18 ก.พ. 2020 เวลา 12:57 • ความคิดเห็น
ถึงคราว " จิราธิวัฒน์ " ปล่อยของ !!
ทิศทางตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไร .....🤔😓🤐😯
CRC จะทำให้นักลงทุนผิดหวังเหมือน AWC หรือไม่ ?
ไปวิเคราะห์กันค่ะ ............ 🤗🤗
.
(ยาวมากแนะนำให้แชร์เก็บไว้อ่านค่ะ 😅)
.
หลังจาก เสี่ยเจริญ เขย่าตลาด IPO ด้วยการทำลายสถิติระดมทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ด้วยมูลค่ากว่า 4.8 หมื่นล้านบาท (มูลค่ารวมของหุ้น 1.92 แสนล้าน)
1 ใน 3 อภิมหาเศรษฐี อย่างตระกูล' จิราธิวัฒน์ 'จะยอมน้อยหน้าได้อย่างไร ว่าแล้วก็จับมัดกลุ่มรีเทลทั้งของใหม่ของเก่าออกขายบ้างสิ
CRC หรือ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถูกเสนอขาย IPO ด้วยมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทยและยังถือว่าเป็น IPO ที่ใหญ่ที่สุดของโลกในกลุ่มรีเทลนับแต่ปี2006 ด้วยมูลค่าตลาดกว่า 2.8 แสนล้านบาท !!
( คำนวณจาก ราคา ipo 42 บาท ที่ 6,7964 ล้านหุ้น )
2
โดยการขายครั้งนี้ทำการควบรวบหุ้น ROBINS ไปด้วย กล่าวคือ CRC ซื้อ ROBINS ออกจากตลาดแล้วเอามามัดรวมนั่นเอง (หรือเรียกว่า M&A) เท่ากับว่า ตลาดหุ้นจะยังคงมีหุ้นจำนวนเท่าเดิม
การเสนอซื้อ โรบิน คืนครั้งนี้ ใช้วิธีการ swap หรือแลกหุ้น ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1.5-1.6 โดยประมาณ (อ้างอิงราคาหุ้นโรบินที่ 66.50 บาท ณ วันที่ประกาศ 26 ก.ค. )
จริงๆแล้วปกติการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ หรือ การเสนอซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุน ตามธรรมเนียมของ ก.ล.ต.จะต้องมีการยื่นข้อเสนอซื้อคืนเป็นเงินสดด้วยเสมอ แต่ CRC คล้ายๆมัดมือชก โดยใช้แค่การ swap เพียงอย่างเดียว นับว่าเส้นใหญ่พอตัวและกรณีนี้จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้เคสอื่นๆหรือไม่ก็ต้องคอยดูกันค่ะ
3
ซึ่งธรรมเนียมปกติการทำเทนเดอร์จะทำได้ 3 รูปแบบ ดังนี้นะคะ
1) ชำระค่าหุ้นเป็นเงินสด (Cash)
2) แลกหุ้น (Share Swap)
3) ซื้อหุ้นผ่านการจัดตั้ง Holding Company
****************************************
1
.
ทีนี้มาดูกันว่า CRC เอาอะไรมาขายเราบ้าง
ธุรกิจของ CRC มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ
แบ่งเป็น 3 กลุ่ม (ขอแบ่งตามสัดส่วนรายได้นะคะ )
1
1. กลุ่มฟู้ด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ
เช่น ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ เดลี่, ท็อปส์ พลาซ่า, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท,
รวมไปถึง Big C/GO! และลานชี มาร์ท( Lanchi Mart ) ในประเทศเวียดนาม
>> กลุ่มนี้มีสัดส่วนในรายได้รวมสูงถึงราวๆ 42% <<
2 . กลุ่มแฟชั่น ประเภทสินค้าเครื่องแต่งกายภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ
เช่น ห้างเซ็นทรัล, ห้างโรบินสัน, เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG), ซูเปอร์สปอร์ต และ ห้าง RINASCENTE ในประเทศอิตาลี
>> กลุ่มนี้มีสัดส่วนในรายได้ราวๆ 32% <<
3. กลุ่มฮาร์ดไลน์ สินค้าตกแต่ง-ปรับปรุงบ้านรวมถึงพวกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ภายใต้แบรนด์
อาทิ เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ, บ้าน แอนด์ บียอนด์
และ เหงียนคิม(Nguyen Kim)ใน ประเทศเวียดนาม
>> กลุ่มนี้มีสัดส่วนในรายได้รวมราวๆ 25% <<
.
สรุป...แบรนด์เหล่านี้อยู่ใน 3 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม และอิตาลี (รวมแล้วมีกว่า 2 พันสาขา)
#สัดส่วนตัวเลขสำคัญทางการเงิน
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้เมื่อแบ่งตามประเทศ
ในไทยมีสัดส่วนรายได้สูงเกือบ 75%
รองลงมาเป็นเวียดนามประมาณ 18%
และอิตาลี ราวๆ 7%
2
ด้านรายได้ของเซ็นทรัล รีเทล
ปี 2561 รายได้อยู่ที่ราวๆ 2.07 แสนล้านบาท กำไรสุทธิราวๆ 8.6 พันล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิราวๆ 4.2% (สูสีพอๆกับ tesco) ในจุดนี้รายได้หลักๆมาจากโรบินสันราวๆ 20%
ในปี 2562 รายได้ยังไม่สรุป แต่ประมาณการณ์ว่าโตราวๆ 4.1% กำไรโตราว 3.8% (นับ 9เดือนแรก/ YoY)
(ตรงนี้การเติบโตลดลงเมื่อนับย้อนหลัง 3 ปี)
1
**************************************
.
#วิเคราะห์....แผนระดมทุน CRC กับ ธุรกิจในอนาคต
ดูจากพอร์ทการลงทุนของ CRC จะเห็นว่า รายได้และการเติบโตภายในประเทศค่อนข้างตัน ตัวเลข 75% ของรายได้ คงเติบโตได้ไม่มากนัก
ดังนั้น เชิงกลยุทธการขยายธุรกิจคงต้องมองไปที่ เวียดนาม และอิตาลี เป็นหลัก จากตัวเลขเศรษฐกิจ ตลาดเวียดนามยังเติบโตไปได้อีกมาก
จากแผนการระดมทุนขาย IPO มูลค่า 7.1 หมื่นล้าน (1,691ล้านหุ้น)
ของ CRC ก็ดูสอดคล้องระดับนึง คือ นอกจากชำระคืนหนี้สถาบันการเงินเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน (ราวๆ 20,000 ล้าน ) แล้ว ส่วนนึงจะนำไปใช้ขยายธุรกิจ
โดยคร่าวๆ ก็จะขยายสาขาโรบินสัน บิ๊กซีเวียดนาม ไทวัสดุฯ (งบราวๆ 10,000ล้าน) โดยจะเน้นที่ตลาดเวียดนามเป็นพิเศษ !!
ปัจจุบันห้างร้านของ CRC ในเวียดนาม เช่น บิ๊กซี/Go!, Nguyen Kim และ Lanchi Mart รวมๆแล้วมีทั้งหมด 133 สาขา ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะขยายเป็นเท่าตัว
1
ตรงนี้จะทำให้รายได้ของเวียดนาม เติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 50%
......... ถ้าถอดสมการตรงนี้ออกมา ........
รายได้กำไรเดิมจากเวียดนาม เท่ากับ 18% ของทั้งหมด ตีเป็นเลขกลมๆจากกำไรรวม 10,000
18% จะเท่ากับ 1.8 พันล้าน
ดังนั้นการขยายธุรกิจที่เวียดนาม มีโอกาสสร้างผลกำไรให้ CRC เพิ่มขึ้นเป็น 2.7 - 3 พันล้านบาท/ปี ในอนาคต ณ จุดนี้นับว่าน่าสนใจพอควรค่ะ
ในเชิงธุรกิจเคทมองว่า อนาคตระยะ 10ปีนี้ กลุ่มรีเทล สามารถเอาตัวรอดจากการดิสรัปได้อยู่ค่ะ กรอบพฤติกรรมของผู้คน(กลุ่มเป้าหมายเดิม)
ที่มีต่อการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในห้างจะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก
สิ่งที่ผู้คนมักลืมประเมินคุณค่าของห้างสรรพสินค้า คือ ห้างนอกจากมีลักษณะวันสต็อปเซอร์วิซแล้ว ตัวห้างเองก็เป็นแหล่งที่ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจด้วยเช่นกัน ดังนั้นจุดนี้ไม่ค่อยน่าห่วงนัก
แต่อย่างไรก็แล้วแต่ CRC ก็มีแพลตฟอร์มรองรับสำหรับตลาด อี-คอมเมิร์ซ อยู่แล้ว อีกทั้งเทรนด์ระบบการขายแบบ Omnichannel ก็ทำได้ง่ายเพราะมีตัวห้างเป็นจุดมาเลือกชมและรับสินค้าอยู่แล้ว อย่างเคสของ Walmart ก็นับว่าเป็นกรณีศึกษาที่ดีที่ใช้ Omnichannel เอาชนะ Amazon ได้
2
ดังนั้นรวมๆแล้วไม่ค่อยน่าห่วงค่ะ 😊
Omnichannel คืออะไร อธิบายง่ายๆคือ การมิกซ์ระหว่างช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกัน
เช่น คุณสั่งซื้อสินค้า(หรือจ่ายตังค์)ในระบบออนไลน์ แต่สามารถมารับที่ร้านได้ หรือ ณ จุดที่มีบริการ
.
.
**************************************
.
#วิเคราะห์ CRC กับ สภาวะและทิศทางในตลาดหุ้น
วันที่ 20 ก.พ. นี้ จะเป็นวันแรกของการเทรดในตลาดที่ราคา 42 บาท
.
>> จุดแข็ง และ ข่าวดี คือ
2
หุ้น IPO ของ CRC ขายไปได้แล้วกว่า2.4 หมื่นล้านบาท (จากช่วงราคา 40-43บ.)หรือ ราวๆ 600 ล้านหุ้นจาก 1,691 ล้านหุ้น = 35 %
รายได้การขายนี้มาจากกลุ่ม Cornerstone Investors ทั้งในประเทศและนอกประเทศ
ณ จุดนี้ ถือว่าเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าการจองซื้อสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทย ถือว่า สะท้อนภาพความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งมี Overallotment Option หรือ Greenshoe
จำนวน 169 ล้านหุ้น หรือ 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายในครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปใช้ในการรักษาระดับราคาหุ้น (Stabilization) ในระยะเวลา 30 วันแรกของการขายเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนอีกด้วย
และด้วยมูลค่าตลาดรวมหรือมาร์เก็ตแคปของหุ้น CRC จัดว่าเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 15 ลำดับแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงทำให้ถูกเข้าไปคำนวณในดัชนี SET50 ตามเกณฑ์ Fast-Track ทันที
นั่นหมายความว่า หุ้นจะถูกจับตามองจากสถาบันต่างประเทศเป็นพิเศษ !!
ที่ว่ามาทั้งหมดก็คือจุดแข็งคร่าวๆ ของ CRC นะคะ 🤗
.
.
>> จุดอ่อน และ ความน่ากังวล คือ 😣
.
.
จากที่เคทได้ติดตามข้อมูลของหุ้นมาตลอด เริ่มแรกนั้น CRC ยื่นไฟลิ่งครั้งแรก โดยประกาศเสนอขาย IPO จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 2.2 พันล้านหุ้น
เป็นหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1.6 พันล้านหุ้น และหุ้นที่ถือโดย Hawthorn Resources Limited จำนวนไม่เกิน ประมาณ 600 ล้านหุ้น
และตั้งราคาที่เสนอไว้สูงลิบที่ ระดับ 40-48 บาท !!
แต่.....ปัจจุบันอย่างที่เห็น มีการลดจำนวนหุ้นลงเหลือเพียง 1,691 ล้านหุ้น และขายที่ ไม่เกิน 43 บาท
แบ่งเป็นหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 1,331 ล้านหุ้น และหุ้นที่ถือโดย Hawthorn Resources Limited จำนวนไม่เกิน 360 ล้านหุ้น
2
การปรับแผนโดยลดจำนวนหุ้นที่เสนอขายลงไปกว่า 600 ล้านหุ้น สะท้อนภาพความไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดเช่นกัน !!
นัยนึงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ บรรยากาศ (sentiment ) การลงทุนถูกกดดันจากหลายทิศทาง ถ้านำหุ้นเสนอขายจำนวนมาก อาจขายไม่หมด ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน
ซึ่งตัวนักลงทุนเองส่วนนึงก็มีมุมมองลบต่อธุรกิจค้าปลีก ที่มองว่าอยู่ในช่วงขาลง ภาพบรรยากาศเงียบเหงาของหลายๆห้าง ทั้งคนจับจ่าย และผู้ค้าที่บางตาในบางช่วง ทำให้เกิดภาวะจำ และสะท้อนภาพลบต่อนักลงทุน
ซึ่งคาดว่าฝ่ายวิจัยหรือที่ปรึกษาของ CRC ก็คงประเมินจุดนี้เช่นกัน จึงลดสัดส่วนปริมาณการขายและราคาลงมา
และจุดที่สำคัญสุดคือ !!!
2
ก่อนนำหุ้นออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน (Delisting) 1 วันก่อนที่หุ้น CRC จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การทำ Share Swap ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ ROBINS
ตอนนั้นอ้างอิงที่ราคา 66.5 บาท /หุ้น
1
โดยผู้ถือหุ้นเดิมสามารถ....แลก CRC ได้ 1.58 /1 หุ้นเดิม
ถ้าประเมินการ Swap เท่ากับว่า CRC ก็จะมี PE ราวๆ 27-30 กับ PvB ที่ราวๆ 3.5-4
เท่ากับว่า CRC เต็มมูลค่าพอสมควร !!
แก็ปแทบไม่มีให้เล่นเลย
การที่สถาบันต่างๆเข้าเก็บหุ้น หากมองดีๆก็ไม่ใช่สิ่งพิเศษอะไร เพราะตามธรรมเนียมหุ้นที่เข้าเกณฑ์ Fast-Track สถาบันทั่วไปต้องให้น้ำหนักการลงทุนเป็นพิเศษ ซึ่งเท่ากับว่า จุดนี้การซื้อของ กลุ่ม Cornerstone Investors ไม่ใช่ข้อได้เปรียบหรือจุดพิเศษอะไรเท่าไหร่
.
.
**********
1
#สรุปการวิเคราะห์
จากการวิเคราะห์ พื้นฐานและประเมินจิตวิทยา
ดูๆแล้ว CRC ก็ไม่ต่างอะไรกับ AWC ซักเท่าไหร่ เรียกว่าเป็นเกมขายของเก่ากินของเหล่าเจ้าสัวในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง
ในด้านทิศทางตลาดหุ้น
มองว่า หุ้น CRC จะได้ปัจจัยจากภาวะตลาดซบเซาที่ไม่มีข่าวดีใดๆ เป็นตัวส่งให้ นักลงทุนทั้งตลาด โฟกัสกับหุ้นตัวนี้เป็นพิเศษ รวมถึงชื่อชั้นจะทำให้มีวอลุ่มเข้ามาดันราคาเป็นจำนวนมากพอสมควร
แต่คาดว่า ระยะสั้นน่าจะวิ่งขึ้นไม่เกิน 10%-15% ระดับราคา ที่ไม่เกิน 48 บาท
แต่ด้วยความที่ หุ้นมี กรีนชูแค่ 10% อาจต้านแรงขายทำกำไรไว้ไม่ไหว ในแดนลบ อาจเห็นราคาต่ำกว่า 40 บาท
ส่วนตัวมุมมองเคทให้ CRC ที่ต่ำกว่า 40 คือบริเวณที่น่าลงทุนค่ะ ระดับราคาที่ เหนือ 46 เป็นโซนขายค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกคนควรใช้วิจารณญาณมากๆนะคะ
ขอให้โชคดีค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็อดใจรอ PTTOR ดีกว่าค่ะ 🤗🤗🤗🤗
มิ้วๆนะ 😘
.
ป.ล. สนใจอ่านบทความวิเคราะห์ AWC แตะที่ลิ้งค์ด้านล่างได้เลยค่ะ 👇👇👇
หรือ สนใจอ่านบทความอื่น แตะที่แฮทแท็กด้านล่าง
#วิเคราะห์เศรษฐกิจ #เรื่องเล่าจังหวะชีวิต
โฆษณา