20 ก.พ. 2020 เวลา 10:51 • ปรัชญา
# นักเทศน์กับเงินหนึ่งล้านที่อยากได้
ผู้คนมักจะตีตราว่าคุณไม่ดีพอ แก่เกินไป ช้าเกินไป มีข้อผิดพลาดมากเกินไปเสมอ แน่นอนเราไม่สามารถหยุดหรือป้องกันความคิดในเชิงลบนั้นได้ แต่คุณเลือกที่จะ ไม่ปล่อยให้มันเข้ามาฉุดรั้งตัวคุณเองได้ อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
จุดเกิดเหตุ
แฟรงค์ ดับเบิลยู กันซอลัส นักสอนศาสนาชื่อดังแห่งเมือง ชิคาโก้ เขามักจะได้เดินทางไปสำรวจตามหมู่บ้านและประเทศต่าง ๆ อยู่เสมอ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้พบข้อบกพร่องในระบบการศึกษาเข้าโดยบังเอิญ และเขาก็เชื่อว่าตัวเองสามารถแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านี้ได้ หากเขาได้มีโอกาสเป็นผู้บริหารการศึกษาในมหาวิทยาลัยที่เขาจะเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมา
การครุ่นคิด
แต่ปัญหาก็คือ อาชีพนักเทศน์ของเขาไม่สามารถสร้างรายได้ให้มากพอกับเงินจำนวน 1 ล้านดอลลาร์ ที่ต้องใช้ในการสร้างฝันของเขาครั้งนี้
ซอลัส จึงใช้เวลาขบคิด เพื่อหาทางตลอดทั้งเช้าและเย็น จนได้เข้าใจสิ่งหนึ่งว่า " ทุกคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายที่แน่นอนเป็นจุดเริ่มต้นเสมอ
เพราะเบื้องหลังของเป้าหมายที่มุ่งมั่น และทรงพลัง จะช่วยสร้างปณิธานอันแรงกล้าอเพื่อเปลี่ยนแปลงปณิธานนั้นให้กลับกลายเป็นความเป็นจริงได้นั่นเอง"
ชีวิตที่ค้นพบทางออก
แต่ถึงแม้จะทราบเช่นนั้น เขาก็ยังต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองที่คอยตัดพ้อ และคิดจะล้มเลิกอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากหาทางออกไม่ได้เสียที
ซอลัส ออกมาให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า "ผมใช้เวลาคิดนานกว่า 2 ปีในการวางแผน และประมวลผลต่าง ๆ แต่ไม่เคยได้ลงมือทำจริง ๆ สักที
จนกระทั่งวันหนึ่งในช่วงบ่ายของวันเสาร์ ผมตัดสินใจ โทรศัพท์แจ้งบรรดาหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ที่ผมรู้จัก เพื่อรบกวนให้พวกเขาลงข่าวประชาสัมพันธ์ว่า ผมจะเทศน์ในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยใช้หัวข้อว่า สิ่งที่ฉันจะทำถ้ามีเงิน 1 ล้านดอลลาร์
ลงมือทำ
หลังจากนั้น ผมก็รีบกลับไปเตรียมเนื้อหาที่จะใช้เทศน์ทันที ผมเริ่มเขียนเนื้อหาในตอนเที่ยงคืน พร้อมทั้งเข้านอนด้วยความรู้สึกมั่นใจ และคิดฝันว่าตัวเองได้ครอบครองเงิน 1 ล้านดอลลาร์นั้นแล้ว
จนเช้าวันที่ต้องขึ้นเทศน์มาถึง ผมรีบตื่นแต่เช้า มาเข้าห้องน้ำ อ่านทบทวนเนื้อหา และคุกเข่าอ้อนวอนต่อพระเจ้า ขอให้มีคนสนใจการเทศน์ของผม และบริจาคเงินให้กับผมตามจำนวนที่ผมต้องการ
ปลุกความมั่นใจ
หลังจากได้ทำแบบนั้น ผมก็รู้สึกมั่นใจได้ว่า เงินก้อนนั้น กำลังจะเป็นของผมจริง ๆ ด้วยความตื่นเต้น ผมจึงเดินออกไป โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผมลืมหยิบเอาเนื้อหาที่จะใช้เทศน์ในวันนี้มาด้วย
จนไปยืนอยู่บนหน้าเวที ซึ่งแน่นอนว่ามันก็สายเกินไปที่จะกลับไปเอาโน้ตนั้น สิ่งที่ผมทำได้คือ การพูดจากจิตใต้สำนึกของผมเอง
จากจิตวิญญาณ
เพราะเนื้อหาในการเทศน์ครั้งนี้ ผมควรพูดมันออกมาจากหัวใจ จากจิตวิญญาณ และความใฝ่ฝันของผม เพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่ผมจะทำถ้ามีเงิน 1 ล้านดอลลาร์ในมือ
พร้อมอธิบายแผนการใช้เงิน ในการก่อตั้งสถาบันการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ ของคนหนุ่มสาวที่ผมวางแผนไว้อย่างละเอียด
จนเมื่อการเทศน์จบลง ก็มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาอย่างช้า ๆ จากแถวที่นั่งหลังสุด ผมประหลาดใจมากที่ จู่ ๆ เขาก็เดินมากลุมมือผมไว้แน่นแล้วพูดว่า
ความเชื่อที่ถือกำเนิด
"ท่านสาธุคุณผมชอบการเทศน์ของท่านมาก และผมเชื่อว่า ท่านจะสามารถทำตามสิ่งที่ท่านพูดได้ พรุ่งนี้เช้า กรุณาไปที่ออฟฟิศของผม ผมจะมอบเงินให้ท่าน $1000000 ผมชื่อ ฟิลิปส์ ดี อาร์มอร์ "
ซึ่งในเช้าวันถัดมา ผมก็รีบเดินทางไปยังออฟฟิศของ อาร์มอร์ เพื่อรับเงิน 1 ล้านดอลลาร์ ทันที แน่นอนว่าผมก็ได้เงินนั้นมาจริง ๆ "
โอกาสที่เฝ้ารอ
ด้วยเหตุนี้ สถาบันเทคโนโลยีอาร์มอร์ (Armour institute of Technology) จึงได้ก่อตั้งขึ้นมา ซึ่งในปัจจุบันรู้จักกันในนามสถาบันเทคโนโลยีแห่งอิลลินอยส์ (IIlinois Institute of Technology ; IIT) นั้นเอง
อีกทั้งสถาบันแห่งนี้ยังถูกขนานนามว่าเป็นสถาบันของผู้สร้างความสำเร็จอีกด้วย
ดังที่ อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต กล่าวไว้ว่า "สิ่งที่ยากที่สุดคือการตัดสินใจที่จะลงมือทำ ส่วนที่เหลือก็เป็นเพียงความมุ่งมั่นเท่านั้นเอง"
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄
โฆษณา