตั้งทั้ง 5 คน มีทักษะและทุนเดิมที่ส่งเสริมธุรกิจใหม่นี้เป็นอย่างดี คนหนึ่งมีเว็บไซต์ขายของ, อีกคนมีคุณพ่อเป็นแพทย์ดูแลการนอน ที่เหลือมีทั้ง เคยทำงานที่บริษัท Design ชั้นนำอย่าง IDEO, มีประสบการณ์ด้าน Branding, และ e-commerce
ที่มาของชื่อ Casper มาจากผู้ร่วมก่อตั้งคนหนึ่งที่ชื่อว่า เชอร์วิน มีเพื่อนชาวเยอรมันที่ตัวใหญ่มาก ชื่อ "Kasper" ที่มีปัญหา เวลานอนต้องใช้เตียง 2 หลังตลอด ก็เลยคิดว่าใช้ชื่อ Kasper นี่แหล่ะ แต่เปลี่ยนเป็นตัว C แทนคือ "Casper"
พวกเขา ตกผลึกไอเดียออกมาคือ การขายที่นอนคุณภาพเยี่ยม ผ่านช่องทางออนไลน์...
Cr. Casper
พวกเขาเลยเอาไอเดียนี้ไปเสนอนักลงทุน ซึ่งก็แน่นอนว่า คำตอบที่ได้ ก็คือ...
"นี่คุณกำลังคุยกับนักลงทุนในเทคโนโลยีนะ แต่คุณบอกว่าจะขายที่นอนออนไลน์ เนี่ยนะ มันไร้สาระสิ้นดี!"
"นี่คุณกำลังบอกผมว่าคุณจะขายแค่ที่นอนแบบเดียวเนี่ยนะ?"
แน่นอนว่าพวกเขาต้อง Pitch (นำเสนอ) คนแล้วคนเล่า แต่ก็ไม่มีนักลงทุนคนไหนเห็นด้วย และยอมให้เงินแม้แต่คนเดียว!
พวกเขาก็เลย ใช้ทุนตัวเองในการเริ่มต้นธุรกิจ ทั้งต้องจ้างโรงงานผลิตสินค้าล็อตแรก ค่าโฆษณา จนต้องใช้บัตรเครดิต จนมีหนี้กว่า 3 ล้านบาท...
หลังจากนำเสนอไปเรื่อยๆ ก็มีนักลงทุนสนใจจนได้ และลงทุนในบริษัท Casper ด้วยเงินทุนรอบ "Seed-round" ด้วยเงิน 1.85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือ กว่า 50 ล้านบาท)
เรื่องของเรื่องก็คือ นักลงทุน ท่านนี้มีความคิดอยู่แล้วว่า ตลาดที่นอนควรจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงสักที พอมาเจอทีม Casper และได้พูดคุย ก็เหมือนเจอ "คนที่ใช่" จึงยอมให้เงินทุน
นอกจากนี้ ตลาดที่นอนในสหรัฐฯ ใหญ่มากกว่า 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และตลาดทั่วโลก กว่า 39,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ยอดขายหลังเปิดตัว และการขยายกิจการ
หลังจากที่ได้รับเงินทุน ทาง Casper เปิดตัวเว็บไซต์ ในเดือน เมษายน ปี 2014
โดยตั้งเป้ายอดขายปีแรกไว้ที่ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
แต่หลังจากที่ ผ่านไป 2 เดือน พบว่า ยอดขายได้เป้าทั้งปีไปเรียบร้อย ด้วยกลยุทธ์ปูพรมทุ่มงบการตลาดออนไลน์ทั้ง เช่น โซเชียลมีเดีย พอดคาสต์ โดยเฉพาะการจ้างดาราดัง มาโพสอินสตาแกรม โฆษณาขายของให้
และด้วยการที่ปกติที่นอน คนก็อยากจะลองนอนก่อนซื้อ ทาง Casper ก็เลยออกนโยบายให้ทดลองนอนก่อนถึง 100 วัน!
ตัวที่นอนเองก็ราคาตั้งแต่ประมาณ 11,000 บาท ไปจนถึง 85,000 บาท
พอยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด ก็เลยดึงดูดนักลงทุน รวมไปถึงดาราขั้นนำอย่าง ลีโอนาโด ดิคาปริโอ กับ อดัมเลอวีน ก็มาลงทุนกับเค้าด้วย
โดยปี 2019 บริษัทมีเงินลงทุนรวม 340 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีมูลค่ากิจการสูงถึง 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ กลายเป็นยูนิคอร์นสมใจ!
1
นอกจากนี้ Casper เองไม่ได้หยุดแค่เตียงนอน แต่ขยายไลน์สินค้าไปให้ครอบคลุมอุปกรณ์ในห้องนอนทั้งหมด
ผู้บริหารหมายมั่น ที่จะเป็นเจ้าแห่งอุตสาหกรรมการนอน หรือ เป็น "Nike แห่งการนอน"!
Cr. Casper
ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
พอขายดี คู่แข่งก็ไม่อยู่นิ่ง ทั้งร้านขายที่นอนออนไลน์รายใหม่ รวมไปถึงยักษ์ใหญ่อย่าง Walmart ก็มาเล่นด้วย รวมๆ ปัจจุบันมีคู่แข่งกว่า 175 ราย!!
หากเราลองไปดูผลประกอบการย้อนหลังกันดู
ปี 2017 รายได้ 251 ล้านเหรียญฯ
ขาดทุน 73 ล้านเหรียญฯ
ปี 2018 รายได้ 356 ล้านเหรียญฯ
ขาดทุน 93 ล้านเหรียญฯ
ปี 2019 (9M) รายได้ 312 ล้านเหรียญฯ
ขาดทุน 67 ล้านเหรียญฯ
1
ที่เห็นขาดทุนเยอะแบบนี้ สาเหตุหลักก็มาจากค่าใช้จ่ายในการขายและค่าการตลาดนั่นแหล่ะ เป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของรายได้เลยทีเดียว
และล่าสุด สงสัยบริษัทเงินหมด ก็เลยต้องระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) โดยยอมลดมูลค่ากิจการลงเหลือ เพียง 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
พอดูสตาร์ทอัพช่วงหลังๆ ที่ขาดทุนเรื้อรังแต่ยังเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ ทั้ง UBER, WeWork และล่าสุดคือ Casper ก็ดูจะคล้ายๆเทพนิยาย เรื่อง ซินเดอเรลล่า
จากลูกเศรษฐีตกยาก จนต้องเป็นคนรับใช้พอได้สวมรองเท้าแก้วก็กลายเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์ชั่วขณะ แล้วก็กลับมาตกยาก แต่ในที่สุดก็ Happy Ending
ก็น่าติดตามนิทานยูนิคอร์นของโลกตะวันตก ว่าคนแต่งจะตื่นเมื่อไหร่?
💡ไม่อยากพลาดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ และกลยุทธ์ทางธุรกิจ
กดติดตาม "นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า"
และหากต้องการปรึกษาเรื่องนำเข้าส่งออก แอดไลน์ @zupports ได้เลย
โฆษณา