22 ก.พ. 2020 เวลา 10:02 • กีฬา
การเป็นคนไทย แล้วทำให้คนต่างชาติรัก ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภาทำได้ นี่คือเรื่องราวของเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ คนปัจจุบัน
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภาแห่งเลสเตอร์ ซิตี้ ได้รับการโหวตให้เป็นเจ้าของทีมยอดเยี่ยมอันดับ 2 ในประเทศอังกฤษ
อัยยวัฒน์ได้คะแนน 98 เต็ม 100 ถือว่าสูงปรี๊ด ซึ่งเมื่อแยกย่อยในรายละเอียดการให้คะแนน จะเห็นว่าเขาได้คะแนนเยอะมาก ในเรื่องการปฏิบัติต่อแฟนบอล, การบริหารการเงิน และการดำเนินงานด้านฟุตบอล
เรื่องการปฏิบัติต่อแฟนบอล เราจะเห็นบ่อยๆที่เขาใส่ใจในเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเช่น มีน้ำดื่มฟรี เบียร์ฟรี โดนัทฟรี แจกให้แฟนบอลเวลาเข้าสนาม หรือเวลามีโปรแกรมนัดเยือน ก็จะจัดรถบัสราคาถูกเอาไว้บริการให้แฟนๆเดินทางไปชมพร้อมเพรียงกัน ดีเทลเล็กๆแบบนี้ ทำให้แฟนบอลเกิดความประทับใจ
ส่วนเรื่องฝีมือบริหารการเงินอันนี้ก็ชัดเจน ด้วยความที่เป็นนักธุรกิจมาก่อน พอต้องมาบริหารทีมฟุตบอล ก็ไม่เคยละเลยเรื่องการเงิน เราจะเห็นได้ว่า อัยยวัฒน์ไม่ค่อยซื้อนักเตะบิ๊กเนมราคาแพงที่ฟุ่มเฟือยเกินไป เพราะจะทำให้บัญชีติดตัวแดง แต่เขาจะใช้งบประมาณกับการ Scout เฟ้นหาผู้เล่นอย่างชาญฉลาด
ลงทุนกับทีมแมวมองเก่งๆ แล้วให้แมวมองพวกนี้ไปหาผู้เล่นดีๆมาเข้าทีม ดีกว่าไปประมูลซื้อนักเตะชื่อดังแข่งกับทีมอื่นๆ แบบนั้นมีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ
ดูการซื้อของเลสเตอร์สิ ริยาด มาห์เรซ ซื้อมาราคา 350,000 ปอนด์ หรือเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ซื้อมา 5.5 ล้านปอนด์ แล้วสองคนนี้ขายออกไปได้เงินเกือบ 100 ล้านปอนด์ ซื้อตัวดีๆในราคาไม่แพง แล้วขายออกไปในราคาสูงลิบ ก่อนจะหาตัวใหม่ๆ ที่มีศักยภาพใกล้เคียงกันเข้ามาแทนที่
เงินก็ได้ บาลานซ์ทีมก็ไม่เสีย นี่คือความฉลาดในการบริหารธุรกิจ
และมาถึงข้อสุดท้ายคือเรื่องการดำเนินงานด้านฟุตบอล อัยยวัฒน์ได้คะแนน 8.8/10 ซึ่งถือว่าสูงมากหากเทียบกับเจ้าของทีมคนอื่น
นับตั้งแต่เข้ามาเทกโอเวอร์ทีม มีโมเมนต์เรื่องฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นกับเลสเตอร์ 3 ครั้ง นั่นคือ 1-การได้แชมป์แชมเปี้ยนชิพ ในซีซั่น 2013-14 เลื่อนชั้นมาเล่นพรีเมียร์ลีก 2-การรอดตกชั้นแบบปาฏิหาริย์ในซีซั่น 2014-15 ทั้งๆที่ทีมจมบ๊วยอยู่นาน และ 3-การได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-16
แต่ละเรื่องเหล่านี้ ถือว่างดงามทั้งสิ้น และอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลไม่ว่าจะเป็นทีมอะไร
แต่ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง ที่อัยยวัฒน์ควรได้รับเครดิตอย่างมาก ในแง่การดำเนินงานด้านฟุตบอล โดยเหตุการณ์นี้ มีขึ้นในช่วงเพลย์ออฟฤดูกาล 2012-13 กับเกมที่ทรมานใจที่สุดในประวัติศาสตร์
มันคือความพ่ายแพ้ต่อวัตฟอร์ด ที่สนามวิคาเรจโร้ด
สำหรับกฎการเลื่อนชั้น จากแชมเปี้ยนชิพ มาสู่พรีเมียร์ลีกนั้น กฎมันเรียบง่ายมาก
อันดับ 1 และ 2 จะได้เลื่อนชั้นอัตโนมัติ ส่วนอันดับ 3 จากเพลย์ออฟกับอันดับ 6 แข่งขันแบบเหย้าเยือน โดยใครชนะ จะไปเจอกับผู้ชนะของอันดับ 4 กับอันดับ 5 ในลีก
เกมสุดท้ายจะแข่งกันที่สนามกลาง คือเวมบลีย์ ซึ่งใครชนะเกมนี้ ก็จะได้เลื่อนมาเล่นลีกสูงสุดต่อไป
ในฤดูกาล 2010-11 วิชัย และอัยยวัฒน์ สองพ่อลูกแห่งคิงเพาเวอร์ เทกโอเวอร์ เลสเตอร์ ต่อจากมิลาน มันดาริช และค่อยๆเปลี่ยนแปลงทีมเป็นลำดับ มีการเปลี่ยนโค้ช เปลี่ยนนักเตะมาเรื่อยๆ จนทีมมีอันดับดีขึ้นทุกปี
2010-11 จบอันดับ 10
2011-12 จบอันดับ 9
2012-13 จบอันดับ 6
เทกโอเวอร์แค่ 3 ปี เลสเตอร์ของสองพ่อลูก ศรีวัฒนประภา ได้โควต้าเพลย์ออฟอย่างน่าประทับใจ โดยทีมชุดนั้นมีผู้จัดการทีมคือไนเจล เพียร์สัน ส่วนนักเตะก็มีตัวฝีเท้าดีอย่าง เดวิด นูเจนท์,แคสเปอร์ ชไมเคิล และ แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ ขณะที่ ตัวสำรองก็มีทั้งเจมี่ วาร์ดี้ ที่เพิ่งซื้อมาจากทีมนอกลีก กับ แฮร์รี่ เคน หัวหอกดาวรุ่งที่ยืมมาจากสเปอร์ส
สภาพทีมโดยรวมถือว่าแข็งแกร่ง และแม้จะได้อันดับ 6 แต่เลสเตอร์ชุดนี้ แกร่งพอที่จะเลื่อนชั้นมาสู่พรีเมียร์ลีก
สำหรับอัยยวัฒน์ การได้เลื่อนชั้นมันคือความฝัน เพราะจากที่ต้องลงทุน ลงแรงไปมหาศาล ถ้าทีมได้เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก ก็จะนำรายได้กลับคืนมาให้เขาเสียที อย่างที่เราทราบกัน รายรับของทีมพรีเมียร์ลีก กับทีมแชมเปี้ยนชิพได้เงินห่างกันมากเกินกว่า 100 ล้านปอนด์ต่อปี
เช่นเดียวกับแฟนเลสเตอร์ ที่ดีใจกันอย่างลิงโลดที่ทีมได้เพลย์ออฟ เพราะนี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะคัมแบ็กกลับไปพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง หลังจากตกชั้นมาในปี 2004 บางที 9 ปีที่รอคอยอาจสิ้นสุดลงในเพลย์ออฟครั้งนี้
1
เลสเตอร์ โคจรมาเจอกับอันดับ 3 ในลีก วัตฟอร์ด ที่นำทัพโดยทรอย ดีนีย์ และ มาเตจ์ วีดร้า มีผู้จัดการทีมคือจานฟรังโก้ โซล่า ซึ่งถ้าเทียบตัวต่อตัวกันจริงๆ เลสเตอร์ยังดูดีกว่านิดๆ
เกมแรกเล่นที่บ้านเลสเตอร์ก่อน และเลสเตอร์สามารถเอาชนะได้ 1-0 ต้องกลับไปเล่นเลกที่สอง ที่สนามวิคาเรจ โร้ด บ้านของวัตฟอร์ด ซึ่งสถานการณ์พลิกไปพลิกมาตลอด
วีดร้ายิงให้วัตฟอร์ดนำ 1-0 นาที 15 สกอร์รวมกลับมาเท่ากัน 1-1
นูเจนท์ตีเสมอให้เลสเตอร์ 1-1 นาที 19 สกอร์รวมเลสเตอร์นำ 2-1
ครึ่งหลัง วีดร้ามายิงอีกลูุกให้วัตฟอร์ดนำ 2-1 นาที 65 สกอร์รวมเสมอ 2-2
ซึ่งในเกมเพลย์ออฟของแชมเปี้ยนชิพ จะไม่มีอเวย์โกล์ ดังนั้นถ้าไม่มีใครยิงเพิ่มได้ ก็จะตัดสินกันในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที และถ้ายิงกันไม่ได้อีกก็ดวลจุดโทษ
เลสเตอร์เองก็อยากปิดบัญชีให้ได้ ไม่อยากจะต้องยืดเยื้อไปต่อเวลา ไนเจล เพียร์สันเลยส่งแฮร์รี่ เคน ลงมายืนคู่หน้ากับเดวิด นูเจนท์ บุกตะลุยเข้าไปเพื่อยิงให้ได้อีก 1 ลูก แต่ก็ไม่สามารถยิงเพิ่มได้ เพราะวัตฟอร์ดเล่นเกมรับดีมาก จนเข้าสู่ช่วงทดเจ็บ กรรมการข้างสนามชูป้ายทดเวลา 4 นาที
เพราะมีจังหวะหยุดเกมในช่วงทดเจ็บหลายครั้ง ไมเคิล โอลิเวอร์ กรรมการนัดนี้จึงทดยาวไปถึงนาที 96 ซึ่งตรงนี้เองที่เลสเตอร์บุกขึ้นมาครั้งสุดท้าย แอนโทนี่ น็อกการ์ตไต่เส้นด้านขวาขึ้นมา ก่อนจะโดนมาร์โก คาสเซ็ตติกองหลังวัตฟอร์ดใช้ท่อนแขนดันจนล้ม กรรมการชี้เป็นจุดโทษทันที
ถึงตรงนี้ถ้าเลสเตอร์ยิงจุดโทษเข้าไปเกมจบทันที เพราะจะมีสกอร์รวม 3-2 ไม่พลาดเข้ารอบชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์แน่นอน
"ถ้ายิงเข้าเราก็ชนะ แล้วเข้ารอบชิงชนะเลิศซึ่งผมว่าโอกาสขึ้นชั้นสูงมาก เพราะโมเมนตัมของทีมกำลังพุ่งขึ้น" อัยยวัฒน์กล่าว
คนที่รับหน้าที่ยิงคือ แอนโทนี่ น็อกการ์ตนักเตะที่โดดเด่นมาตลอดทั้งฤดูกาล เขาจะเดิมพันชีวิตกับการยิงครั้งนี้ โดยนายทวารของวัตฟอร์ดคือมานูเอล อัลมูเนีย อดีตผู้รักษาประตูของอาร์เซน่อล เวลาเดินทางมาถึง 96.32 ทดมาแล้วหกนาทีครึ่ง ถ้ายิงเข้ากรรมการก็คงเป่าจบเกมทันที
แอนโทนี่ น็อกการ์ตรวมสมาธิและวิ่งเข้ายิงประตู เขาวิ่งมาซัดซ้ายตรงกลางประตู บอลติดขาอัลมูเนีย น็อกการ์ตรีบสปรินท์ไปซ้ำ ก็ติดเซฟอีกดอก คราวนี้วัตฟอร์ดรอดพ้นจากอันตรายไปได้ และเล่นเกมโต้กลับเร็วทันที โดยแทงบอลมาด้านขวา ทีนี้นักเตะทั้งทีมลุยบุกไปด้วยกัน ขณะที่เลสเตอร์ตกใจ ไม่คิดว่าจะยิงจุดโทษไม่เข้า ทำให้ทุกคนสับสนกับตำแหน่งกันหมด และเป็นทรอย ดีนีย์ที่ซัดเข้ากลางประตูอย่างเด็ดขาด ในเวลา 96.51
19 วินาที จากจุดโทษที่เลสเตอร์ควรจะยิงเข้า ซึ่งจะทำให้ทีมมีลุ้นเลื่อนชั้น มันกลายมาเป็นประตูปิดเกมของฝั่งวัตฟอร์ดเฉยเลย
มันแปลว่า นี่เป็นปีที่ 3 ของอัยยวัฒน์ ที่ไม่สามารถพาทีมเลื่อนชั้นได้ ที่น่าเจ็บใจคือนี่เป็นโอกาสดีที่สุดแล้ว คุณไม่มีทางได้โอกาสดีขนาดนี้แล้ว จุดโทษในนาทีสุดท้าย แต่ก็ยังยิงพลาด และปล่อยให้คูุ่แข่งสวนกลับมาจนได้ประตู
"19 วินาทีเท่านั้น จากจุดโทษจนโดนยิงตกรอบ ความรู้สึกในสนามมันอธิบายไม่ถูก เหมือนทุกอย่างพังลงไปกับตา เชื่อไหมว่าผมนั่งดูอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครหันมองหน้ากันแม้แต่คนเดียว ตอนนั้นเหมือนเป็นภาพสโลว์โมชั่น มีแฟนบอลวัตฟอร์ดกรูลงมาในสนาม" อัยยวัฒน์กล่าวอย่างเจ็บปวด
"ถ้าเราเลื่อนชั้นได้ก็ได้เงิน 100 ล้านปอนด์ค่าถ่ายทอดสด แต่อยู่ที่เดิมก็ประมาณ 15 ล้านปอนด์ ต่างกันเยอะมาก แต่มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น มันเป็นเรื่องของสิ่งที่ทำมาแล้วพังทลายลง ผมเลยเข้าใจเจ้าของทีมหลายคนว่าทำไมเขาตัดสินใจขายทีมทิ้ง วันนั้นผมเข้าใจเลย ไม่มีแม้แต่น้ำตา แห้งไปเลย ที่เขาพูดกันว่าหัวใจสลายผมเข้าใจเลย เหมือนโดนแฟนบอลเลิกร้อยที เหมือนคนอกหัก มันเจ็บปวด"
"วันนั้นไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนนั่งรถกลับมาจากวัตฟอร์ดถึงบ้าน หลับจนตื่นมาก็ยังไม่เข้าใจ นั่งเบลอ ไม่คิดจะเปิดทีวี ผมไม่ดูบอล ไม่สนข่าวฟุตบอลเลย เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ 3 เดือนไม่ยุ่งกับฟุตบอลเลย"
"มันรับความจริงไม่ได้ มันเฮิร์ต ต้องใช้เวลา"
แต่แน่นอน การเป็นเจ้าของทีม ถ้าคุณไม่เป็นหลักยึดให้นักเตะและสตาฟฟ์ พวกเขาจะอยู่อย่างไร ดังนั้นอัยยวัฒน์จำเป็นต้องเข้มแข็ง และให้ความเชื่อมั่นทุกคนว่าทีมจะสร้างโอกาสได้อีกครั้งในการเลื่อนชั้น แต่ทุกคนต้องรวมใจเป็นหนึ่งไว้ก่อน
การตกรอบเพลย์ออฟอย่างเจ็บปวด ทำให้สื่อมวลชน รวมถึงสื่อท้องถิ่นอย่างเลสเตอร์ เมอร์คิวรี่ เริ่มตั้งคำถามว่า ทีมควรจะเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างไหม
ผู้จัดการทีมไนเจล เพียร์สัน เป็นคนที่โดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ สาเหตุเพราะสื่อมองว่ายังประสบการณ์น้อยมากๆ กับการแข่งขันที่กดดันแบบนี้ คือเพียร์สันเป็นกุนซือที่ทำผลงานดีที่สุดก็แค่เพลย์ออฟ แถมเข้าเพลย์ออฟทีไรก็ตกรอบไวทุกที คือจะปีไหนๆก็ไม่เคยทำทีมดีถึงขนาดเลื่อนชั้นอัตโนมัติได้ ดังนั้นสื่อมวลชนจึงแนะนำว่า ลองหาโค้ชคนใหม่ที่ประสบการณ์สูงกว่านี้ดีกว่าหรือไม่
เช่นเดียวกับผู้เล่นในทีม ที่สื่อกระตุ้นให้โละนักเตะหลายๆคนในทีมทิ้งไปบ้าง เพื่อทำให้บรรยากาศอันหดหู่ในห้องแต่งตัว มีความสดชื่นมากกว่าเดิม คือถ้าใช้ผู้เล่นชุดเดิม ก็จะมีแต่นำความเศร้าหมองหม่นมาให้
อย่างไรก็ตามแนวคิดของอัยยวัฒน์นั้นสวนทางกับกูรูที่อังกฤษอย่างชัดเจน คือเขาไม่ปลดเพียร์สันออกจากตำแหน่ง ยิ่งไปกว่านั้น squad ทั้งทีม เขาแทบไม่ขายใครเลย กว่า 95% ของทีมยังคงอยู่ จะมีปล่อยก็แค่ เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด ที่ย้ายไปโบลตันเท่านั้น
ตัวหลักที่ทำผลงานน่าผิดหวังในเกมแพ้วัตฟอร์ด อัยยวัฒน์เก็บไว้หมด ซึ่งก็รวมถึงแอนโทนี่ น็อกการ์ตคนยิงจุดโทษพลาดด้วย
"ยังไงผมก็ไม่ไล่ไนเจล เพียร์สันออก" อัยยวัฒน์ยืนยัน "เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วมีผู้จัดการทีมคนไหน ทำให้ผมเข้าใกล้พรีเมียร์ลีกได้เท่าเขาบ้าง เพราะทุกคนคลางแคลงใจว่าเขาทำไม่ได้หรอก หรือทำได้เต็มที่ก็แค่เล่นเพลย์ออฟ"
"ผมบอก ผมไม่ไล่ พ่อก็บอกเหมือนกัน ว่าไม่เปลี่ยน เปลี่ยนไปก็เท่านั้น ทำไมไม่ลองใหม่"
อัยยวัฒน์รู้ดีว่าไม่ใช่แค่เขา แต่ผู้จัดการทีมที่โดนสบประมาทมาตลอดอย่างเพียร์สันก็เจ็บปวดมากพอกัน และเขาเชื่อว่าโมเมนตั้มของทีมมันดีอยู่แล้ว ความผิดพลาดแค่ 1 ครั้ง ไม่ควรเอามาตัดสินว่าเพียร์สันจะล้มเหลวต่อไปเรื่อยๆ
ตอนที่เขาคัดเลือกไนเจล เพียร์สันมาเป็นผู้จัดการทีม มีแคนดิเดตตั้ง 20 คนที่มาขอสมัคร แต่ละคนชื่อดังกว่าเพียร์สันทั้งนั้น แต่อัยยวัฒน์วิเคราะห์ข้อมูลและมองว่าเพียร์สันนี่ล่ะเหมาะสุดแล้ว ดังนั้นถ้าเขามาไล่ออกตอนนี้ แสดงว่าการตัดสินใจในวันนั้นเป็นเรื่องผิดพลาดน่ะสิ
ซึ่งไม่ อัยยวัฒน์มั่นใจว่าเขามองคนถูก
ดังนั้นเพียร์สัน จึงเป็นผู้จัดการทีมของเลสเตอร์ต่อไปในฤดูกาล 2013-14
ขณะที่กลุ่มผู้เล่นเขาปล่อยแค่เจอร์เมน เบ็คฟอร์ดคนเดียว ก่อนจะคว้านักเตะใหม่เข้ามาอีกถึง 5 ตัวในช่วงซัมเมอร์
มีคนถามว่าเฮ้ย ไม่อยากปล่อยใครบ้างหรอ มั่นใจว่าทีมชุดเดิมดีพอที่จะเลื่อนชั้นงั้นหรือ ซึ่งเพียร์สันมั่นใจในทีมชุดนี้ และเชื่อว่า เกมกับวัตฟอร์ดวันนั้นคืออุบัติเหตุ
"ผมเดินไปพูดกับนักเตะทุกคนในวันก่อนเริ่มฤดูกาลว่า ยูพิสูจน์ให้เห็นหน่อยเถอะว่าพวกยูทำได้ แล้วพิสูจน์ให้ทุกคนในโลกได้เห็นว่ายูไม่ยอมแพ้ เราเปลี่ยนโมเมนตั้มใหม่หมด เราจะเปลี่ยนวิกฤติที่มีเป็นโอกาส"
ทั้งโค้ช และนักเตะ เมื่อได้โอกาสที่ 2 จากเจ้าของทีม มันทำให้ทุกคนมีพลังใจขึ้นมาอีกครั้ง และเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ คราวนี้จะไม่ก่อข้อผิดพลาดเหมือนเดิมอีกแล้ว
ที่สำคัญถ้ากลัวว่าจะพลาดในเพลย์ออฟอีก งั้นทำไมต้องเลื่อนชั้นผ่านเพลย์ออฟล่ะ เอาแต้มให้จบอันดับ 1 หรือ 2 ไปเลยดีกว่าไหม เลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติไปเลย
4 เกมแรก เลสเตอร์ ชนะ 3 เสมอ 1 ยึดอันดับ 2 ของตารางคะแนน พวกเขาทำแต้มบี้กับเบิร์นลีย์ในการลุ้นจ่าฝูงของแชมเปี้ยนชิพ
เลสเตอร์มีความคงเส้นคงวาสูงมาก และมาจนถึงเกมที่ 17 ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2013 พวกเขาถล่มมิลล์วอลล์ 3-0 ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของแชมเปี้ยนชิพ
แอนโทนี่ น็อกการ์ตคนที่ยิงจุดโทษพลาด ได้รับความไว้วางใจให้ลงเล่นต่อเนื่อง เขาลงสนามไป 48 นัดทุกรายการ ลงเยอะสุดเป็นอันดับ 4 ของทีม เป็นรองแค่ แคสเปอร์ ชไมเคิล, เดวิด นูเจนท์ และ แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์เท่านั้น
ไม่มีการรื้อฟื้นเอาความเจ็บปวดในวันเจอวัตฟอร์ดมาซ้ำเติมกันอีก เช่นเดียวกับนักเตะแต่ละคนที่ลงสนามในวันนั้น ทุกคน Move on เดินไปข้างหน้าโดยไม่เสียเวลากลับมาเสียใจ
"คนเราพอเฟลมาด้วยกัน มันจะรักกันมากขึ้น ผมเองรู้สึกตอนเห็นนักเตะนั่งร้องไห้กอดกัน" อัยยวัฒน์เล่า
"ผมคิดว่านัดที่แพ้วัตฟอร์ด คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทีมเป็นทีม ผมเชื่อว่า ทีมนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว"
เลสเตอร์มีแผ่วเล็กๆช่วงต้นเดือนธันวาคม 2013 ที่ไม่ชนะใคร 3 เกมติด แต่พอเข้าสู่ช่วงบ็อกซิ่งเดย์ พวกเขาโชว์ฟอร์มร้อนแรงอีกครั้ง เก็บชัย 9 นัดติดต่อกัน และขึ้นไปเป็นจ่าฝูงของแชมเปี้ยนชิพ ซึ่งจากนั้นเป็นต้นมา เลสเตอร์ก็วิ่งเข้าเส้นชัยแบบม้วนเดียวจบ เป็นแชมป์ลีกได้อย่างสวยงาม ด้วยการเก็บไปถึง 102 แต้มเต็มๆ
หลังได้แชมป์นักเตะเลสเตอร์ขึ้นรถแห่ พาเหรดฉลองแชมป์ไปทั่วเมือง ซึ่งทั้งนักเตะ สตาฟฟ์โค้ช และแฟนบอล ต่างมีความสุขอย่างที่สุด เพราะการเลื่อนชั้นครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การเลื่อนชั้นธรรมดา แต่ทุกคนผ่านเหตุการณ์ความเจ็บปวดมาด้วยกันแล้วในการพ่ายแพ้วัตฟอร์ด
ยิ่งเสียใจมากเท่าไหร่ วันที่ดีใจ ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
สำหรับอัยยวัฒน์ เขาได้รับเครดิตอย่างมาก จากการที่ยึดมั่นในผู้จัดการทีมและนักเตะชุดเดิม โดยไม่ไปหวั่นไหวกับเสียงวิจารณ์จากสื่อ ถ้าหากวันนั้นเขาเลือกจะปลดโค้ชจริงๆล่ะก็ นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะได้แชมป์แบบนี้ไหม
10 ปีที่แฟนเลสเตอร์รอคอย เปลี่ยนเจ้าของทีมมา 2 ครั้ง ในทีสุดก็ได้เลื่อนกลับมาสู่ลีกสูงสุดในยุคของพ่อลูกศรีวัฒนประภานั่นเอง
ดังนั้นเมื่อเห็นอัยยวัฒน์ ได้รางวัลเจ้าของสโมสรยอดเยี่ยมอันดับ 2 ในระบบฟุตบอลอังกฤษ ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้แปลกใจนัก
สิ่งต่างๆที่เขาทำมันเป็นคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว
เลสเตอร์ ซิตี้ จากทีมระดับกลางตารางตอนเขาเทกโอเวอร์ ในเวลาไม่กี่ปี ก้าวมาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก และในฤดูกาลนี้ ก็ไม่น่าพลาดโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นี่คือพัฒนาการอย่างแท้จริง
เรารู้ว่าไม่ง่ายที่พวกคนยุโรปจะยอมรับคนต่างชาติ คือคุณต้องมีผลงานดีจริงๆ ถึงจะได้รับการยอมรับจากใจ
ดังนั้นเมื่อได้เห็นอัยยวัฒน์ได้รับการยกย่องมากขนาดนั้น ในฐานะคนไทยก็ต้องบอกว่า
เออ เจ้าของทีมเลสเตอร์คนนี้มีหัวก้าวหน้าดีจริงๆ
#Leicester
โฆษณา