21 ก.พ. 2020 เวลา 08:06 • กีฬา
ทำไมคนที่เป็นตำนานของเรอัล มาดริด และอยู่กับทีมมาถึง 25 ปี กลับโดนเฉดหัวออกแบบสุดเศร้า นี่คือเรื่องราวของอีเกร์ กาซียาส กัปตันทีมชาติสเปน และกัปตันเรอัล มาดริด วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าให้ฟัง
2
ครั้งหนึ่ง อีเกร์ กาซียาส คือสัญลักษณ์ของเรอัล มาดริด
เขาเกิดที่ชานเมืองมาดริด จากนั้นพอ 9 ขวบเข้ามาสังกัดอคาเดมี่ของสโมสร ค่อยๆไต่เต้าขึ้นมา จากระบบเยาวชน จนได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ตอนอายุ 19 ปี ช่วยทีมได้แชมป์ลีก และแชมป์ยุโรป จากนั้นพอราอูล กอนซาเลซ ย้ายไปชาลเก้ กาซียาสจึงก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมคนใหม่
ขณะที่ในทีมชาติสเปน กาซียาสคว้าแชมป์ยูโร 2008 ตามด้วยแชมป์โลก 2010 อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเป็นกัปตันทีมเช่นกัน
เส้นทางของกาซียาส สวยงามเหมือนเป็นเทพนิยาย เริ่มต้นจากเด็กน้อย สู่การเป็นคนชูโทรฟี่แชมป์โลก ดังนั้นแฟนๆเรอัล มาดริด จึงรักและเทิดทูนเขามาก ส่งผลให้ในปี 2008 เรอัล มาดริด มอบ "สัญญาตลอดชีพ" ให้กาซียาส เขาจะสามารถอยู่กับทีมไปได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่ตัวเขาต้องการ
ทุกอย่างสวยงามดูเพอร์เฟ็กต์ ชีวิตของกาซียาส ก็น่าจะเป็น One-club man ที่เล่นกับสโมสรเดียวจนเลิก อย่างไรก็ตาม เส้นทางชีวิตของเขา กลับพลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ
สาเหตุเริ่มต้นจากการแต่งตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของเรอัล มาดริด
1
ในฟุตบอลสเปน ตั้งแต่ฤดูกาล 2008-09 และ 2009-10 บาร์เซโลน่าของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไล่ขยี้ทุกทีมที่ขวางหน้า ซึ่งเรอัล มาดริดก็ต้านทานไม่อยู่
มาดริดเปลี่ยนโค้ชมา 3 คน จากแบรนด์ ชุสเตอร์ เป็นฆวนเด้ รามอส ตามด้วยมานูเอล เปเยกรินี่ ก็ยังสู้ไม่ไหว โดนบาร์ซ่าไล่ตบเหย้า-เยือนมา 2 ปีติดต่อกัน
1
ดังนั้นฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรจึงต้องตัดสินใจเลือกโค้ชฝีมือดีที่สุดในตลาด คนที่มีความอหังการ์มากพอที่จะเอาชนะบาร์ซ่าของเป๊ปได้ และแน่นอน กวาดตาทั้งโลกแล้ว มีแค่คนเดียวเท่านั้น ที่อยู่ในข่าย นั่นคือโชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือที่เพิ่งคว้าแชมป์ยุโรปกับอินเตอร์ มิลาน มาสดๆร้อนๆ
มูรินโญ่ มีความแค้นส่วนตัวกับบาร์ซ่าอยู่แล้ว ตั้งแต่ปฏิเสธเขาแล้วไปเลือกกวาร์ดิโอล่ามาเป็นโค้ชในปี 2008 ดังนั้นจึงยินดีอย่างยิ่งที่จะย้ายไปมาดริด แล้วมาขยี้บาร์ซ่าด้วยมือตัวเอง
มูรินโญ่ออกสตาร์ตซีซั่นในลาลีกา ฤดูกาล 2010-11 ด้วยความมั่นใจ 12 เกมแรก เรอัล มาดริด ชนะ 10 เสมอ 2 เป็นจ่าฝูงของลีกอย่างสวยงาม จนมาถึงเกมที่ 13 ของฤดูกาล ต้องทำศึกเอล กลาสิโก้ กับแชมป์เก่าบาร์เซโลน่า ซึงแน่นอน มูรินโญ่รู้ดีว่า บาร์ซ่าแกร่งขนาดไหน ดังนั้นเขาเตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้ว
1
แผนนี้มูรินโญ่ยังไม่เคยใช้มาก่อนในลาลีกา คือเอาเปเป้ ซึ่งปกติเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก มายืนเป็นกลางรับเพื่อไล่บี้ลีโอเนล เมสซี่แบบไปไหนไปด้วย และตลอดสัปดาห์เรอัล มาดริดก็ซ้อมแผนนี้ เตรียมพร้อมไปเยือนคัมป์นู
แต่ทว่าก่อนแข่งแค่ 1 วัน มีสื่อในสเปนเผยข้อมูลออกมาว่า เรอัล มาดริด เตรียมใช้เปเป้ ยืนกองกลางตัวรับชนบาร์ซ่า คือแผนที่รู้กันแค่ภายในกลับหลุดออกไปก่อนแข่งแค่ 1 วันเท่านั้น นั่นทำให้มูรินโญ่ช็อก เพราะในเกมฟุตบอลระดับนี้ ถ้าคุณรู้แผนของคู่แข่งขนาดลงดีเทล และมีเวลาเตรียมตัวเป็นวันๆแล้วล่ะก็ บาร์ซ่าแก้เกมได้สบายๆอยู่แล้ว
1
พอข่าวหลุดออกไป มูรินโญ่เลยต้องปรับแผนกะทันหัน เพื่อไม่ให้บาร์ซ่าเดาทางได้ โดยถอยเปเป้ กลับไปยืนเซ็นเตอร์คู่รามอสเหมือนเดิม ส่วนมิดฟิลด์ก็ใช้ซามี เคดิร่า กับ ชาบี อลอนโซ่ไป แต่ด้วยความที่กลับมาซ้อมแผนนี้อย่างกะทันหันแค่วันเดียว ทำให้เรอัล มาดริดมีข้อผิดพลาดมากมาย และพอถึงวันแข่งก็โดนบาร์เซโลน่าถล่มกระจุย 5-0
นี่เป็นความพ่ายแพ้ที่ย่อยยับที่สุดในชีวิตของมูรินโญ่ มันทำให้เขาเจ็บแค้นมาก คือแพ้ในเกมก็ว่าแย่แล้ว แต่ต้องมาโดนล้วงแท็กติกแบบนี้ มันน่าโมโหจริงๆ
ซึ่งถึงตรงนี้ มูรินโญ่คิดว่าต้องมีใครสักคนเป็น "ไส้ศึก" ภายในทีม และคาบข่าวไปบอกนักข่าว เขายังไม่รู้ว่าใคร แต่ก็มีเล็งๆไว้ 2-3 คน หนึ่งในนั้นคืออีเกร์ กาซียาส ที่มีความสนิทสนมกับนักข่าวเป็นอย่างดี อาจเป็นคนเอาความลับเรื่องนี้ไปบอกก็ได้
1
หลังจากพ่ายแพ้ 5-0 ในเกมนั้น บาร์ซ่าขึ้นมายึดจ่าฝูงแทน และไม่เคยหล่นจากบัลลังก์จ่าฝูงอีกเลยจนจบซีซั่น โดยแต้มหลังจบฤดูกาล บาร์ซ่ามี 96 คะแนน ส่วนมาดริดมี 92 คะแนน ลองคิดดูว่าในเกมที่แพ้ 5-0 ถ้าทุกอย่างพลิกผัน เป็นมาดริดชนะล่ะ มาดริดก็จะมี 95 คะแนน ส่วนบาร์ซ่าจะมีแต้มเหลือ 93 คะแนน แชมป์ก็จะกลายเป็นของมาดริดแทน
3
ดังนั้นความพ่ายแพ้ 5-0 ครั้งนั้น สำหรับมูรินโญ่มันเสียหายมาก และเขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่า จะต้องหาหนอนบ่อนไส้ให้เจอให้ได้
กลยุทธ์ของมูรินโญ่ ในการสู้กับบาร์ซ่าในยุคของเป๊ป คือไม่ใช้ความสวยงามในสนามเข้าสู้ แต่พร้อมจะทำทุกวิถีทาง ทั้งเล่นเกมโหด และเล่นเกมจิตวิทยา เพื่อเอาชนะการแข่งให้ได้
นั่นทำให้เอล กลาสิโก้ ตั้งแต่มูรินโญ่เข้ามา มีความดุดัน และเกลียดชังกันมากกว่าเดิม คือทั้งสองทีมนี้เจอกัน ไม่ว่าจะเป็นรายการเล็ก รายการใหญ่ ก็ใส่กันยับราวกับจะฆ่ากันให้ตาย
ก่อนเปิดฤดูกาล 2011-12 มาดริด กับบาร์ซ่าต้องมาเจอกันในรายการซูเปอร์โกปา ซึ่งก็เปรียบเทียบได้กับคอมมิวนิตี้ชิลด์ของอังกฤษ แต่รูปแบบของสเปน จะเป็นแข่งเหย้า-เยือน
เลกแรก เล่นที่บ้านของมาดริดและเสมอกัน 2-2 จากนั้นเลก 2 ไปเล่นที่บ้านบาร์ซ่า ซึ่งเกมนี้ บาร์ซ่าชนะไป 3-2 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ แต่ไฮไลท์ไม่ได้อยู่ที่ชัยชนะแต่อยู่ที่ช่วงท้ายเกม มีจังหวะที่มาร์เซโล่ กระโจนเสียบสองขาใส่เชส ฟาเบรกาส ผู้ตัดสินควักใบแดงไล่มาร์เซโล่ออกทันที ซึ่งทั้งสองฝ่ายตะลุมบอนกันเข้ามาเตรียมฟัดกันนอกสนาม
ผู้ตัดสินต้องรีบมาห้ามทัพ และไล่ทั้งดาบิด บีญ่า และเมซุต โอซิล ออกจากสนามไปอีก 2 คน โดยเหตุการณ์นี้ หลายคนน่าจะจำช็อตที่โชเซ่ มูรินโญ่ เดินอ้อมมาด้านหลัง ติโต้ บีลาโนบา ผู้ช่วยโค้ชบาร์ซ่าแล้วเอานิ้วจิ้มตาได้
การจุดความเดือดทั้งในและนอกสนาม คือกลยุทธ์ของมูรินโญ่ ถ้าคุณไปหวั่นกลัวบาร์ซ่ามากเกินไป แล้วจะเอาอะไรไปชนะ ดังนั้นเขาอยากให้นักเตะในทีมอย่าไปญาติดีกับผู้เล่นบาร์ซ่า เกลียดกันไว้จะดีที่สุด
1
คนอื่นๆสามารถเกลียดบาร์ซ่าได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นพวกนักเตะทีมชาติสเปนที่ต้องเข้าแคมป์ด้วยกันล่ะจะทำอย่างไร มันต้องเจอหน้ากัน มันต้องเล่นด้วยกัน
กรณีอย่างเซร์คิโอ รามอส หรือ อัลบาโร่ อาร์เบลัว อาจจะไม่ญาติดีกับผู้เล่นบาร์ซ่าได้ คือคุยแค่เท่าที่จำเป็น แต่กับอีเกร์ กาซียาส เขาทำแบบนั้นไม่ได้ อย่าลืมว่าเขาเป็นกัปตันทีมชาติ ถ้าหากคนเป็นกัปตันกลายมาเป็นแบ่งแยก พวกเขาพวกเราในแคมป์ซะเอง ทีมชาติสเปนจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้อย่างไร
นั่นทำให้ กาซียาส โทรศัพท์ไปหาชาบี เอร์นันเดซ และการ์เลส ปูโยล เพื่อปรับความเข้าใจกับเหตุการณ์ตะลุมบอนในคัมป์นู เพราะลองนับๆดู อีกแค่ไม่ถึง 1 ปี ยูโร 2012 จะเริ่มแล้ว ถ้าหากทีมชาติไม่รวมพลังกันไว้ แล้วจะไปป้องกันแชมป์ได้อย่างไรกัน
การกระทำของกาซียาสถูกต้องตามทฤษฎี เขาเป็นผู้นำทีมชาติก็ต้องทำแบบนั้นแหละ แต่คนที่ขัดใจกับเรื่องนี้มี 2 คน คือโชเซ่ มูรินโญ่ และฟลอเรนติโน่ เปเรซ
1
มูรินโญ่ปักใจว่าถ้าจะมีหนอนบ่อนไส้สักคน มีสิทธิ์มากที่จะเป็นกาซียาสที่สนิทกับพวกนักเตะบาร์ซ่าเป็นพิเศษ ขณะที่ประธานสโมสร ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ก็ไม่ค่อยพอใจกาซียาสเช่นกัน ที่ดูไม่มีรัศมีการฆ่าฟันใส่ฝั่งบาร์เซโลน่าเลย
1
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 คน ก็เก็บความรู้สึกเอาไว้ก่อน ยังไม่ได้แสดงอะไรออกมาชัดเจน
ฤดูกาล 2011-12 มาดริด ทำผลงานได้ดีมากๆ มูรินโญ่จากที่เคยพลาดในการเจอบาร์ซ่ามาแล้วในซีซั่นก่อน คราวนี้เขาเริ่มจับทางบาร์ซ่าของเป๊ปได้แล้ว และในที่สุดก็กลายมาเป็นผู้ชนะในลาลีกาบ้าง ในซีซั่นนี้ เรอัล มาดริด เก็บได้ 100 คะแนน คว้าแชมป์ลีกไปครองได้สำเร็จ
1
กาซียาสลงเล่นในลีกไป 37 เกม และเรอัล มาดริดได้แชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 4 ปี บรรยากาศในทีมตอนนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่น
คือถ้าทีมยังชนะอยู่ ทุกอย่างก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ปัญหาความขัดแย้งของกาซียาส กับมูรินโญ่และเปเรซ ยังถูกเก็บเอาไว้อยู่ แต่แน่นอน ถ้าเมื่อไหร่ทีมแพ้ล่ะก็ มันอาจปะทุขึ้นมาได้เสมอ
ในฤดูกาล 2012-13 บาร์เซโลน่าไม่มีเป๊ป กวาร์ดิโอล่าแล้ว ที่ประกาศไม่ต่อสัญญา ดังนั้นจึงดันตีโต้ บีลาโนบาขึ้นมาแทน ซึ่งตามหลักถ้าไม่มีเป๊ป เรอัล มาดริดก็น่าจะป้องกันแชมป์ลีกของตัวเองเอาไว้ได้
แต่กลายเป็นว่าฟอร์มเรอัล มาดริดย่ำแย่ลงมากๆ ตรงข้ามกับบาร์ซ่าของตีโต้ ที่ยิ่งเล่นยิ่งดี จนอันดับในตารางคะแนนทิ้งห่างกันไปเรื่อยๆ
สิ่งที่มูรินโญ่รู้สึกคือ นักเตะในทีมเหมือนมีความพยายามจะกระด้างกระเดื่องกับเขา ไม่ยอมทำตามแท็กติกที่วางไว้ และบรรยากาศในห้องแต่งตัวดูไม่มีความสามัคคีกัน
ดังนั้นมูรินโญ่จึงคิดว่า มันต้องมีแกนนำสักคนที่ยุแยงคอยจะเลื่อยขาเก้าอี้เขาแน่ๆ และถ้าเขาหาหัวโจกที่จ้องแทงหลังไม่เจอ ก็รับรองว่าซีซั่นนี้ เรอัล มาดริดของเขาเจ๊งแน่
ซึ่งจากประวัติที่ผ่านมา ตั้งแต่เรื่องแผนรั่ว มาจนถึงเคสโทรศัพท์หาชาบี ทำให้มูรินโญ่ปักใจเชื่อว่า แกนนำคนนี้มันต้องเป็นอีเกร์ กาซียาสแน่ๆ ที่เตรียมจะยุแยงให้นักเตะคนอื่นเกลียดเขา
ดังนั้นมูรินโญ่จึงเริ่มปฏิบัติการณ์เอาคืน ในเกมนัดที่ 17 ของฤดูกาล มาดริดไปเยือนมาลาก้า ปรากฏว่ามูรินโญ่สั่งดร็อปกาซียาสเป็นสำรอง และส่งอันโตนิโอ อาดาน เป็นตัวจริง ทั้งๆที่กาซียาสสภาพร่างกายสมบูรณ์ 100%
กาซียาสตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า "โค้ชตัดสินใจเลือกทีมที่เขาคิดว่าดีที่สุด และนักเตะก็ต้องยอมรับการตัดสินใจนั้น" แต่สื่อมวลชนยังคงคลางแคลงใจ นสพ.ฉบับหนึ่งพาดหัวว่า "ทำไมอีเกร์ถึงโดนดร็อป?"
1
เกมที่มาลาก้า มาดริดแพ้ 3-2 อาดานไม่ได้เล่นดีเลย แต่ในเกมต่อมาที่เจอเรอัล โซเซียดัด มูรินโญ่ยังส่งอาดานลงเป็นตัวจริงนัดที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งคราวนี้ พอมีการประกาศรายชื่อก่อนเกม เมื่อเอ่ยชื่อกาซียาสก็มีเสียงปรบมือกึกก้องจากแฟนๆเรอัล มาดริด แล้วพอเอ่ยชื่อผู้จัดการทีมโชเซ่ มูรินโญ่ ก็มีเสียงโห่อื้ออึงจากแฟนๆกลุ่มเดียวกัน นั่นเพราะแฟนบอลไม่พอใจที่สัญลักษณ์ของสโมสรต้องมาโดนดร็อปด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่รู้
ในตอนนี้ มีข่าวลือว่ากาซียาส และ เซร์คิโอ รามอส เข้าไปคุยกับประธานสโมสรฟลอเรนติโน่ เปเรซ ว่าประธานต้องเลือกแล้ว จะเอามูรินโญ่ หรือจะเอานักเตะ ถ้ามูรินโญ่ยังอยู่ต่อในฤดูกาลหน้า พวกเขา และนักเตะคีย์แมนอีกหลายตัวจะขอย้ายทีมเอง
เปเรซ ออกมาปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง แต่ถ้าไม่มีมูล ประเด็นข่าวนี้จะหลุดมาจากไหน?
ขณะที่ซาร่า คาโบเนโร่ แฟนสาวของกาซียาสที่เป็นนักข่าวคนดังได้ออกมาเผยสถานการณ์ในทีมเรอัล มาดริดว่า "บรรยากาศไม่ดีจริงๆ เป็นที่รู้กันว่านักเตะในทีมเข้ากันไม่ได้กับผู้จัดการทีมเลย ตอนนี้มีปัญหาในห้องแต่งตัว และเราคงต้องรอดูจนจบฤดูกาลว่ามูรินโญ่จะลงจากตำแหน่งหรือไม่"
ซึ่งทันทีที่มีข่าวว่ากาซียาสเข้าไปคุยกับฟลอเรนติโน่ เปเรซ มูรินโญ่ของบ 3.5 ล้านยูโร จากสโมสรเพื่อซื้อนายทวารคนใหม่ทันที ได้แก่ดีเอโก้ โลเปซ จากเซบีญ่าที่มีอายุ 31 ปี
กาซียาสมีอาการเจ็บพอดีในช่วงนั้น ทำให้มูรินโญ่ส่งดีเอโก้ โลเปซยืนเป็นตัวจริงไปยาวๆ และพอกาซียาสหายกลับมาแล้ว มูรินโญ่ก็ยังคงใช้งานโลเปซเป็นตัวจริงต่อไปเรื่อยๆ จนจบฤดูกาล
สุดท้ายมาดริดไล่บาร์ซ่าไม่ทัน เสียแชมป์ในฤดูกาลนั้น ขณะที่ในแชมเปี้ยนส์ลีก ก็แพ้ดอร์ทมุนด์ตกรอบรองชนะเลิศ ส่วนโกปาเดลเรย์ก็แพ้แอตเลติโก้ มาดริดอีก เท่ากับว่ามูรินโญ่จบมือเปล่าในซีซั่นนี้ เขาจึงต้องโดนไล่ออกเป็นบทลงโทษของความล้มเหลว
1
วันที่โดนไล่ออก นักข่าวถามว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ถ้าย้อนกลับไปวันแรกที่คุมเรอัล มาดริด มีอะไรที่เขาอยากกลับไปแก้ไขหรือไม่ มูรินโย่ตอบว่า "ผมน่าจะซื้อดีเอโก้ โลเปซ เข้ามาตั้งแต่ปีแรกที่คุม น่าเสียดายจริงๆ"
"สื่อวิจารณ์ผมเรื่องการจัดตัว ว่าไม่ยอมส่งลูกรักบางคนของพวกเขาลงสนาม แต่รู้อะไรไหม ปัญหาของทีมเราคือมีนักเตะบางคนคิดว่าตัวเองอยู่ในระดับที่เหนือกว่าคนอื่น ซึ่งเรื่องนี้สื่อมวลชนไม่รู้หรอก มีหลายอย่างที่สื่อไม่รู้ เพราะพวกเขาไม่อยู่บนเครื่องบิน ระหว่างเราเดินทางไปแข่ง และพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้มาอยู่ที่สนามซ้อมด้วย ดังนั้นแน่นอน มีหลายอย่างที่สื่อมวลชนไม่เคยรู้"
1
สำหรับเปเรซ จริงๆเขาชอบมูรินโญ่มาก แต่เมื่อผลงานจบฤดูกาลแบบไม่มีแชมป์ บวกกับความขัดแย้งกับนักเตะซีเนียร์ในทีม จึงจำใจต้องปลดมูรินโญ่ออกจากทีม และทำการแต่งตั้งคาร์โล อันเชล็อตติ มาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่
มูรินโญ่จากไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาฝังเอาไว้คือ เมล็ดพันธุ์แห่งความระแวงสงสัยในตัวกาซียาส ที่ทำให้ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ไม่มั่นใจว่าปัญหาจริงๆอยู่ที่ตัวมูรินโญ่ หรือปัญหาอยู่ที่ตัวกาซียาสกันแน่
ยุคของอันเชล็อตติ พวกเขาคว้าแชมป์ยุโรปได้ในปี 2014 แต่ถ้าพูดถึงโทรฟี่ที่เปเรซต้องการมากจริงอย่างลาลีกา เรอัล มาดริด ฟอร์มย่ำแย่มาก
2
ถ้าเป็นเกมฉาบฉวย วัดผลกันแบบ 1-2 นัดในบอลถ้วย แบบนี้อันเชล็อตติทำได้ดี แต่พอเป็นเกมลีกที่ต้องใช้ความสม่ำเสมอ และต้องใช้สปริตของนักเตะในการต่อสู้ระยะยาว มาดริดเล่นไม่ได้เลย
ฤดูกาล 2013-14 เรอัล มาดริด ร่วงไปอยู่อันดับ 3 ของตาราง จากนั้นในฤดูกาล 2014-15 กระโดดขึ้นมาอันดับ 2 แต่ก็ไม่ได้แชมป์อยู่ดี ถึงตรงนี้เปเรซคิดว่า ปัญหาคงไม่ใช่มูรินโญ่แล้วล่ะ
ดังนั้นก่อนเข้าสู่ฤดูกาล 2015-16 นอกจากจะไล่อันเชล็อตติออกแล้ว เปเรซก็จะจัดการไล่กาซียาสให้พ้นทีมด้วย กาซียาสถูกทำให้เชื่อว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในทีม ที่พร้อมจะคานอำนาจผู้จัดการทีมคนไหนก็ตามที่เข้ามาคุม
เสาร์ที่ 11 กรกฎาคม 2015 เวลา 4 ทุ่ม 21 นาที มาดริดประกาศผ่านเว็บไซต์สโมสร ว่าฉีกสัญญากับอีเกร์ กาซียาสเรียบร้อยแล้ว โดยผู้เล่นจะย้ายไปเอฟซี ปอร์โต้ ในโปรตุเกส
2
เรอัล มาดริดจะไม่มีพิธีอำลาใดๆให้กาซียาส แม้นักเตะจะเล่นกับสโมสรมา 25 ปี ลงเล่นมา 725 นัด คว้าแชมป์ทุกรายการกับทีม รวมถึงเป็นกัปตันทีมด้วย โดยในวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม จะให้นักเตะเข้ามาเก็บของที่สโมสร พร้อมทั้งอนุญาตให้พูดในห้องแถลงข่าวได้
1
วันที่ 12 กรกฏาคม กาซียาสมาถึงสนาม ตอนนี้ไม่มีใครอยู่นักเตะทีมชุดใหญ่บินไปเตะเกมปรีซีซั่นที่ออสเตรเลีย ฟลอเรนติโน่ เปเรซไม่อยู่ และไม่มีผู้อำนวยการของสโมสรคนไหนอยู่ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เพื่อมาส่งกาซียาส มีแต่นักข่าวจากสื่อต่างๆเท่านั้น กาซียาสเก็บข้าวของในล็อกเกอร์รูมเรียบร้อย แล้วเดินเข้ามาที่ห้องแถลงข่าว นั่งลงที่โต๊ะและเริ่มพูดความรู้สึกออกมา
"ผมมีเวลาได้พูด 30 วินาที แต่ผมคิดว่าพูด 1 ชั่วโมงก็ยังไม่หมด" กาซียาสพูดพร้อมด้วยน้ำตา พูดไปร้องไห้ไป "อย่าเพิ่งถ่ายรูปผมตอนนี้เลย มันจะมีแต่ภาพผมร้องไห้นะ" ซึ่งถึงตรงนี้นักข่าวในมาดริดที่ผูกพันกับกาซียาสมาหลายปี ก็เริ่มร้องไห้ด้วยเหมือนกัน
กาซียาสพูดขอบคุณทุกคน และเล่าความทรงจำตลอด 25 ปีกับเรอัล มาดริด ใช้เวลาไป 9 นาที จากนั้นเขาลุกขึ้น และเดินออกจากห้องแถลงข่าวไปด้วยตัวคนเดียว เขามาเอง พูดเอง ร้องไห้เอง และกลับเอง ไม่มีคนของสโมสรคอยเทกแคร์แต่อย่างใด
ถ้าเราเห็นของสโมสรอื่นๆ เวลามีตำนานจะอำลาทีม จะมีนักเตะทั้งทีมมาร่วมอำลากันอย่างพร้อมเพรียง แต่กรณีของกาซียาสไม่ใช่แบบนั้น เพราะมันไม่มีใครเลย
ผู้คนอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับกรณีของชาบี เอร์นันเดซ เด็กปั้นของบาร์ซ่าที่อำลาทีม 1 เดือนก่อนหน้านี้ ในครั้งนั้นบาร์ซ่า จัดงานพิเศษขึ้นในชื่อ #6RACIESXAVI (กราเซียส ชาบี) โดยออกอากาศสดไปทั่วโลก ในงานมีโจเซฟ มาเรีย บาร์โตเมวประธานสโมสรประกบข้างขวา เพื่อนร่วมทีมอันเดรส อิเนียสต้า ประกบด้านซ้าย ขณะที่นักเตะทุกคนในทีมมาร่วมงานหมด มีการทำ VTR เล่าเรื่องราว มีการจัดสถานที่สวยงาม และเชิญพ่อแม่ชาบี มาในงานด้วย คือให้เกียรติผู้เล่นอย่างแท้จริง
1
แต่กับกาซียาส ทั้งๆที่เขาอยู่กับเรอัล มาดริด มายาวนานไม่แพ้ชาบีอยู่กับบาร์ซ่า แต่กลับได้รับอะไรที่ต่างกันชัดเจนขนาดนี้
แฟนบอลรุมด่าประธานสโมสรอย่างหนัก ที่ไม่ให้เกียรติตำนานของทีมเลย จนทำให้เปเรซยอมกลับลำ อนุญาตให้จัดงาน Farewell ได้เป็นกรณีพิเศษในวันที่ 13 กรกฎาคม หรือวันรุ่งขึ้น เวลา 12.00 น.
โดยสโมสรจัดสถานที่เท่าที่จัดได้ คือเอาถ้วยแชมป์มาวางเรียงกันที่สนามแข่ง และให้กาซียาสลงไปถ่ายรูป พร้อมทั้งอนุญาตให้แฟนๆเข้ามาร่วมอำลาได้ในสนาม ซึ่งคราวนี้เปเรซ จะเดินทางมากล่าวอำลาด้วยตัวเอง
ด้วยความที่ปุบปับจัดงาน ทำให้มีแฟนบอลมาในจำนวนน้อยมาก เพราะมันกะทันหันเกิน ยิ่งไปกว่านั้น มาจัดเอาในเวลา 12.00 น. ของวันอังคาร ซึ่งเป็นวันทำงาน ถามหน่อยว่าแฟนบอลทั่วไปใครจะมาได้ เขาก็ต้องเรียน ต้องทำงานกันทั้งนั้น
1
และสุดท้ายกาซียาสก็ต้องอำลาทีมไป ด้วยพิธีการแบบครึ่งๆกลางๆ ทั้งอย่างนั้นเอง
มารี คาร์เมน คุณแม่ของกาซียาสโจมตีเรอัล มาดริดอย่างเดือดดาลว่า "ฟลอเรนติโน่ต้องการผลักไสเขาให้พ้นทีม อีเกร์นั้นไม่อยากย้าย เขาอยากจบอาชีพกับเรอัล มาดริด"
"เราไม่อยากให้เขาไปร่วมในงานอำลางี่เง่าแบบนั้น มันคือพิธีลวงโลกชัดๆ ฟลอเรนติโน่ สร้างภาพให้เห็นว่าเขาก็มีพิธีให้แล้วไงจะเอาอะไรอีก"
สุดท้าย กาซียาส จึงอำลาเรอัล มาดริดไป ในช่วงซัมเมอร์ปี 2015 นั่นเอง ปิดฉากชีวิตการค้าแข้งกับราชันชุดขาวไปแบบที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น
3
เขามาอยู่เรอัล มาดริดวันแรก ปี 1990 ตอนอายุ 9 ขวบ อำลาทีมปี 2015 รวมแล้ว 25 ปีพอดี
กาซียาส ไปอยู่กับปอร์โต้ได้ 4 ปี และประกาศแขวนสตั๊ด โดยมีผลงานสุดท้ายกับปอร์โต้คือแชมป์ลีกโปรตุเกสในฤดูกาล 2017-18
1
หลังจากย้ายออกจากเรอัล มาดริดแล้ว กาซียาส ออกมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า แรกๆระหว่างเขากับมูรินโญ่อะไรมันก็ดี แต่ทุกอย่างก็้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
1
"สิ่งที่มูรินโญ่ทำคือบอกกับคนอื่นว่า ผมใส่ใจทีมชาติมากกว่าเรอัล มาดริด , ผมไม่ซ้อมดีพอ, ผมไม่มีความเป็นมืออาชีพ, ผมเอาความลับของทีมไปบอกสื่อ และ ผมเป็นหนอนบ่อนไส้ คือผมอยากบอกให้เคลียร์ไปเลยนะ ว่าผมไม่มีวันเอาเรื่องของสโมสรไปเผยแพร่กับใคร ผมเก็บเงียบทุกอย่างไว้กับตัว นั่นเพราะ ผมเป็นห่วงทีมเสมอ"
1
อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าเรื่องที่มูรินโญ่พูด กับกาซียาสพูด อะไรจะน่าเชื่่อถือกว่ากัน แต่มันก็ทำให้ความรู้สึกของคน แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย กลุ่มที่สนับสนุนกาซียาสก็จะด่ามูรินโญ่ว่าทำให้ตำนานด่างพร้อย แต่มันก็มีคนไม่น้อยที่เชื่อว่า กาซียาสต้องทำอะไรสักอย่างล่ะ ไม่งั้นผู้จัดการทีมระดับโลกจะปฏิบัติตัวกับเขาแบบนี้หรือ
และฟลอเรนติโน่ เปเรซ สุดท้ายเชื่อมูรินโญ่มากกว่า และเห็นว่ากาซียาสคือตัวปัญหา
อัสตอร์เร่ เซเรโบรเน่ นักข่าวชาวสเปนได้สรุปเรื่องนี้เอาไว้ว่า "คนจำนวนมากเชื่อสิ่งที่มูรินโญ่พูด ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่"
"ทุกอย่างที่มูรินโญ่พูด เป็นเรื่องภายในสโมสรเท่านั้น ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ากาซียาสทำจริงหรือเปล่า แต่สื่อมวลชนก็หยิบเอาสิ่งที่มูรินโญ่พูดมาขยายใหญ่โต มันทำให้แฟนบอลเชื่อคำพูดของมูรินโญ่มากขึ้น และรวมถึงประธานสโมสรก็เชื่อตามไปด้วย ทำให้สุดท้ายบทสรุปของกาซียาสจึงต้องลงเอยแบบนี้"
1
และเรื่องหนอนบ่อนไส้จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้เลยว่า วันนั้นบาร์ซ่ารู้แผนได้อย่างไร เป็นกาซียาสจริงๆหรือเปล่า หรือมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น
หลังจากย้ายไปจากมาดริด ด้วยความเป็นไอคอนนักฟุตบอลของโลก ทำให้เขาได้รับเกียรติให้เป็น Ambassador หรือทูต จากหน่วยงานและสินค้าจำนวนมาก เช่น
- เป็นทูตของฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
- เป็นทูตของสหประชาชาติ (UN)
- เป็นทูตของลาลีกา สเปน
แต่ที่เดียวที่ไม่เคยพิจารณาเขามาเป็นทูตเลยจนถึงปัจจุบัน นั่นคือสโมสรเรอัล มาดริด
บทสรุปของกาซียาส กับเรอัล มาดริด เขาได้แชมป์ลาลีกา 5 สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัย ,โกปาเดลเรย์ 2 สมัย และ ฟีฟ่าคลับเวิลด์ 3 สมัย
เวลาได้แชมป์แต่ละปี เรอัล มาดริดจะขึ้นรถพาเหรดเพื่อร่วมฉลองกับแฟนๆ โดยจะขับไปที่น้ำพุซิเบเลสใจกลางเมือง ซึ่งก็จะมีแฟนหลายหมื่นมาร่วมยินดีด้วย
สำหรับกาซียาสในวันแบบนั้น รอบกายเขาจะมีเพื่อนร่วมทีม มีสตาฟฟ์ มีผู้บริหารของทีมรายล้อม ทุกคนจะร่วมมีความสุขไปด้วยกันกับเขา
แต่วันสุดท้ายที่กาซียาสต้องเดินออกไปจากสโมสร เขาไม่เหลือใครเลยแม้แต่คนเดียว
2
You will walk alone
#Casillas
โฆษณา