9 ก.พ. 2020 เวลา 12:00 • ความคิดเห็น
ความหวาดกลัว มันทำอันตราย
ได้มากยิ่งกว่า ไวรัส
เมื่อวานนี้เกิดภาวะวิกฤต ซ้อนๆ กันหลายเรื่องทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเหตุการณ์ กราดยิงที่โคราช ไปจนถึงสถานการณ์ความหวาดกลัวไวรัสโคโรนาที่สิงคโปร์ซึ่งเริ่มมีการกักตุนอาหารกันแล้ว จนนายก ลี เซียนลุง ต้องออกมาแถลงการณ์ ให้ความมั่นใจกับประชาชน
ว่าที่จริงแล้วไทยเราตั้งแต่เปิดต้นปีมา เจอมาหลายเหตุการณ์ ทั้ง ภาวะภัยแล้ง, PM2.5, ไวรัสโคโรนา และล่าสุดคือ เหตุการณ์กราดยิง
สิ่งสำคัญ ก็คือ การควบคุมสถานการณ์ของผู้นำในแต่ละระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การสื่อสาร" ให้ข้อมูลกับประชาชน
เหตุการณ์วิกฤต หรือภาวะฉุกเฉิน เราอาจสามารถเปรียบเทียบได้กับ "การเจรจาให้คนร้ายจี้ชิงตัวประกัน ปล่อยตัวผู้ร้าย"
โดย "ผู้นำ" ก็เปรียบเสมือน "ผู้ที่เข้าไปเจรจา" เพื่อให้ผู้ร้าย "ยอมปล่อยตัวประกัน"
Cr. The Trace
เราลองไปดูเรื่องราวตัวอย่าง การเจรจากัน
ลองจินตนาการว่าคุณเพิ่งสำเร็จหลักสูตร "นักเจรจาปล่อยตัวประกัน" และได้รับมอบหมายให้ไปที่โรงพยาบาล เพื่อเจรจาให้ผู้ร้ายปล่อยตัวประกัน
ผู้ร้ายชื่อ "แซม" กำลังเอากรรไกร จี้ที่คอของนางพยาบาลคนหนึ่ง
คุณรู้ข้อมูลที่มาที่ไปเบื้องต้นว่า แซม ได้รับบาดเจ็บจากการทะเลาะกับภรรยาของเขา เรื่องที่ใครควรได้ดูแลลูกๆ
ก็คือ โดนภรรยา เอากรรไกรแทง ระหว่างที่ทะเลาะกัน พอมาถึงโรงพยาบาล ก็เลยคลั่ง จับนางพยาบาลเป็นตัวประกัน
ช่วงที่คุณเดินกำลังจะเข้าไปที่ห้องในโรงพยาบาล เพื่อจะเจรจา พบว่า แซมตะโกนว่าจะฆ่าให้หมดทุกคน
ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ในการเจรจา แต่คุณก็ตั้งสติ แล้วก็ได้เริ่มถามแซมไปว่า "คุณต้องการอะไร แซม? คุณอยากได้อะไร?"
เพื่อเข้าถึงจิตใจของแซม คุณถามต่อว่า "แล้วลูกๆ ของคุณหล่ะ แซม?"
Cr. Pixabay
แซม ตะโกนกลับไปว่า "อย่าพูดเรื่องลูกๆ ของผม คุณไปเอาลูกๆของผมมาที่นี่ ผมจะได้ฆ่าให้หมดทุกคน!"
ถึงแม้จะถูกข่มขู่ แต่คุณก็ยังนิ่งสงบ แซมรู้สึกหัวเสีย เลยชี้ปลายกรรไกรมาที่คุณ และเดินเข้ามาจะเอากรรไกรปักคอหอยคุณ!
ระหว่างที่แซมเดินเข้ามาหาคุณ คุณก็เลยเอามือของคุณวางที่แขนของแซม แล้วบอกว่า "แซม คุณอยากให้ลูกของคุณจดจำว่าพ่อของพวกเขาเป็นฆาตกรอย่างนั้นหรือ?" แซมชะงัก
คุณเห็นอย่างนั้น จึงพูดต่อว่า "เราคุยกันเรื่องลูกๆของคุณ คุณอยากให้พวกเขาจดจำคุณแบบไหน?"
Cr. Pixabay
คุณถามคำถามเดิม ไปเรื่อยๆ จนแซมเริ่มสงบลง คุณเจรจาให้แซมปล่อยนางพยาบาลไป และเอาคุณเป็นตัวประกันแทน...
แซม ตกลง...
จนในที่สุด หลังจากที่เห็นว่าแซมสงบลงมาก คุณก็เลยถามแซมว่า "แซม คุณยังต้องใช้กรรไกรอยู่อีกหรือไม่?"
ถามแซมว่า "อยากที่จะโยนกรรไกรทิ้งลงพื้น หรือส่งกรรไกรมาให้คุณ?"
ถามแซมว่า "อยากจะให้คุณใส่กุญแจมือให้ หรืออยากให้ตำรวจด้านนอกเป็นคนทำ?"
ถามแซมว่า "อยากให้ใส่กุญแจมือโดยเอามือไว้ด้านหน้า หรือด้านหลัง?"
แซม ตอบคุณกลับว่า อยากใส่กุญแจมือโดยเอามือไว้ด้านหน้า และให้คุณเป็นคนใส่ให้...
ในขณะที่เดินออกจากโรงพยาบาลไปด้วยกัน แซมกล่าวขอบคุณ ที่คุณช่วยทำให้แซมนึกขึ้นได้ว่า
ลูกๆ มีความสำคัญต่อแซม...ขนาดไหน
Cr. Pixabay
ในสถานการณ์ปัจจุบัน "แซม" ก็อาจเปรียบได้กับ ไวรัสโคโรนา หรือ เหตุร้ายแรงต่างๆ ที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรง ต่อชีวิตประชาชน
ก็อยู่ที่ คุณผู้นำ ซึ่งเปรียบเหมือน ผู้เจรจา จะช่วยผ่อนสถานการณ์จากหนักให้เป็นเบา ได้ดีแค่ไหน
เมื่อวานนี้ แอดมิน ได้มีโอกาสฟังแถลงการณ์ ของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลี เซียนลุง
โดยตอนหนึ่ง ลี เซียนลุง บอกประชาชนว่า "ความหวาดกลัว มันทำอันตราย ได้มากยิ่งกว่า ไวรัส"
Cr. เฟสบุ๊ก ลี เซียนลุง
ข้อคิดหลักๆ ที่ได้จากการแถลงการณ์ดังกล่าว มี 3 เรื่องด้วยกัน ได้แก่
1) ทันสถานการณ์
พอเกิดเหตุประชาชนแห่ตุนสินค้าทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กระดาษชำระ และของอุปโภค บริโภคอื่นๆ ผู้นำก็ต้องออกมาให้ความเชื่อมั่นด้วยตัวเอง อย่าให้ประชาชนแตกตื่นกันเกินไป
ประชาชนสิงคโปร์ แห่ไปตุนอาหารกันแล้ว Cr. The Straights Times
โดยเน้นว่าสิงคโปร์สามารถทำสต็อกสินค้าเพิ่มได้ทันแน่นอน คือ หากคนยิ่งหวาดกลัวกันจนเกินไป สถานการณ์จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่
(เรื่องนี้สิงคโปร์ ก็โชว์ให้เห็นจริงว่าขนาดหน้ากากอนามัยยังมีของแจกจริงๆ)
โดย ลี เซียนลุง ก็ให้ความมั่นใจ โดยบอกว่าประเทศมีการเตรียมการรับมือเรื่อยมาตั้งแต่ครั้งที่เกิดเหตุการณ์ MERS แล้ว
2) อธิบาย ข้อเท็จจริง
ลี เซียนลุง ให้ข้อมูลว่า ไวรัสโคโรนา 2019-nCov แพร่ระบาดได้เร็วกว่า MERS จริง จึงทำให้รัฐต้องออกกฎเกณฑ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
แต่โรคนี้มีความรุนแรงน้อยกว่า MERS คือ อัตราการเสียชีวิตนอกมณฑลหูเป่ย อยู่ที่ 0.2% เท่านั้น ใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ (Influenza) ที่ประมาณ 0.1%
3) พูดโดยคำนึงหัวอกคนที่กำลังฟังอยู่
ลี เซียนลุง บอกถึงแผนการ หากสถานการณ์การระบาดลุกลาม โดยเน้นอยากให้ประชาชน เตรียมตัวและเตรียมใจเอาไว้ คือ ไม่ได้พูดแต่ข้อมูลแง่ดี แต่ชี้ให้เห็นความเป็นไปได้อื่นๆด้วย
โดยหากการระบาดมากขึ้น แต่ความรุนแรงใกล้เคียงโรคไข้หวัดใหญ่นั้น ทาง ลี เซียนลุง ก็อธิบายว่า อยากให้ประชาชนที่มีไข้ไม่มาก อยู่บ้าน เพื่อเปิดโอกาสโรงพยาบาล ได้ดูแลคนที่มีไข้หนัก หรือเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่น เด็กและผู้สูงอายุ จะเป็นประโยชน์ ต่อภาพรวมมากกว่า
และปิดท้าย ด้วยการกระตุ้นให้คนในประเทศร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียวอีกด้วย
Cr. Pixabay
โดยสรุป การสื่อสาร ก็เป็นสิ่งที่ผู้นำ ทุกระดับไม่ว่าจะเป็น ผู้นำครอบครัว, บริษัท, องค์กร, หรือระดับประเทศ ต้องให้ความสำคัญ ต้องลงรายละเอียดให้ถี่ถ้วน
การสื่อสารที่ชัดเจน และแสดงความเข้าใจผู้ฟัง ก็สามารถทำให้ผู้ตามมีความเข้าใจในสถานการณ์ และสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง
ในทางตรงข้าม หากผู้นำพูดตามอารมณ์ ตามที่ถูกผู้อื่นยั่วยุ โดยไม่ได้กลั่นกรอง แบบนี้ สู้ไม่พูดซะยังดีกว่า...
.
.
.
เพราะความหวาดกลัว ของผู้คน มันน่ากลัวยิ่งกว่าไวรัส ไหนๆ
โดยเฉพาะการถูกเร่งปฏิกิริยาด้วยโลกโซเชียลมีเดีย แบบนี้
- ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิงที่โคราช มา ณ ที่นี้ด้วย -
ที่มา:
1. เรื่องราวนักเจรจา ที่ไปช่วยชีวิตแซม คือ เรื่องราวจริงของนักเจรจาปล่อยตัวประกัน และศาสตราจารย์ ที่สอนด้านความเป็นผู้นำของ IMD ที่ชื่อว่า George Kohlrieser
โดยหากเพื่อนๆ สนใจ อ่านต่อได้ในหนังสือ "Care to Dare" ดีมากๆ แอดมินการันตี
2. เฟสบุ๊ก ของ ลี เซียนลุง
💡ไม่อยากพลาดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ และกลยุทธ์ทางธุรกิจ
กดติดตาม "นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า"
และหากต้องการปรึกษาเรื่องนำเข้าส่งออก แอดไลน์ @zupports ได้เลย
โฆษณา