15 ก.พ. 2020 เวลา 10:28 • ปรัชญา
สุดท้ายก็มือเปล่า
หลายครั้งที่พวกเราทำตัวเหมือนม้าแข่ง ที่วิ่งแข่งในสนาม วิ่งจนสุดแรงเพียงเพื่อจะมุ่งไปข้างหน้า
คำสั่งในสมองที่คอยกรอกหู ให้เราวิ่งเต็มฝีเท้า เพื่อเป้าหมายที่อยู่ข้างหน้า จนแทบจะลืมหายใจกันเลยทีเดียว
บางครั้งสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ก็กับลืมเลือนมันไป ทั้งคนที่เรารัก ทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อน ทั้งสังคม
และที่น่าตกใจที่สุดคือ เรากับไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะสังเกตว่า เราวิ่งผ่านแถวนั้นมาหลายรอบแล้ว
“ความอยาก ความพยายาม การครอบครอง ความอยาก ความพยายาม การครอบครอง”
เรากับไม่เคยสงสัยเลยว่า เราผ่านความอยากไปกี่ครั้งแล้ว เราพยายามที่จะได้ครอบครองมากี่ครั้งแล้ว เราได้ครอบครองสิ่งที่เราอยากครอบครองมากี่ครั้งแล้ว
แล้วถ้าหลักชัย ของม้าแข่งอย่างเรา ไม่ได้อยู่บนลู่วิ่งแบบนี้ล่ะ “ความอยาก ความพยายาม การครอบครอง”
แต่กลับอยู่เยื้องออกไปนอกสนามแข่งล่ะ แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ มันจะมีประโยชน์อะไรที่เราจะต้องวิ่งเร็วขนาดนั้น
เพราะไม่ว่าเราจะวิ่งได้เร็วแค่ไหน มันก็ไม่มีวันที่เราจะเข้าใกล้เส้นชัย ที่มอบความสุขให้เราอย่างแท้จริงได้เลย
วันนี้ผมจะยกตัวอย่าง กษัตริย์ผู้หนึ่งทรงมีพระราชอำนาจ และโหดเหี้ยม ในระหว่างศตวรรษที่สิบเอ็ด
กษัตริย์มหามุดแห่งกาสนี(ทุกวันนี้กาสนีเป็นแคว้นเล็กๆในอัฟกานิสถาน) ในสมัยนั้นแคว้นกาสนีรำ่รวยที่สุดในเอเชีย เนื่องจากมหามุดบุกอินเดียถึงสิบเจ็ดครั้ง
1
ข้าสังหารผู้คนบริสุทธิ์นับหมื่น นับแสน นำทองคำและเครื่องเพชรล้ำค่า มาจากวิหารในอินเดีย
ต่อมาครั้งพระองค์ใกล้สิ้นพระชนม์ ทรงสั่งให้ข้าราชบริพารนำทรัพย์สมบัติทั้งหลายทั้งหมด ของพระองค์มากองไว้หน้าเบื้องพระพักตร์
เพื่อที่จะได้ทรงทอดพระเนตรเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหมดลมหายใจ พระองค์ทรงทอดพระเนตรไปยังกองเหรียญทอง เพชร ทับทิม มุก มรกต และของล้ำค่าอีกนานัปการ
หลังจากที่ทรงทอดพระเนตรอยู่หลายชั่วยาม ทรงกันแสงออกมาโดยไม่รู้พระองค์ ทรงกล่าวว่า
“เพียงเพราะความละโมบของข้า ข้าสังหารผู้คนบริสุทธิ์ หญิงหลายแสนคนต้องเป็นม่าย และเด็กอีกหลายหมื่นคนต้องกำพร้า”
“นอกจากบาปกรรมที่ข้ากระทำมา ไม่มีสมบัติสักชิ้นเดียวที่จะติดตามข้าไปยังปรโลก”
จากเรื่องราวของกษัตริย์มหามุด ถึงจะสามารถครอบครองสมบัติมากมายอย่างที่ใครๆ หลายคนอยากได้ รวมไปถึงชื่อเสียงเกียรติยศที่โด่งดังในยุคนั้น
แต่สุดท้ายแล้วความจริงก็คือความจริง สิ่งสุดท้ายที่เราจะเอาติดตัวไปได้ก็มีแต่เพียงบุญหรือบาปเท่านั้น
หวังว่าบทความนี้พอจะทำให้ม้าแข่งแบบพวกเรา ชะลอความเร็วและเหลือบไปเห็นเป้าหมาย ที่อยู่เยื้องติดข้างสนามที่เราวิ่งแข่งกันอยู่บ้างนะครับ
“เมื่อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเจ้า”
“เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกสนาน”
“เมื่อเจ้ามามือเปล่าเจ้าจะเอาอะไร”
“เจ้าก็ไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา”
สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
ปล บทความนี้เขียนเพื่อเตือนสติตัวเจ้าของน่ะครับ ไม่มีเจตนาจะพาดพิงชีวิตใครนะครับ ถ้าอ่านแล้วไม่สบายใจ ต้องขอโทษด้วยนะครับ🙏
##ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน เข้ามาให้กำลังใจเพจใจดีกันนะครับ##
โฆษณา