18 ก.พ. 2020 เวลา 01:09 • การศึกษา
Gap Year กับทางเลือกอนาคตสำหรับเด็กยุคใหม่
พอดีผมบังเอิญได้ไปดู Youtube Channel ช่องนึง ที่ได้ถกเถียงกันในเรื่องของวัฒนธรรม Gap Year จากฝั่งประเทศตะวันตก ว่าเหมาะที่จะนำมาใช้กับประเทศไทยหรือไม่
Gap Year กับทางเลือกอนาคตสำหรับเด็กยุคใหม่
ต้องบอกว่าเป็นเรื่องน่าสนใจเลยทีเดียว ในเรื่องของ วัฒนธรรม Gap Year ที่มีมานานมาแล้วในประเทศฝั่งตะวันตก ที่ หลังจากจบมัธยมปลาย เด็ก ๆ จะใช้เวลา 1 ปี เพื่อค้นหาตัวเอง ซึ่งจะอยู่ภายใต้แนวคิดที่ว่า ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เป็นการใช้เวลา 1 ปีนั้น เพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัด ว่า อยากตัวเองอยากเรียนอะไรกันแน่ แล้วค่อยสมัคร ก็ยังไม่สายเกินไป ดีกว่า จะต้องใช้เวลาอยู่กับมันทั้งชีวิต หากเรียนจนมหาลัยแล้วในสาขาที่ตัวเองนั้น ไม่ได้อยากที่จะเป็นจริง ๆ
ซึ่งตอนนี้ แนวคิดนี้ก็เริ่มมีการใช้กันบ้างแล้วในประเทศไทย เพราะเวลาเพียงแค่ 1 ปีนั้น เมื่อแลกกับ สิ่งที่ได้มาว่า เราชอบที่จะทำอะไรกันแน่ ถือเป็นเวลาที่คุ้มค่ามาก ๆ
แน่นอนว่าเมื่อก่อนหลาย ๆ คนอาจจะไม่มีเวลาคิดมากมาย เพื่อที่จะวางแผนกับตัวเองว่าชอบอะไรกันแน่ เพราะสังคมไทยเรานั้น ค่อนข้างฝังแนวคิด ว่าเรียนจบมัธยม ก็ต้องต่อมหาวิทยาลัย หรือ แม้กระทั่งยุคก่อนหน้ามีการสอบข้ามชั้นเรียน เพื่อให้ไปมหาลัยให้เร็วที่สุด กันเลยทีเดียว โดยที่แทบจะยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ ว่าเราชอบอะไรกันแน่
แต่เมื่อโลกเราเปลี่ยน ทางเลือกในการดำรงชีวิตนั้น มีหลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ถูกจำกัดอยู่ไม่กี่อาชีพเหมือนเมื่อก่อน ที่เรามีกรอบความคิดไม่กี่อาชีพ เช่น หมอ วิศวกร บัญชี นักกฏหมาย ข้าราชการ หรือ อีกไม่กี่อาชีพ เมื่อเราถูกตั้งคำถามในวัยเด็ก เราก็จะตอบอาชีพวนเวียนอยู่เพียงแค่นี้เท่านั้น
แต่โลกยุคปัจจุบัน ด้วยการปฏิวัติข้อมูลข่าวสาร เกิดการเชื่อมต่อกันกับคนทั้งโลกได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว ทำให้ เกิดอาชีพที่หลากหลาย ที่สามารถดำรงชีวิตได้เหมือนอาชีพอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Blogger , Youtuber , พ่อค้า แม่ค้า online หรือ นักเขียนนิยายออนไลน์ กลุ่ม Creator Content บนโลกออนไลน์ ที่ตอนนี้สามารถทำรายได้มหาศาลไม่ต่างจากอาชีพแบบโบราณ ที่ผู้ใหญ่ยึดถือกัน
ผมว่าตอนนี้ประเทศเราถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องอาชีพการงานต่าง ๆ ที่เปิดกว้าง และหลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ได้ยึดติดเหมือนเมื่อก่อนที่ คนที่ เก่ง คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ถูกยอมรับว่าเป็นคนเก่งของสังคม
ซึ่งตอนนี้มันได้กลายเป็นเพียงแค่ศาสตร์แขนงหนึ่งเพียงเท่านั้น ซึ่งในอดีตมันสำคัญจริง ๆ แต่ตอนนี้มันแทบจะไม่มีผลใด ๆ ต่อการสร้างรายได้ให้กับเราในอนาคตอีกต่อไป ขอแค่คุณเก่งซักทางก็พอ ไม่ว่าเรื่องใด ไม่จำเป็นต้องเก่งในวิชาหลัก ๆ อย่างที่ถูกยึดติดในอดีตอีกต่อไป
เพราะตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว เพราะ ความฉลาดของเด็ก ๆ นั้นมาในหลาย ๆ รูปแบบมาก ๆ บางคนอาจจะวาดรูปเก่ง มาสร้างเพจการ์ตูน ทำรายได้หลายล้านต่อไป ซึ่งในอดีตนั้น มันเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ หรือ คนที่มีมุกเจ๋ง ๆ สามารถสร้าง character จากมุกตลกต่าง ๆ บนโลกออนไลน์แล้วหาเงินได้มากมายมหาศาล หรือนักเขียนนิยายอายุน้อย ที่สามารถสร้างนิยาย คนอ่านหลักหลายล้านคน และทำรายได้มหาศาลไม่ต่างจาก อาชีพอื่น ๆ อีกต่อไป
ผมมองว่า Gap Year จะกลายเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในอนาคต ที่เด็ก ๆ ควรต้องค้นหาตัวเองว่าอยากที่จะทำอะไรกันแน่ และชอบในสิ่งที่ทำ อย่าให้เหมือนกับผู้ใหญ่ยุคก่อน ๆ ที่กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว และต้องทนอยู่กับอาชีพนั้น ๆ เป็นอีกหลายสิบปี ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ชอบมันแต่อย่างใด ซึ่งการเสียเวลาเพียงแค่ปีเดียวนั้น มองยังไงมันก็คุ้มมาก ๆ กับเส้นทางเดินในชีวิตอีกหลายสิบปีข้างหน้า ที่คุณจะมีความสุขกับการทำงานที่คุณรักตลอดไปนั่นเองครับผม
ช่องทางติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
โฆษณา