14 ก.พ. 2020 เวลา 02:21 • ความคิดเห็น
Repost เรื่องสั้นเริ่มต้นวันแห่งความรัก : ช่อดอกไม้
ผมหยิบรูปถ่ายบนโต๊ะหนังสือขึ้นมาดู มันเป็นรูปคู่ของเราสองคนถ่ายไว้ตอนวันฉลองครบรอบที่เราคบกันมาครบ 7 ปีเต็ม
เธอนั่งยิ้มกว้าง มือชี้นิ้วไปที่ถ้วยไอติมขนาดมหึมาที่เธอโปรดปราน ส่วนผมนั่งทำหน้าขึงกับรอยยิ้มฝืนจากการที่ต้องถ่ายรูปคู่หน้าถ้วยไอติมนี่เป็นรูปที่ 7 แล้ว
"กินได้แล้วมั้ง จอย ไอติมละลายหมดแล้ว"
"ขออีกรูปน่า วันนี้วันพิเศษนะ" เธอหันมายิ้มกว้าง
ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู blockdit ตามความเคยชินที่ว่างเป็นต้องกดดู
"อ้น หันมาหน่อยดิ นะ นะ จะถ่ายแล้วเร็วๆ ดิ"
" พอเหอะ! จอย "
รูปในมือย้อนให้ผมนึกถึงน้ำตาของเธอในวันนั้นได้เป็นอย่างดี..
"อ้น พรุ่งนี้ว่างมั้ย เจอกันที่ร้านไอติมร้านเดิมนะ"
ผมกดวางสาย.. น้ำตาเริ่มเอ่อไหลออกมาตั้งแต่สองสามประโยคสุดท้ายก่อนที่เธอจะวางสายไป
หลังจากนั่งจ้องมองรูปพื้นหลังบนหน้าจอโทรศัพท์ที่วางอยู่บนผ้าปูเตียงยู่ย้น ผมก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป
"อ้น เราจะแต่งงานแล้วนะ เดี๋ยวจะเอาการ์ดไปให้นะ เจอกันที่เดิม แล้วห้ามสายเหมือนเคยนะ จะโป้งเลยด้วย"
ผมนึกถึงรอยยิ้มหวานละมุน กับหน้าทะเล้นเวลาเธอบอกว่าง "โป้งเลยด้วย" ได้อย่างไม่ต้องผ่านเข้าไปแปลผลในสมองด้วยซ้ำ เพราะจริงๆแล้วมันอยู่ใน 'หัวใจ'
"อ้น วันเสาร์ไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งกันเนอะ"
"สเก็ตน้ำแข็งอีกแล้วเหรอ หนาวจะตาย ทำไมชอบไปจัง ไม่เห็นสนุกเลยจอย ไปดูหนังดีกว่า อยากกินป๊อบคอร์นด้วย"
"....ก็ จอยชอบนี่นา มันทำให้นึกถึงตอนที่พ่อพาไปเล่นที่ Lotte world ตอนเด็กๆ...อืมม งั้นดูหนังก็ได้ ถ้าอ้นว่างั้นนะ"
" ดูหนังอ่ะดีแล้ว อ้นขี้เกียจหาเสื้อหนาวแล้ว เก็บเข้าตู้ไปหมด ค้นออกมาวุ่นวายจะตาย"
"...จ๊ะ " เธอรับคำเสียงเศร้า
เธอเล่าให้ฟังเรื่องพ่อพาเธอไปเกาหลีใต้ตั้งแต่ยังเล็กๆ เธอได้ไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งครั้งแรกกับพ่อที่นั่น เธอบอกว่ามันสนุกมากๆ เสียงหัวเราะของเธอกับพ่อผสานกันเป็นเสียงที่อบอุ่นที่สุดในโลก นั่นคือความทรงจำที่เธอจำได้ดีที่สุด เพราะหลังจากกลับจากเกาหลีเพียงไม่กี่เดือน พ่อของจอยก็จากไปตลอดกาล
ตอนนี้ผมกลับเสียใจอย่างที่สุด ที่ตอนนั้นน่าจะพาเธอไปเล่นสเก็ตทุกครั้งที่เธอร้องขอ เพราะนั่นคือความทรงจำที่แสนสุขของเธอ ความทรงจำของเด็กสาวตัวเล็กๆคนนึงที่อยากจะพบพ่ออีกครั้งผ่านเสียงโลหะครืดไปกับพื้นน้ำแข็งเย็นเฉียบ เวลาผมไปด้วย เธอจะคอยจับมือผมเวลาเธอจะลื่นล้ม บางทีก็มีก้นจ้ำเบ้ากันบ้าง แต่เธอกลับหัวเราะร่วน ส่วนผมหน้ากลับทำบูดบึ้ง...
'ถ้ามีโอกาส จอย อยากไปที่ Lotte อีกซักครั้ง'
นั่นคือคำพูดเวลาเธอเอ่ยมาลอยๆ เวลามองออกไปนอกหน้าต่างตอนฝนพร่ำฟ้ามืดครึ้ม
ผมนั่งรอที่โต๊ะตัวเดิม มุมในสุดของร้าน พนักงานมารับออร์เดอร์สองครั้งแล้ว แต่ผมยังยืนยันว่าจะรอคนที่จะตามมาก่อน
ตอนนี้ผมเห็นเธอเดินตรงเข้ามาแล้ว ผมยาวถูกรวบไว้ตึงสวย ใบหน้ากลมเข้ารูป ไรผมสีน้ำตาลอ่อนที่ท้ายทอยทำให้ทรงผมของเธอกลับน่ารักกว่ากว่าตอนที่เธอตัดผมสั้นประบ่าสมัยคบกับผมซะอีก
"จอย เราชอบผู้หญิงผมสั้นอ่ะ ผมยาวกว่าจะรวบ กว่าจะสระ จะแห้ง ดูวุ่นวายจะตาย"
ตลอดเวลาที่เธอคบกับผม จอย ไม่เคยไว้ผมยาวอีกเลย
จอยเดินยิ้มเข้ามา ในมือถือถุงพะรุงพะรัง ท่าทางเหนื่อย แต่กลับมีรอยยิ้มที่มุมปากตลอดเวลา
"โอย หอบอะไรมาเยอะแยะเลย จอย" ผมเอ่ยทัก
"วันนี้ต้องทำธุระหลายอย่างเลย ต้องไปลองชุด ไหนจะต้องเตรียมชุดเพื่อนเจ้าสาว แล้วก็ไปลองแหวนหมั้นมา" จอยถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วผลุบนั่งลงตรงข้าม
"เหนื่อยมั้ยหล่ะ ดูวุ่นวายดีเน๊อะ" ผมยิ้มแห้งๆ
"อืมม แต่ก็ตื่นเต้นนะ มันใกล้แล้วอ่ะ อีกเดือนเดียวเอง วิ่งรอบจนจะทำ wedding studio เองได้ละ" จอยหัวเราะพร้อมยิ้มจนตาหยีไปถนัดใจ
"ดีแล้ว ค่อยๆจัดการไป มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะ จอย" ผมเอื้อมมือไปข้างหน้าจะจับมือเธอด้วยความเคยชิน แต่เธอดึงมือกลับ รอยยิ้มที่มุมปากพลันหายไป
"เอ่อ ขอโทษที อ้นลืมตัวไป" ผมหน้าเสียชักมือกลับ
"อืมม ไม่เป็นไร ... เอ่อ นี่การ์ดงานแต่งนะ รบกวนด้วยนะคะ คุณชายอ้น" เธอก้มลงไปหยิบเอาซองสีฟ้าอ่อนดูน่ารักและหรูหราในทีขึ้นมา
"เป็นวันเสาร์ที่ 22 เดือนหน้านะ อ้น คงสะดวกนะ อยากให้เพื่อนๆ มากันเยอะๆ อยากเจอกันก่อนจะย้ายไปสิงค์โปรน่ะ"
"อ้าว ต้องย้ายด้วยเหรอ" ผมโผล่งขึ้นมา
"ใช่ โทมัส เค้าต้องกลับไปประจำสาขาที่สิงคโปร์พอดีหลังงานแต่ง ได้เลื่อนตำแหน่งด้วยนะ แต่งานคงยุ่งมากขึ้นอีกเยอะเลย หาเวลาว่างส่วนตัวคงไม่ต้องพูดถึง เลยต้องรีบแต่งให้เรียบร้อยก่อนย้ายน่ะ" จอยพูดเสียงอ่อยลง
"มิน่า โทรมานี่ อ้น ตกใจเลยว่า ทำไม...คือ ดีแล้วหละที่จะได้จัดงานให้เรียบร้อย เพื่อนๆจะได้แสดงความยินดีด้วยไง ถ้าให้ไปถึงสิงคโปร์เลย อ้นก็คงไม่มีปัญญาไปเหมือนกัน ยังกินมาม่าอยู่เลยทุกวันนี้" ผมแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน
"ยังกินมาม่าอยู่อีก บอกแล้วว่าให้กินของมีประโยชน์ไง ดูแลตัวเองบ้างนะอ้น" จอยมองตาผม ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่ผมว่าเธอมีน้ำตาคลอ
"บ้าน่า ล้อเล่น เดี๋ยวนี้เราทำกับข้าวกินเองนะ แต่ก็พยายามประหยัด จะได้มีเงินเก็บซักที" ผมแกล้งยิ้มกว้างๆ เพราะรู้ดีว่าเธอจะยิ้มเวลาเห็นผมยิ้มประหลาดแบบนี้
"ดีแล้ว เราจะได้ไม่ห่วง" เธอพูดเสียงค่อย ชำเลืองมองออกนอกหน้าต่าง มีรอยยิ้มแต่ก็เป็นเพียงยิ้มจาง ๆ เท่านั้น
"จอย กินไอติมไหม วันนี้อ้นเลี้ยงนะ" ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง
"ไม่ดีกว่าจ๊ะ เดี๋ยวต้องไปเก็บของที่คอนโดก่อน เดี๋ยวดอกไม้จะเหี่ยวซะก่อน" จอยหยิบช่อดอกกุหลาบสีขาวดอกใหญ่มัดเป็นช่อบูเก้น่ารักออกมาดม
"โทมัสแอบเซอร์ไพรส์ตอนเลือกแหวน คนในร้านนี่ปรบมือกันทั้งร้านเลย เขินจะตาย.." จอยก้มมองช่อดอกไม้ด้วยสายตาแกมยินดี
"จอย งั้นรีบไปทำธุระเถอะ เดี๋ยวจะได้รีบกลับไปพักผ่อนนะ ดูท่าทางเหนื่อยเชียว" ผมแทรกขึ้นกลางความเงียบ
"เหรอ หน้าจอยโทรมเห็นชัดขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นต้องรีบกลับไปพักแล้ว เดี๋ยววันงานจริงหน้าโทรมนี่แย่เลย" เธอรีบหอบหิ้วถุงจากพื้นขึ้นมา พร้อมโบกมือลา รวมถึงส่งรอยยิ้มที่แสนทะเล้นมาให้เหมือนเคย
ผมได้แต่ยิ้มให้และโบกมือลาเบา ๆ
"อ้น จะไม่ซื้อดอกกุหลาบให้จอยสักช่อเหรอ ช่อสีชมพูนั่นน่ารักจังเลยอ่ะ"
ใช่ เธอรบเร้าผมเสมอเวลาเดินผ่านร้านดอกไม้หรือแผงขายดอดไม้ตามตลาด
"เอาไปทำไม เดี๋ยวก็เหี่ยวแล้วจอย เปลืองจะตาย"
นี่คือคำตอบที่ผมมอบให้เธอ ก่อนที่ผมจะเดินไปหยิบการ์ตูนเล่นโปรดที่แผงข้าง ๆ โดยที่เธอไม่เคยค้านซักคำเดียว
ผมนั่งนึกทบทวนอยู่หน้าถ้วยไอติมแบบที่จอยชอบสั่งเวลาเรามาด้วยกัน ผมค่อยๆตักกินมันจนหมดแม้ว่ามันจะละลายไหลผสมปนเปกันเหมือนน้ำตาของผมที่ไหลไปรวมกันที่ปลายคางอย่างไม่แคร์สายตาคนในร้านเลยแม้แต่น้อย
" ฮัลโหล อ้น จะโทรมาย้ำว่าอย่าลืมวันงานนะ อีกสองวันจ๊ะ" จอยโทรมาเกือบสามทุ่ม ผมไม่รับปล่อยให้เธอฝากข้อความไว้หลังสัญญาณ voice mail
"ห้ามเบี้ยวนะ โป้งเลยด้วย" ....
ผมเปิดฟังข้อความนั้นทั้งคืน นอนตาเอามือก่ายหน้าผากด้วยความเสียใจ น้ำตามันไหลจนไม่เหลือให้ไหลได้อีกแล้ว พรุ่งนี้แล้วที่ผมจะออกเดินทาง พรุ่งนี้เช้าแล้วสินะ
"หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ the number........"
 
จอยพยายามโทรหาผมตั้งแต่หกโมงเช้าวันงาน เพราะผมไม่ได้ยืนยันทางการสื่อสารใดๆ ว่าผมจะไปร่วมงานวันนี้หรือไม่
จอยยังพยายามกดโทรออกอีกหลายครั้ง จนทางช่างแต่งหน้าต้องเรียกให้รีบไปแต่งหน้าให้เรียบร้อย เพราะจะไม่ทันฤกษ์รดน้ำสังข์ตอน 8.09 น. แล้วจอยก็ไม่มีโอกาสได้หยิบโทรศัพท์อีกเลยจนเริ่มงานพิธี
ผมเดินออกประตูเลื่อนด้านหน้าอาคาร ขยับกระเป๋าให้กระชับ เรียกแท็กซี่แล้วยื่นกระดาษยู่ยี่ในมือให้อ่าน บวกกับภาษาอังกฤษสำเนียงห่วยๆอีกสองสามประโยค คนขับก็ออกรถไปยังจุดหมาย
เป็นโอกาสดีที่ผมจะมีข้ออ้างเพื่อไม่ไปร่วมงานแต่งงานของจอย ผมรู้ดีว่าผมคงทนเห็นภาพที่เธอเดินจูงมือชายอื่นเดินขึ้นไปบนเวทีท่ามกลางแสงเทียนและดอกไม้ พร้อมฟังคำบรรยายจากพิธีกรว่าทั้งคู่เหมาะสมกันขนาดไหน...ทั้งๆที่ชายคนนั้นน่าจะเป็นผม แต่ก็เพราะผมเองที่ทำให้้ทุกอย่างเดินมาถึงจุดนี้..
"อ้น จอยขอร้อง หยุดเถอะวันนี้ไม่ต้องไปหรอก"
ผมหยิบร้องเท้าหนังขัดจนมันวาวมาใส่ เตรียมตัวออกไปสังสรรค์กับเพื่อนที่ผับแถวคอกวัวที่เพิ่งเปิดใหม่
"ผลตรวจค่าเอนไซม์ตับก็แย่แล้วนะ อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้อีกเลยนะ จอยขอละ" เธอเข้ามาฉุดแขนผมไว้
ผมเอามือแกะมือเธอออก
"เอาน่าจอย คืนเดียวเอง ไอ้นิคมันจะฉลองโบนัสออกด้วย วันนี้ไม่ดึกหรอก" ผมจัดแขนเสื้อ
"เมื่อคืนก็พูดแบบนี้ แล้วไงหละ กลับมาตีสาม" จอยเริ่มขึ้นเสียงสูงดังขึ้น
"คืนนี้ก็คืนนี้สิ เกี่ยวอะไรกับเมื่อวาน จอยอย่าเรื่องมากน่า" ผมเริ่มฉุน
"แล้วรอยลิปสติกที่ติดเสื้อมาเนี่ย มันคงสนุกมากเลยสินะที่ไปทุกคืนเนี่ย" จอยหยิบเสื้อเหม็นเหล้าคลุ้งในตระกร้ามาปาใส่ผม
"จอย มันน่ารำคาญมากเลยรู้มั้ย ขอพื้นที่ให้ผมหายใจบ้างเหอะ ขอร้อง ผมเบื่อ เบื่อ!" ผมปิดประตูปังแล้วเดินออกห้องมา แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างไม่เคยกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกเลย
ขณะที่เหม่อมองดูวทิวทัศน์บ้านเรือนสองข้างทางมาตลอด คนขับสะกิดผมว่าถึงที่หมายแล้ว ผมจ่ายค่ารถแล้วเดินตรงเข้าไปในตึก ผมเดินไปตามทางเดิน ได้ยินเสียงดังก้องไปทั่ว เสียงกรีดร้อง เสียงหวีดของโลหะเสียดสีกัน เสียงดนตรีดังวุ่นวายมาจากทุกมุมของมหาวิหารแห่งนี้
มันกว้างใหญ่มากเหลือเกิน เพดานสูงเสียดฟ้า ทำเอาเราตัวเล็กเหมือนมดเมื่อยืนอยู่ในโถงนี้ ผมเดินตรงไปยังจุดหมายของผม ผมเดินเข้าไปหาแสงสว่างที่พุ่งตรงมาจากด้านบน
ผมหยุดตรงราวกั้นโลหะที่ทอดยาวเป็นวงรีอยู่รอบพื้นที่ว่างตรงกลาง ผมก้มลงมองลงไปเบื้องล่าง นี่คือฝันที่คนบางคนตามหามาตลอดชีวิต
ลานสเก๊ตน้ำแข็ง Lotte World
เด็ก ๆ เล่นสเก๊ตกันเป็นวงอยู่ด้านล่าง คนไม่ได้เยอะมากมายนัก คงเพราะที่นี่ไม่ได้ตื่นตาตื่นใจเหมือนในอดีตแล้ว มันคงไม่วุ่นวายเหมือนสมัยที่จอยเคยมากับพ่อในตอนนั้น
ผมหยิบมือถือขึ้นมา ถ่ายรูปลานสเก๊ตน้ำแข็งจากด้านบน แล้วเดินลงไปชั้นล่าง ผมถ่ายอีกหลายภาพ มีภาพหนึ่งเป็นเด็กสาวตัวจ๊อยกับคุณพ่อที่กำลังจูงมือเธอให้เลื่อนไปช้าๆบนพื้นน้ำแข็งเย็นเฉียบ เธอยิ้มมีความสุขพร้อมหัวเราะร่วน ผมนึกภาพความทรงจำของจอยได้ไม่ยากเลยในตอนนี้
ผมใส่ sim internet ของที่นี่ แล้วเปิด line chat ส่วนตัวกับเธอขึ้นมา ผมส่งรูปลานสเก๊ตน้ำแข็ง และรูปเด็กน้อยกับคุณพ่อไปให้เธอ
ผมพิมพ์ข้อความอีกนิดหน่อยลงไป
[จอย ขอโทษที่ไม่ได้พาจอยมาด้วยตัวเอง แต่อ้นตั้งใจเก็บเงินนานแล้วที่จะมาที่นี่ อ้นคงไม่มีอะไรจะให้จอยได้ดีกว่าการกลับมาตามหาความทรงจำที่จอยรักที่สุดมาให้อีกครั้ง ขอให้จอยโชคดีกับชีวิตคู่ที่กำลังเริ่มต้นใหม่อีกครั้งนะ อ้นก็เหมือนคุณพ่อของจอยนั่นหละ ถึงไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ แต่ยังคอยเป็นแรงใจและคอยมองจอยจากที่ไหนซักแห่งในจักรวาลนี้ ไม่ต้องห่วงนะ รักจอยเสมอ ขอโทษกับทุกอย่างที่ผ่านมาแล้ว ขอให้จอยโชคดีครับ]
ผมเดินออกมาหลังจากนั่งที่ลานสเก๊ตอยู่พักใหญ่ เดินมาด้านนอกมีร้านกาแฟเล็ก ๆ ตั้งอยู่ ผมเข้าไปนั่งเพื่อพักซักครู่ ในร้านเปิดเพลงเป็นทำนองบรรเลงเบาๆ ทำนองคุ้นหูเหมือนเคยได้ยินบ่อย ๆ แต่กลับจำไม่ได้
ผมเปิดโปรแกรมค้นหาเพลงจากเสียง ผมเจอแล้วว่ามันคือเพลงอะไร ผมหยิบหูฟังมาเสียบเพื่อฟังมันชัดๆ ดนตรีกำลังบรรเลง นักร้องขับขานเสียงที่ได้รับพรจากสวรรค์ จนถึงท่อนหนึ่งผมสะดุด
~Mmm, too young, too dumb to realize
That I should've bought you flowers
And held your hand
Should've gave you all my hours
When I had the chance~
ผมนึกถึงช่อดอกไม้ที่ไม่เคยได้ซื้อให้เธอ เวลาส่วนตัวที่คิดว่ามันสำคัญสำหรับตัวเอง แต่ไม่เคยคิดจะใช้มันร่วมกันกับเธอ ผมนึกถึงความเสียสละความสุขส่วนตัวในทุก ๆ อย่างของเธอ เพียงเพื่อให้ผมสบายใจ
ส่วนผม... ไม่เคยเลยที่จะทำอะไรเพื่อเธอเลยซักอย่างเดียว แม้ว่าวันนี้ผมจะเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อทำอะไรบางอย่างเพื่อเธอ แต่มันก็ช่างน้อยนิดเหลือเกินกับที่เธอเคยทุ่มเททุกอย่างเพื่อผมตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิด line แล้วผมก็ส่งข้อความไปหาเธออีกครั้ง
[ขอบคุณสำหรับตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมานะ ขอให้จอยมีความสุขมากๆในชีวิตคู่ อ้นรู้ว่าโทมัสจะดูแลจอยได้เป็นอย่างดี ส่วนเพื่อนคนนี้ยังเคียงข้างเสมอตลอดไปนะครับ]
ผมกด send ข้อความออกไป ในขณะที่เพลง 'When i was your man' ยังคงเล่นวนอยู่อย่างนั้น
ข้อความทั้งหมดก่อนหน้า ขึ้นสถานะ [Read]
.
.
(จอยพิมพ์ข้อความส่งกลับมา)
จอยขอบคุณมากนะอ้น
จอยไม่เคยเสียใจกับหลายปีที่ผ่านมานะ
จอยอยากเห็นอ้นได้เริ่มชีวิตใหม่กับคนดีๆ
อ้นต้องใส่ใจและถนุถนอมเค้าให้มาก ๆ นะ
จอยเชื่อว่าอ้นจะเจอคนที่ใช่ในไม่ช้าจ๊ะ
ขอบคุณสำหรับความทรงจำที่แสนวิเศษ อย่างน้อยจอยก็ดีใจที่อ้นไม่เคยลืมมันว่าจอยมีความสุขแค่ไหนที่ลานสเก็ตน้ำแข็งกับคุณพ่อ ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ
(สติ๊กเกอร์รูปเด็กผู้หญิงกำลังร้องไห้)
.
.
ผมนั่งอ่านพร้อมน้ำตาที่เอ่อขึ้นท่วมตาทั้งสองข้าง ผมรีบเช็ดมัน จ่ายเงินค่ากาแฟ แล้วแบกกระเป๋าออกเดินทางต่อไป...
ด้วยแรงบันดาลใจจากเพลง
When i was your man โดย Bruno Mars
# BD love together
# Happy valentine's day 2020
โฆษณา