18 ก.พ. 2020 เวลา 10:55 • กีฬา
รุย ปินโต้ : แบทแมนและศาลเตี้ยแห่ง FOOTBALL LEAKS ผู้เปิดโปงสู่การสั่งแบน แมนฯ ซิตี้
ความเชื่อนั้นคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงกันยาก ยิ่งสำหรับใครบางคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์ตัวเล็กๆ ไร้อำนาจไร้แขนขาในองค์กร การที่พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงระบบที่เน่าเฟะและไม่ถูกใจย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเล่นตามเกม
นี่คือเรื่องราวของ รุย ปินโต้ ชายผู้ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจอวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี และทั่วโลกเรียกเขาว่าปีศาจแห่งวงการแฮ็คเกอร์ ...
แม้จะดูเป็นชื่อที่เลวร้าย แต่เขามีเหตุผลที่ต้องเล่นนอกเกมชกใต้เข็มขัดและขัดต่อกฎหมายแบบนี้
ติดตามเรื่องราวของ รุย ปินโต้ แฮ็คเกอร์ที่เชื่อว่าตัวเองทำความดีเพื่อล้างโลกฟุตบอลให้ขาวสะอาดด้วยมือของตัวเองได้ที่นี่
ใครคือ รุย ปินโต้?
"ผมไม่เคยใช้พลังที่ผมมีเพื่อหาเงิน ไม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว" รุย ปินโต้ นั่งลงบนโซฟาเพื่อคุยกับเว็บไซต์ Der Spiegel
Photo : www.lesoir.be
คำถามนี้เริ่มต้นจากการที่เขาเปิดเผยตัวว่าทำงานให้กับเว็บไซต์ Football Leaks เว็บไซต์ที่เปิดเผยข้อมูลและเอกสารลับต่างๆ ของแต่ละสโมสรในยุโรป และส่วนใหญ่มันเป็นเอกสารที่ส่งผลร้ายแรงหากถูกกระจายออกสู่สาธารณะ ... ซึ่งเรื่องของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยืนยันได้เป็นอย่างดี
แมนฯ ซิตี้ ปกปิดความเกี่ยวข้องระหว่าง ชีค มานซูร์ เจ้าของทีม กับสปอนเซอร์ที่เข้ามาสนับสนุนทีม ซึ่งหลายเจ้านั้นมีสัญชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เหมือนกัน นอกจากนี้พวกเขายังแจ้งมูลค่าของรายได้สปอนเซอร์เจ้าดังกล่าวเกินจริงด้วย โดยมีการทำสัญญาระบุไว้อย่างชัดเจนว่า สปอนเซอร์จะออกเงินให้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือฝั่ง ชีค มานซูร์ จะดูแลเอง
เรียกง่ายๆ ว่ามันคือการย้ายเงินจากกระเป๋าซ้ายไปไว้กระเป๋าขวา เพื่อให้ทีมเรือใบสีฟ้า ได้มีเงินจับจ่ายซื้อนักเตะแบบไม่หยุดยั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งการมีนอกมีในแบบนี้ถือว่าเป็นการทำผิดกฎ FFP หรือ ไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ (กฎแฟร์เพลย์ทางการเงิน) ที่ ยูฟ่า พยายามผลักดันเพื่อให้ "ฟุตบอลยังคงเป็นฟุตบอล" นั่นเอง
Photo : www.thenational.ae
เรื่องนี้ Der Spiegel เป็นสื่อเจ้าแรกที่เปิดเผยออกมาในช่วงปลายปี 2018 จนนำมาซึ่งการสอบสวนของ ยูฟ่า และนำมาซึ่งการสั่งห้ามลงแข่งฟุตบอลสโมสรยุโรป 2 ปี ซึ่งหากจะถามว่าพวกเขาได้ข้อมูลมาจากไหนนั้น ... คำตอบก็คือ Football Leaks นี่แหละ
1
รุย ปืนโต้ คือชาวโปรตุเกสที่มีการระบุที่มาที่ไปของเขาน้อยมาก ข้อมูลที่เปิดเผยมีเพียงเขาโตที่เมือง บียา โนวา พ่อของเขาเป็นนักออกแบบรองเท้า ขณะที่แม่ของเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตอนที่เขาอายุได้แค่ 11 ปี
2
ปินโต้ ระบุถึงตัวเองในวัยเด็กว่าสามารถอ่านและเขียนหนังสือได้ตั้งแต่วัยก่อนเข้าโรงเรียน โดยจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาทำได้เช่นนั้น คือการเป็นแฟนฟุตบอลมาตั้งแต่จำความได้ และทำให้เขาใช้เวลาดูฟุตบอลมาตลอด ส่วนข้อมูลการศึกษานั้น ปินโต้ เคยเรียนในคณะประวัติศาสตร์สมัยที่ศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่ตัดสินใจลาออกก่อน และมีการเปิดเผยอีกว่าเขาใช้เวลาช่วงหนึ่งไปเรียนที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ซึ่งในขณะที่อยู่ในฮังการีนั้นเอง ที่เขาได้เปิดความสามารถของตัวเอง ที่มีจุดเริ่มต้นจากความชอบด้านฟุตบอลขึ้นมา นั่นคือการ สร้างเว็บไซต์ขึ้นมา 1 เว็บ โดยใช้ชื่อว่า Football Leaks ในปี 2015 จุดมุ่งหมายเดียวของเขา คือโลกฟุตบอลจะต้องโปร่งใส และใครที่คิดว่าตัวเองหัวหมอและใหญ่กว่ากฎหมายจนรอดการโดนลงโทษ เขาจะเป็นคนจัดการตีแผ่เรื่องนี้เอง
JOHN แห่ง FOOTBALL LEAKS
แรกเริ่ม รุย ใช้นามแฝงในชื่อ John เว็บมาสเตอร์แห่ง Football Leaks หรือที่แปลว่า "ข้อมูลที่รั่วไหลของโลกฟุตบอล" เพราะเขาเชื่อว่าฟุตบอลกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ผิดมหันต์
Photo : www.jn.pt
"ผมโตมากับการเป็นเด็กคลั่งบอล ผมรู้ว่ากฎต่างๆ อย่างกฎบอสแมน (ย้ายตัวได้แบบไม่มีค่าตัวเมื่อสัญญาเหลือกับต้นสังกัดน้อยกว่า 6 เดือน) ถือเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าฟุตบอลกำลังเดินไปในทิศทางที่ผิด ผู้เล่นดาวรุ่งเก่งๆ ของทีมเล็กๆ รอโดนทีมยักษ์ใหญ่ดูดไปใช้ ทุกอย่างส่งเสริมให้บิ๊กทีมกุมความได้เปรียบเอาไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะในโปรตุเกสบ้านผม ผมเห็นความผิดปกติในการซื้อขายนักเตะมากมาย มีนักลงทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง และนั่นทำให้ผมเริ่มรวบรวมข้อมูลด้วยตัวเอง"
หลังจากก่อตั้งเว็บไซต์ได้ปีแรก รุย ได้ใช้งานในเว็บของเขาในรูปแบบการเปิดเผยค่าซื้อ-ขาย ที่แท้จริง ซึ่งในที่นี่เราจะสมมติให้เห็นภาพง่ายๆ อาทิดีลที่ โมนาโก ซื้อ ราดาเมล ฟัลเกา มาจาก แอตเลติโก มาดริด เมื่อปี 2013 ทางสโมสรหรือสำนักข่าวใหญ่ยืนยันว่าดีลนี้ 43 ล้านยูโร แต่จริงๆ ข้อมูลที่ รุย หามาได้ (หรือ "แฮ็ค" ในมุมมองของคนอื่นๆ) คือ 60 ล้านยูโร
แน่นอนว่าตัวเลขที่แจ้งมาน้อยก็หมายความว่าทีมต่างๆ ก็จะมีสิทธิ์ที่จะทำผิดกฎการเงินยากขึ้น (รายได้กับรายจ่ายต้องสัมพันธ์กัน อาทิ สโมสรมีรายได้ 40 ล้านยูโร แต่ซื้อนักเตะ 60 ล้านยูโร ถือว่าเป็นการผิดกฎ) ซึ่งการเสาะหาข้อมูลทั้งหมดนี้ เขาลงมือทำเองทั้งหมด
"ผมอ่านทุกอย่าง อ่านข้อเสนอของแต่ละดีล ผมใช้เวลาหลายชั่วโมง ง่วนกับกองเอกสารและวิเคราะห์การกระทำของสโมสรต่างๆ และยิ่งผมอ่านผมก็ยิ่งตกใจ โดยเฉพาะเรื่องตัวแทนนักเตะที่เป็นบริษัทจากต่างประเทศ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ข้างหลังและทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย เช่นการเลี่ยงภาษีซึ่งเป็นเงินก้อนโตด้วย"
นี่คือตัวอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ ที่แสดงให้เห็นว่าข้อมูลของ John แห่ง Football Leaks มีพลังทำลายล้างสูงแค่ไหน โดยเคสอื่นๆ ที่เป็นเคสที่สร้างชื่อเสียงให้กับเว็บไซต์นี้ คือการซื้อขายนักเตะของสโมสร ทเวนเต้ ในฮอลแลนด์ ที่ใช้การซื้อขายผ่านกลุ่มบุคคลที่ 3 โดยกลุ่มบริษัทที่ชื่อว่า Doyen Sports ซึ่งถือว่าผิดกฎ ... การเปิดเผยครั้งนั้นทำให้ ทเวนเต้ โดนแบนจากเกมยุโรปไปถึง 3 ปี ในฤดูกาล 2016-17 ถึง 2018-19
Photo : www.tellerreport.com
"ผมรู้ว่าข้อมูลในมือของผมนั้นมีศักยภาพ ผมติดต่อกับ Doyen Sports เพื่ออยากรู้ว่าพวกเขาพร้อมจะจ่ายเท่าไหร่เพื่อให้ผมเงียบ จริงๆ ผมไม่ได้อยากได้เงินหรอก แต่ผมอยากจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขามากกว่า" เขาว่าต่อในการสัมภาษณ์ เพื่อยืนยันว่าตัวของเขาเองไม่ใช่แฮ็คเกอร์ที่ล้วงข้อมูลเพื่อเงิน
"ผมไม่ใช่ แฮ็คเกอร์ แค่ผมคือ วิสเซิลโบลว์เออร์" ... วิสเซิลโบลว์เออร์ (Whistleblower) หรือ ผู้เปิดโปง นั้น หมายถึงบุคคลผู้นำข้อมูลภายในขององค์กร เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมาย การใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การทุจริต การใช้เงินอย่างไม่ถูกต้อง
ไม่เลือกข้าง ไม่เลือกฝั่ง ใครที่ทำผิด John แห่ง Football Leaks พร้อมนำเสนอ นักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขวัญใจอันดับ 1 ของตัว รุย เอง ก็ยังโดนเขาเล่นงานเรื่องหนีภาษีสมัยเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ที่สเปน ที่ว่ากันว่าเป็นต้นเหตุของความเบื่อหน่ายในตัว โรนัลโด้ เมื่อสรรพากรของสเปนตามล้างตามเช็ดอย่างต่อเนื่อง จนเขาต้องย้ายไปเล่นที่ ยูเวนตุส ในอิตาลี ณ ปัจจุบันเลยทีเดียว
Photo : www.thesun.co.uk
"โรนัลโด้ เป็นคนโปรดของผม ผมว่าเขาดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล อย่างไรก็ตามการประพฤติตัวนอกสนามของเขา ต้องถูกตัดสินแตกต่างกับผลงานสนามโดยสิ้นเชิง Football Leaks ไม่เคยสนใจเรื่องผลประโยชน์ ไม่สนใจว่าใครจะได้รับผลกระทบกับใครหรือไม่ ผมมีจุดมุ่งหมายวางตัวเป็นกลางเสมอ" ปินโต้ ว่าต่อ
งานเปิดโปงไปอย่างน่าสนใจ John แห่ง Football Leaks ถูกจับตามองจากกลุ่มคนหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ชอบใจ หรือฝ่ายที่พร้อมจะเล่นงานทุกวิธีทาง ... 1 ปีหลังจากก่อตั้งเว็บไซต์ ข้อมูลของ John แห่ง Football Leaks ก็กลายเป็นสิ่งที่องค์กรสื่อระดับทวีปต้องการเพื่อใช้ในงานเปิดโปง เว็บไซต์จากทั่วยุโรปอย่าง Journalism / The Black Sea, Mediapart, Politiken, Falter, NewsWeek, El Mundo, The Sunday Times, และ Expresso เว็บไซต์เหล่านี้ใช้ข้อมูลของ Football Leaks มานำเสนอในช่องทางของพวกเขา เพื่อเปิดโปงโลกอีกใบของวงการฟุตบอล
รวมทั้งหมดแล้วตลอดระยะเวลานับตั้งแต่ รุย สร้างเว็บไซต์ Football Leaks เขาเปิดเผยข้อมูลแล้วมากกว่า 70 ล้านฉบับ และแน่นอนเมื่อมีคนเสียหายจากข้อมูลของเขา ก็ถึงเวลาที่ รุย จะต้องกลายเป็นฝ่ายถูกล่าบ้าง
จับให้ได้ถ้านายแน่จริง
"บริษัท Doyen เคยใช้นักสืบเอกชนแอบติดตามผม ผมมีคนแปลกๆ เข้ามาพัวพัน วันหนึ่งผมไปปาร์ตี้และมีหญิงสาวเข้ามาเล่นหูเล่นตา และขอเบอร์โทรศัพท์ผมแบบโต้งๆ ผมรู้เลยว่ามันมีอะไรแปลกๆ ผมเลยลองให้เบอร์เธอไปและอยากจะรู้ว่าเธอจะเอามันไปทำอะไร?" นี่คือสิ่งที่เขาเจอเมื่อเริ่มทำเว็บไซต์
Photo : www.plataformamedia.com
การทำในสิ่งที่ส่งผลกระทบในแง่ร้ายต่อบุคคลอื่น ทำให้ รุย ต้องเลือกใช้ชีวิตแบบไม่เปิดเผยตัวตน แม้แต่แฟนสาวชาวฮังการีของเขาก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาทำงานอะไรกันแน่ และตัวของเขาก็ย้ายที่อยู่บ่อยๆ เพื่อหนีโจทก์ตัวเป้ง ที่ส่วนใหญ่เป็นโจทย์จากฝั่งโปรตุเกส ประเทศที่เขามีข้อมูลในมือมากที่สุด
สิ่งเดียวที่ รุย กังวล คือทั้งๆ ที่ทุกคนรู้ว่าเขามีข้อมูลที่เชื่อถือได้อยู่ในมือ แต่องค์กรที่ดูแลเรื่องฟุตบอลจริงๆ อย่าง ฟีฟ่า และ ยูฟ่า กลับไม่สนใจข้อมูลและเว็บไซต์ของเขาเลยตลอด 3 ปีแรกที่ก่อตั้งขึ้นมา
"ฟีฟ่า และ ยูฟ่า ไม่เคยติดต่อกับเว็บไซต์ของผมเลย มันน่าหงุดหงิดชะมัด ผมให้สัมภาษณ์ในฐานะ John ซึ่งเป็นนามแฝง ผมบอกพวกเขา ผมมีเอกสารเจ๋งๆ ที่โคตรชัดเจนพร้อมจะมอบให้ แต่พวกเขาไม่เคยติดต่อมาเลย" ปินโต้ กล่าว
พันธมิตรของ รุย ไม่แข็งแกร่งพอ และสุดท้ายตำแหน่งที่ซ่อนตัวในอพาร์ทเมนท์ที่กรุง บูดาเปสต์ ก็ถูกเปิดโปง เจ้าหน้าตำรวจนำทีมบุกจับเขาฐานลอบยักยอกข้อมูลส่วนตัว และสร้างความเสื่อมเสียให้กับผู้ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะเหยื่อข้อมูลเจ้าอื่นๆ ของเขาเช่นธนาคาร Caledonian Bank ทีเป็นตัวตั้งตัวตีในการล่าตัว รุย ปินโต้ วัย 31 ปี หลังจากที่ธนาคารโดนเปิดโปงว่า ได้ย้ายเงินจำนวนมหาศาลออกนอกประเทศเพื่อเลี่ยงภาษี
1
การโดนจับกุมครั้งนี้ทำให้ รุย ถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนจาก ฮังการี ไปยัง โปรตุเกส ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 ซึ่งปัจจุบัน เขายังให้ทนายสู้คดีเรื่องนี้อยู่ และมั่นใจว่าสิ่งที่เขาทำ อย่างการแฮ็คอีเมลส่วนตัวเพื่อเข้าไปดูกลโกงต่างๆ เป็นสิ่งที่ตัวของเขาไม่ได้ทำผิดผิดกฎหมายะไร
Photo : www.flash.pt
"ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองทำผิดกฎหมาย มีแต่ความผิดหวังเท่านั้นที่เกิดขึ้น ระบบการเลี่ยงภาษีทำให้คนวงในรับเงินใต้โต้ะก้อนโตเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงภาษี ทุกคนเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องชั่วร้ายทั้งหมด ทั้งเอเย่นต์, ทนายความ, นายธนาคาร หรือใครก็ตาม แต่ไม่มีใครทักท้วงเลย เพราะทุกคนได้ผลประโยชน์กันหมด" เขายืนยันคำเดิม
ขณะที่ทนายส่วนตัวของเขาก็ยืนยันว่า รุย ปินโต้ ควรได้รับการปกป้องจากงานที่เขาทำ แต่เหตุผลที่มันกลับตาลปัตร เพราะงานของเขาไปเหยียบตาปลาเบอร์ใหญ่อย่าง ฟีฟ่า เข้าต่างหาก
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายก็มองในทางตรงกันข้าม เพราะการกระทำของ รุย ที่ไล่แฮ็คข้อมูลเปิดอีเมลของคนอื่นๆ ถือเป็นอาชญากรรม เพราะไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นต่อให้ข้อมูลที่ว่าจะดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถให้น้ำหนักได้เต็มที่นักในการสอบสวนตามหลักกฎหมาย
"ข้อมูลของเขามีค่าน้อยมาก การสืบแบบนี้เป็นอาชญากรรม เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการกระทำที่เกินกว่าการต้องการข้อมูลมากๆ ผมว่าเรื่องนี้มันรับไม่ได้พอๆ กัน ผมเองไม่รู้หรอกนะว่าเขาได้ข้อมูลทั้งหมดมายังไง แต่นี่คือสิ่งที่ผมคิด" อันเดรียส เรตติก (Andreas Rettig) บอร์ดบริหารของสโมสร ซังต์ เพาลี กล่าวถึงสิ่งที่ รุย ปินโต้ และเว็บไซต์ของเขาทำ
สุดท้ายแล้วหากว่ากันตามกฎหมาย การกระทำของ Football Leaks คือสิ่งที่ผิดอย่างแน่นอน มันเหมือนการกระทำที่ถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง เพราะที่เราเห็นๆ ข้อมูลของเขาก็นำมาสู่การจับคนผิดในหลายๆ เคส ซึ่ง แมนฯ ซิตี้ กับการฝ่ากฎ FFP ล่าสุดก็ยืนยันได้เป็นอย่างดี
1
ทุกวันนี้เขายังถูกควบคุมตัวระหว่างสู้คดี ในทางกฎหมาย เขาคือผู้กระทำผิด และต้องสวมกำไลข้อเท้าเพื่อป้องกันการหลบหนี ทุกวันนี้เขาอยู่ได้แต่ภายในห้องพักเท่านั้น แต่ในความรู้สึกของแฟนฟุตบอล เขาเป็นเหมือน "แบทแมน" หรืออัศวินแห่งรัตติกาล ผู้ใช้ศาลเตี้ยโค่นล้มเรื่องที่กฎหมายทำอะไรไม่ได้
แฟนบอลหลายสโมสรในยุโรปผุดแฮชแท็ก #freepinto ขึ้นมาในทวิตเตอร์ นอกจากนี้แฟนๆ ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ขึ้นเชื่อเรื่องการเป็นแฟนฟุตบอลพันธ์แท้ ก็ทำป้ายผ้าสนับสนุนการกระทำของ รุย ปินโต้ ที่พวกเขาเชื่อว่าจะนำความสมดุลที่แท้จริงคืนสู่โลกฟุตบอลอีกด้วย
Photo : gulfnews.com
ต่อจากนี้ "งาน" ของ รุย ปินโต้ จะถูกพูดถึงมากขึ้นอย่างแน่นอน การโค่นมหาอำนาจอย่าง แมนฯ ซิตี้ ด้วยข้อมูลที่เขามี แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เขาทำไม่ได้สูญเปล่าและไร้ความเชื่อถืออย่างที่ใครคิด ในอนาคตเขาอาจจะได้รับการอนุญาตให้สืบค้นข้อมูลที่มีกลิ่นของความทุจริตอย่างถูกกฎหมายก็เป็นได้
ตัวของ ปินโต้ ก็ต้องเลือกเดินทางสายกลางเช่นกัน หากเขาอยากจะให้สิ่งที่เขาทำอยู่ในกฎหมาย งานของเขาจะต้องเป็นประโยชน์ต่อสวนรวม และไม่ทำร้ายใครด้วนการกล่าวหาแบบลอยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้าตัวเองก็ต้องพิสูจน์ตัวในคดีที่ถาโถมเข้ามาในขณะนี้เสียก่อนเช่นกัน
เมื่อใดก็ตามที่องค์กระดับทวีปและระดับโลก สามารถเล็งเห็นถึงความสำคัญของข้อมูลที่นำมาซึ่งความเท่าเทียม และ ปินโต้ สามารถลุยงานแบบเป็นเคสๆ แบบไม่ทำตามอำเภอใจ เมื่อนั้นโลกฟุตบอลอาจจะดำเนินไปยังทิศทางที่ถูกต้องในแบบที่ทั้ง ฟีฟ่า, ยูฟ่า และ รุย ปินโต้ อยากเห็นก็เป็นได้ ...
บทความโดย ชยันธร ใจมูล
โฆษณา