14 ก.พ. 2020 เวลา 13:20 • ปรัชญา
New! เรื่องสั้น : ความฝันวันวาเลนไทน์
ปลายนิ้วของผมค่อย ๆ บรรจงกดลงบนคีย์เปียโนอย่างแผ่วเบา ทีละโน้ต ไล่เรียงไปตามท่วงทำนองที่แต่งไว้โดยศิลปินชื่อก้องโลกมากมายหลายคน การเล่นเปียโนอาจไม่ใช่สิ่งที่ผมรักที่สุด แต่มันคือสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุด
แต่สิ่งที่ผมรักที่สุด ผมกลับดูแลมันได้แย่ที่สุดเสียอย่างนั้น
เพราะสิ่งนั้นคือ...ความรักครั้งสุดท้าย
"ตกลงเราตัดสินใจจะไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสนะโบว์ เราว่าที่นั่นจะเติมความฝันให้เราได้" ผมกำมือเธอไว้แน่น
"นานขนาดไหนล่ะ คิด" น้ำตาค่อย ๆ รินออกจากดวงตากลมโตของเธอ
"ไม่รู้สิ เราต้องขอบคุณโบว์มาก มากที่สุดเลย จะทำโอกาสที่ให้มาให้เต็มที่ มันอาจจะนานแต่โบว์จะรอเราใช่ไหม รอเรานะ" ผมจับมือเธอมาแนบไว้ที่อก หวังว่าเธอจะสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นอยู่ หัวใจที่มีแต่เธออยู่ข้างใน
"อืมม เราจะรอคิดนะ" เธอร้องไห้ฮือก่อนเข้ามาสวมกอดผมไว้แน่น
และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้สัมผัสกัน สัมผัสที่ผมไม่เคยได้รับจากใครอีกเลย
[รูปผู้หญิงในไอจี นั่นใคร] โบว์ ส่งข้อความมา
[เพื่อนคลาสเดียวกัน] ผมตอบกลับ
[ต้องกอคอกันขนาดนั้นเลยเหรอ สนิทกันจังเลยเนอะ] เธอพิมพ์กลับมา
[ก็สนิทกันนะ แล้วก็เป็นผู้หญิงไม่เยอะด้วย] ผมตอบกลับแบบมีอารมณ์
[งั้นแค่นี้นะ] ...ข้อความที่เธอทิ้งท้ายก่อนหายไปราวเกือบเดือน
ผมไม่ส่งข้อความไปง้องอนแม้เพียงประโยค เพราะในกรณีนี้ผมไม่ผิดเพราะไม่เคยคิดอะไรทำนองนั้น ซึ่งความจริงแล้วผมก็พอจะรู้ว่าเพื่อนร่วมคลาสคนนี้เธอมีใจให้ แต่จะมีประโยชน์อะไร ถึงผมจะอธิบายไป โบว์ก็คงไม่รับฟังหรอก เธอเปลี่ยนไปมากหลังผมมาเรียนที่ปารีสได้ร่วมปี ความสัมพันธ์เราค่อนข้างสั่นคลอนทีเดียว
[คิด โบว์มีเรื่องจะคุยด้วย] ข้อความถูกส่งมาเมื่อคืน ผมไม่ได้เปิดอ่าน เพราะเมาจนหลับไปหลังงานปาร์ตี้สุดเหวี่ยงเมื่อวานเย็น
[นี่คือที่บอกว่าจะไปตามความฝันใช่ไหม] เธอตอบกลับพร้อมรูปที่ถ่ายจากหน้าจอโซเชียลบัญชีของผม
เป็นรูปผมกำลังจูบริมฝีปากอย่างดูดดื่มกับเพื่อนสาวร่วมคลาสอย่างถึงพริกถึงขิง ผมรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง ในคอแห้งผาก
เขาว่ากันว่าแอลกอฮอล์เข้มข้นในกระแสเลือดราว 200 ถึง 300 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ อาจทำให้คนเราสับสนและสูญเสียความทรงจำได้ ซึ่งนั่นอาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล และผมคิดว่าเมื่อคืนนี้ผมน่าดื่มไปเกินกว่านี้แน่นอน จนลืมไปว่าโพสรูปนี้ลงไปตอนไหนกัน และชีวิตผมกำลังจะเปลี่ยนไปด้วยฤทธิ์เจ้าแอลกอฮอล์ตัวร้ายจริง ๆ แล้วในตอนนี้
[โบว์ ฟังคิดอธิบายก่อนนะ] ผมรีบตอบกลับ
แล้วรีบกดโทรผ่านแอปพลิเคชั่นในทันที
….
…...
……..
เธอรับสายพร้อมความเงียบงัน
"โบว์ ฟังคิดนะ มันเป็นอุบัติเหตุ คิดไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ"
"คือ...คิดขอโทษนะ คิดดื่มหนักไปหน่อยเมื่อคืน"
..
"เราหยุดแค่นี้เถอะคิด" เธอตอบกลับเสียงสั่นเครือ
"มันถึงจุดที่ความรู้สึกโบว์มันแหลกสลายไปหมดแล้วคิด รู้บ้างไหมว่าโบว์ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อคำขอของคิด"
"ที่คิดบอกให้รอ รู้ไหมว่าโบว์ต้องยอมแลกอะไรไปบ้าง" เสียงของเธอบ่งบอกชัดว่าเธอแทบเอ่ยอะไรไม่ได้แล้ว
"โบว์ทิ้งอนาคตกับทุนเรียนเวียนนาแล้วให้อาจารย์เลือกคิด เพราะเรารู้ว่าฝันของคิดมันยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่กว่าฝันของโบว์มาก...แต่ดูสิ่งที่คิดตอบแทนโบว์สิ"
"ฮือ…" เสียงจากอีกซีกโลกที่ส่งผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามาในอากาศ น่าแปลกที่ความรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตาย กลับส่งผ่านน้ำเสียงของเธอที่กำลังร่ำไห้มาถึงผมอีกคนที่อยู่ไกลหลายพันกิโลได้อย่างน่าประหลาด
"เราจบกันแค่นี้เถอะ อย่าติดต่อมาอีกเลย ถือว่าโบว์ขอครั้งสุดท้าย ได้โปรด" จบประโยคสัญญาณเสียงก็วูบหายไปราวกับถูกหลุมดำในอวกาศดูดกลืนอย่างไร้ทางแข็งขืน ทิ้งไว้เพียงชายทุเรศหนึ่งคนที่พังความรักที่แสนบริสุทธิ์ป่นปี้ลงคามือ
ผมวางโทรศัพท์ลง ภาพหน้าจอโทรศัพท์ยังมีรูปโปรไฟล์เธอค้างอยู่ แต่ที่หน้าผมมีเพียงน้ำตาที่ค้างเอ่อ เพียงครู่ก็ล้นขอบตาเป็นหยด ตกลงบนรูปที่หน้าจอ
เธอจะรู้บ้างไหมว่าผมก็เสียใจไม่แพ้กัน แต่ก็คงเหมาะแล้วกับผู้ชายเลว ๆ เช่นผม ที่หัวใจต้องถูกทิ้งไว้ท่ามกลางมหานครที่แสนคราคร่ำ แต่ในใจกลับเปล่าเปลี่ยวราวอยู่กลางอวกาศอันมืดมิด
"คิด อยากเป็นนักเปียโนระดับโลกเลยเหรอ" เธอจับนิ้วที่เรียวยาวของผมขึ้นพิจารณาแล้วเอ่ยขึ้น
"อืมม จริงสิ เป็นสิ่งเดียวที่คิดทำได้ดี เป็นสิ่งที่แม่รักด้วยมั้ง คิดเลยคิดว่าอยากให้แม่เห็นคิดเล่นเปียโนบนเวที มีคนมาดูมากมาย แม่คงดีใจที่เห็นภาพนั้นบนสวรรค์" ผมเอานิ้วเรียวยาวผสานเข้ากับนิ้วของเธอ
"แล้วโบว์ล่ะ อยากเป็นนักไวโอลินระดับโลกไหม" ผมมองตาเธอแล้วก้มลงไปจูบอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ
"ไม่หรอก แค่ได้เล่นดนตรีกับคิดแบบนี้ ก็วิเศษมากแล้ว ก็เคยฝันนะ แต่โบว์คงไม่สามารถขนาดนั้นหรอก" เธอผละริมฝีปากออกแล้วก้มหน้าเพื่อหลบซ่อนแก้มที่แดงระเรื่อนั้น
"โบว์เก่งนะ คิดเชื่อว่าโบว์จะทำได้แน่ คิดจะเป็นกำลังใจให้นะ" ผมยิ้มให้เธอ
"อืมม พยายามไปด้วยกันนะ" เธอยิ้มกลับให้ผม แล้วยื่นหน้ามาจูบแก้มผมเบา ๆ
"ทุนปีนี้มีแค่ทุนเดียวเอง เหลือแค่คุณสองคนที่มีคุณสมบัติครบตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด เราคงต้องทดสอบคุณทั้งคู่นะ" ท่านอธิการบดีกล่าวสั้น ๆ
"หนูขอสละสิทธิ์ค่ะ คิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมค่ะ ทางบ้านคงยังไม่สะดวกให้หนูไปตอนนี้" โบว์รีบเอ่ยก่อนที่ผมจะทันอ้าปากเอ่ยอะไรออกมา
"คุณแน่ใจเหรอ อริสษา"
"แน่ใจค่ะ ท่านอธิการ ฯ"
"แต่ว่า...ผมคิดว่า" ผมแทรกขึ้น
"ท่านอธิการหาทุนให้ ประพันธ์ เถอะค่ะ หนูขอสละสิทธิ์จริง ๆ หวังว่าท่านจะเข้าใจ" โบว์ก้มหัวเป็นเชิงขอโทษ
"โอเค งั้นก็ตกลงตามนี้ ผมไม่อยากเซ้าซี้พวกคุณแล้ว"
"แต่ท่านอธิการครับ" ผมเอ่ย
"ให้ผมคืนทุนไปดีกว่าไหม ถ้าคุณยังดึงดันกันแบบนี้" ท่านอธิการถอยหายใจเบา ๆ
"ครับ ขอบคุณครับ ผมจะให้คำยืนยันพรุ่งนี้นะครับ" ผมกล่าวแล้วรีบหันหลังเดินออกมา มีโบว์เดินตามหลังมาไว ๆ
"ทำไมโบว์พูดไปแบบนั้น" ผมหันมาในทันทีที่พ้นห้องท่านอธิการ
"ความฝันของคิดก็คือความฝันของโบว์เหมือนกัน ไปเถอะ ทำมันให้เต็มที่นะ" เธอยิ้มพร้อมนัยตาแดงเรื่อ
ผมคว้าเธอมากอดเบา ๆ
เนินอกขาวเนียนขยับขึ้นลงช้า ๆ ราวกับกำลังเคลื่อนตามจังหวะเพลงบรรเลง Gymnopedies ของเอริก ซาตี เพลงโปรดที่ผมเปิดคลอเสมอในยามค่ำคืน
ผิวหนังเปลือยเปล่าเบียดเสียดราวกำลังแย่งชิงกันเพื่อเอาชนะ เม็ดเหงื่อผุดพราย เสียงหายใจหอบเป็นจังหวะ บั้นท้ายขาวนวลสะท้อนแสงจันทร์ที่ลอดหน้าต่างเข้ามา กำลังเยื้องย้ายขยับตามแรงปรารถนา แสงจันทร์สว่างจนเห็นตัวหนังสือที่สักอยู่ที่ไหล่ขาวที่เปลือยเปล่าของเธอ
"sometimes love just ain't enough"
ผมหยุดกึก ผละออก แล้วเินไปหยิบกางเกงชั้นในมาสวม
"What?" เธอเอ่ย
"wear your clothes and please get out." ผมสวมกางเกงแล้วโยนเสื้อผ้าที่เรี่ยราดบนพื้นไว้บนเตียง
เธอเอาหมอนขว้างใส่ผมพร้อมคำสบถมากมายเกินจะจำได้
หลังเสียงปิดประตูดังปังใหญ่ ทุกอย่างกลับมาเงียบงันอย่างที่เคยเป็นมาหลายปี
ผมเปิดดูไอจีของเธออีกครั้ง
โพสสุดท้ายที่โบว์โพสไว้คือเมื่อห้าปีที่แล้ว เป็นรูปสีดำสนิท
ผมทราบจากเพื่อน ๆ ว่าแม่ของโบว์เสียชีวิตแล้ว โบว์เสียใจมากจนเลิกเล่นโซเชียลทุกอย่างหลังจากนั้น เธอเก็บตัวเงียบ ราวกับเงามืดที่เร้นกายไปในยามกลางวันที่พระอาทิตย์สาดส่อง ไม่มีใครติดต่อเธอได้อีก
ผมหวังว่าสักครั้ง ขอแค่ครั้งเดียวที่มีโอกาสได้ขอโทษเธออย่างจริงใจ เพื่อลบปมในใจของผมอีกอันที่ติดอยู่ในใจผมมาตลอด
"Great! Prapun,see you next week on your concert" ไวทยากรของวงเอ่ยกับผมในวันซ้อมครั้งสุดท้าย
ผมกำลังจะเปิดการแสดงเปียโนร่วมกับวงออร์เคสตราที่ลานกว้างหน้า Hotel de ville กลางเมืองปารีส ที่จะจัดเป็นพิเศษในวันวาเลนไทน์ปีนี้
ผมทำสำเร็จแล้วในการสร้างฝันที่เป็นจริง ฝันที่ผมจะมีการแสดงเปียโนแบบที่เคยเฝ้ารอมาตลอด ผมคิดว่าแม่คงภูมิใจ และเธอคงดีใจถ้าตอนนี้เธอยังอยู่ข้างผมเหมือนในวันนั้น
เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วลานกว้าง แสงจากมหาวิหารนอร์ทเทอร์-ดามที่เห็นแต่โครงเหล็กล้อมทุกด้านยังเห็นได้ลิบ ๆ จากตรงนี้ ผู้คนยืนออชมการแสดงในคืนนี้อย่างคับคั่ง วงออร์เคสตราบรรเลงเพลงไปมากมาย จนถึงช่วงพัก ผมจึงลงมาพักข้างหลังเวที
มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามา เขาถือช่อดอกไม้มาให้ เป็นดอกคาร์เนชั่นสีขาวสดช่อใหญ่ ผมถามเขาว่าใครฝากมาหรือ
"A lady, may be thais." เขาตอบ
ผมยังสับสนเล็กน้อย มีการ์ดเล็ก ๆ ติดมาด้วย ผมรีบพลิกเปิดอ่าน
[สำเร็จแล้วนะ ดีใจด้วยกับความฝันของคิดนะ]
"โบว์" ผมเผลออุทาน
ผมรีบรุดออกไปข้างเวที เปล่าประโยชน์ ผู้คนแน่นขนัด ไม่มีทางเลยที่ใครจะหาใครเจอได้ง่าย ๆ ในสถานที่และเวลาอย่างนี้
ผมยังถือช่อดอกไม้ มือสั่นเทา อากาศที่เย็นเยือกแต่ไม่อาจทำให้เหงื่อที่ผุดเต็มแผ่นหลังของผมแห้งเหือดไปได้เลย
"โบว์ คุณอยู่ที่ไหน" ผมรำพึงกับตัวเอง
เจ้าหน้าที่มาตามผมกลับเข้าไป เพราะถึงคิวแสดงเพลงต่อไปแล้ว ผมต้องเล่นเปียโนร่วมกับวงในเพลง Rachmaninoff piano concerto No.2 ,movement 2 เพลงที่ไม่น่าจะต้องเล่นในเวลานี้เลยจริง ๆ
เสียงรอบตัวเงียบสนิท ผมนั่งลงจรดมือลงบนราวคีย์บอร์ด ไวทยากรกล่าวเป็นภาษาฝรั่งเศสเล็กน้อย ผมพยายามตั้งสมาธิเพื่อให้จดจ่อกับงานที่กำลังรับผิดชอบตรงหน้า จนไม่ได้ฟังถนัดนักว่าเขากล่าวอะไร
นักไวโอลินรับเชิญเดินขึ้นมา เธออยู่ในชุดราตรีสีแดงสด สีที่เหมาะกับวันแห่งความรักนี้เป็นที่สุด
และนั่นคือโบว์ เป็นเธอจริง ๆ ผมไม่ได้ตาฝาดแน่ ๆ
เสียงปรบมือดังไปทั่ว เธอโค้งคำนับ ยกไวโอลินขึ้นพาด คันชักถูกวางพาดลงอย่าแผ่วเบา ไวทยากรส่งสัญญาณเตรียมพร้อม
1
ทันทีที่คันชักเริ่มขยับ น้ำตาของผมก็ร่วงหล่นลงบนหลังมือที่กำลังกดคีย์เปียโนอย่างแผ่วเบา เสียงเครื่องเป่าที่ไล่เสียงค่อย ๆ ดังขึ้นตามจังหวะ
"ไม่หรอก แค่ได้เล่นดนตรีกับคิดแบบนี้ ก็วิเศษมากแล้ว ก็เคยฝันนะ แต่โบว์คงไม่สามารถขนาดนั้นหรอก" คำพูดพร้อมรอยจุมพิตนั่นผมจำได้ดีไม่มีวันเลือน
และผมก็ค้นพบว่า ความฝันของเธอยิ่งใหญ่กว่าผมมากมายเหลือเกิน
ตอนนี้ผมได้ทำสิ่งที่ผมถนัดที่สุดไปพร้อมกับคนที่ผมรักที่สุดแล้วจริง ๆ ความฝันของผมได้เติมเต็มอย่างที่ควรจะเป็น ขาดเพียงโอกาสที่จะได้เอ่ยปากขอโทษเธออีกสักครั้ง
เธอจะรู้ไหมว่าเพลง Rachmaninoff piano concerto No.2 ,movement 2 ที่ผมกำลังเล่นอยู่ แต่ทว่าในใจผมกำลังคิดถึงอีกเพลง เพลงที่ท่วงทำนองคล้ายกันเหลือเกิน แต่เนื้อเพลงกลับคล้ายชีวิตของผมหลังเธอก้าวออกไปเสียยิ่งกว่า
ตลอดเวลาที่ผ่านมา จะมีผู้หญิงกี่คนเข้ามาในชีวิต ก็ไม่อาจแทนที่เธอได้เลย หัวใจของผมยังเป็นของเธอเสมอ ไม่ว่าตอนนั้น หรือตอนนี้
หลังจากจบงาน ผมไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสได้เจอเธออีกไหม ผมจะไม่แน่ใจว่าคำขอโทษอย่างจริงใจจะแก้ไขอดีตที่ผิดพลาดได้หรือเปล่า ผมแน่ใจเพียงอย่างเดียวว่าจะต้องบอกเธอให้ได้ว่า
"ผมรักเธอสุดหัวใจ"
เพราะความจริงแล้ว เธอคือความฝันทั้งหมดของผมตลอดมาและตลอดไป
ด้วยแรงบันดาลใจจากเพลง
#BD love together
#Happy Valentine's Day
#ฝันของคุณ จงรักษาเขาไว้ให้ดี

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา