13 ก.พ. 2020 เวลา 05:00 • ธุรกิจ
ต้องพิจารณาอะไร?
ก่อนตัดสินใจเข้าสู่ตลาดโลก
2
จากสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซา เพื่อนๆ Blockdit บางท่านก็อาจจะอยากออกไปหาตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศให้ธุรกิจของตัวเอง
3
การเข้าสู่ตลาดต่างประเทศเกิดขึ้นจากการที่ผู้ประกอบการ อยากจะไปหาตลาด (market-seeking motives) ไปหาสิ่งที่มีประสิทธิภาพ (efficiently-seeking motives) และไปแสวงหาทรัพยากร (resource-seeking motives)
ก่อนที่เพื่อนๆ จะตัดสินใจเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ ท่านควรพิจารณาก่อนว่า…
1. ต้นทุนในการตัดสินใจเข้าสู่ตลาดนั้นเป็นอย่างไร?(Cost in entry decision)
แน่นอนค่ะว่าการออกสู่ตลาดต่างประเทศ ต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าโสหุ้ยต่างๆ มากพอสมควร ดังนั้น บริษัท ห้างร้านต่างๆ จำเป็นต้องพิจารณาทั้งสถานที่ตั้ง ซึ่งหมายถึงความใกล้ – ไกลของประเทศเป้าหมาย เพราะยิ่งอยู่ไกลยิ่งต้องใช้ความสามารถ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูง ทั้งด้านการทำการตลาด ด้านกำลังคน อัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น
2. ความความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความเชื่อของตลาดนั้นเป็นอย่างไร? 
(Cultural and institutional distance)
ประเด็นความแตกต่างทางวัฒนธรรม แนวคิด ความเชื่อต่างๆ ของประเทศเป้าหมายเป็นเรื่องสำคัญ เพราะยิ่งประเทศเป้าหมายมีความแตกต่างทางแนวคิด วัฒนธรรมหรือความเชื่อของท่านมากเท่าไหร่ ท่านก็อาจจะต้องมีค่าใช้จ่าย หรือต้นทุนทางธุรกรรมในการจัดการความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เพิ่มขึ้นด้วย
3. พร้อมที่จะรับภาระในความเป็นชาวต่างชาติหรือไม่? (The liability of foreignness)
ในแง่นี้ หมายถึง การที่ผู้อ่านท่านที่เป็นนักธุรกิจต่างชาติ เมื่อเข้าไปลงทุนในประเทศใดก็ตาม ท่านต้องมีภาระจากความเป็นชาวต่างชาติในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น การต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายของประเทศนั้นๆ การถูกเลือกปฏิบัติ การปรับตัวให้เข้ากับความแตกต่างทางวัฒนธรรม ภาษา และสังคมท้องถิ่นนั้น
4. พร้อมควบคุมและรับผิดชอบการทำธุรกิจในตลาดนั้นหรือไม่? (Control and commitment)
เพื่อนๆ ที่จะเข้าสู่ตลาดต่างประเทศต้องพร้อมที่จะจัดการกับความไม่แน่นอนทั้งภายใน และภายนอกบริษัท ทั้งพนักงานสัญชาติเดียวกัน และต่างสัญชาติ รวมทั้งต้องจัดการกับพวกที่ไม่ทำงาน หรือกินแรงพรรคพวก (free rider) อีกด้วย
5. เวลาไหนที่จะเข้าสู่ตลาด? (Timing to entry)
การเลือกเวลาเข้าสู่ตลาดมีความสำคัญมาก เมื่อท่านวิเคราะห์จุดที่ท่านอยู่ในตลาดได้แล้ว ท่านต้องทราบจุดที่อยู่ของคู่แข่งด้วย เพราะตลาดในบางประเทศสินค้าและบริการของท่านอาจจะเป็นผู้ที่เข้าสู่ตลาดก่อน หรือ first-mover หรือบางแห่งท่านก็อาจจะเป็น late-comer หรือผู้ที่เข้าตลาดหลังคู่แข่ง
1
ไม่ว่าท่านจะเข้าตลาดเวลาใดก็ตาม ล้วนแต่มีข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบแตกต่างกันไป
บริษัทที่เข้าสู่ตลาดก่อนเป็นรายแรก หรือ First-mover advantage ข้อได้เปรียบคือ สามารถเข้าถึงตลาดและทรัพยากรในประเทศเป้าหมายได้ก่อนใครเพื่อน ทำให้ตราสินค้าเป็นที่คุ้นหู คุ้นตา และลูกค้าพร้อมที่จะเลือกสินค้านั้นก่อนสินค้าตัวอื่นๆ
นอกจากนั้น บริษัทที่เข้าสู่ตลาดเป็นรายแรก อาจจะสามารถซื้อสินทรัพย์ หรือต่อรองกับซัพพลายเออร์ได้ในราคาที่ต่ำกว่าในฐานะที่เป็นผู้ผลิตเจ้าแรกที่ยังไม่มีคู่แข่ง
แต่ข้อเสียเปรียบคือ ต้องพัฒนาตนเองให้เหนือกว่าคู่แข่งอยู่เสมอเพื่อรักษาฐานลูกค้า และรักษาส่วนแบ่งตลาดที่เป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง เพราะมีสิทธิพลาดพลั้งให้คู่แข่งหน้าใหม่ได้ตลอดเวลา
ส่วนบริษัทที่เข้าตลาดหลังคู่แข่งรายอื่นๆ หรือ Late-comer advantage ข้อเสียเปรียบคือ ต้องต่อสู้สร้างแบรนด์ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพของสินค้า และบริการให้สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดที่มีอยู่เดิมของ First-mover ให้ได้
มีข้อได้เปรียบคือ บริษัทที่เข้าตลาดหลังคู่แข่งรายอื่น สามารถศึกษา เรียนรู้ หรือเลียนแบบแนวทาง กลยุทธ์ของ First-mover ทั้งในกรณีที่ประสบความสำเร็จ และประสบความล้มเหลว มาปรับใช้เป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันของบริษัทได้อีกด้วย
จากปัจจัยต่างๆ เพื่อนๆ คงพอจะเห็นภาพนะคะ ว่าการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศควรพิจารณาอะไรบ้าง ขอให้ธุรกิจเฮงๆ ปังๆ กันทุกท่านนะคะ💲💰
ขอกำลังใจเพื่อนๆ Blockdit
ฝากกดติดตาม🙇 ชอบถูกใจ👍 ใช่กดแชร์👌 เพจ "ตะลุยตลาดโลก" กันนะคะ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ🙏😊
โฆษณา