ที่ผ่านมาโรงงานน้ำตาลได้รับซื้อใบอ้อย เป็นการเพิ่มมูลค่าให้เศษชีวมวลที่เหลือใช้ในภาคเกษตร และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร เช่น การรับซื้อใบอ้อย ฟางข้าว แกลบ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวมวลเสริมในการผลิตไฟฟ้าชีวมวล (นอกจากชานอ้อยจากกระบวนการผลิตน้ำตาลที่เป็นเชื้อเพลิงหลักอยู่แล้ว) โดยในโครงการนี้รับซื้อใบอ้อยที่ 1,000 บาทต่อตัน ชาวไร่จะได้รายได้เพิ่มประมาณ 500 บาท หลังจากหักค่าใช้จ่าย ค่าอัดใบ ค่าคีบ ค่าขนส่ง ประมาณ 500 บาท
ซึ่งได้เริ่มมีการรับซื้อใบอ้อยมาตั้งแต่ปี 2551/2552 แต่ด้วยช่วงนั้นยังไม่มีโรงงานไฟฟ้าชีวมวลเยอะ ทำให้ยังมีปริมาณการรับซื้อไม่มากนัก แต่ก็ได้ดำเนินการอย่างมาต่อเนื่อง จนมีการเปิดรับซื้ออย่างเป็นทางการ
ในปี 2560/2561 รับซื้อใบอ้อยเป็นจำนวน 96,158 ตัน
ในปี 2561/2562 รับซื้อใบอ้อยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 138,162 ตัน
ในปี 2562/2563 เป้าหมายการรับซื้อประมาณที่ 400,000 ตัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยภัยแล้งแล้ว ปีนี้คาดว่าจะได้ประมาณ 200,000 ตัน
ใบอ้อยที่รับซื้อมานั้นสามารถนำไปเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าชีวมวลนำวัตถุดิบที่เหลือจากการเกษตรมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นพลังงานสะอาดที่ได้จากการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรของไทยอย่างคุ้มค่า ไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งเป็นอีกหนึ่งทางในการช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ เพราะเป็นพลังงานที่ผลิตได้ในประเทศเอง นำเงินมากระจายเข้าสู่เศรษฐกิจท้องถิ่น เพิ่มการสร้างรายได้ในประเทศ ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม สร้างงาน สร้างอาชีพ
จากสถิติพบว่า ในปี 2562 มีปริมาณอ้อยสดคิดเป็น 42.9% ของอ้อยเข้าหีบทั้งหมด เทียบกับปี 2563 มีปริมาณอ้อยสดเข้าหีบ 50.8% จะเห็นได้ว่ามีปริมาณอ้อยสดเข้าหีบสูงขึ้นกว่าเดิมเกือบ 8%