25 ก.พ. 2020 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
“อัลคาทราซ (Alcatraz) คุกในตำนานแห่งสหรัฐอเมริกา”
ตอนที่ 5
สงครามในอัลคาทราซ
สำหรับนักโทษที่รับสภาพความเป็นอยู่ไม่ได้ พวกเขารู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องเสีย ราคาของอิสรภาพนั้นถึงแม้จะสูง แต่ก็คุ้มที่จะเสี่ยง
ค.ศ.1946 (พ.ศ.2489) “เบอร์นาร์ด คอย (Bernard Coy)” นักโทษหมายเลข #415 ได้วางแผนแหกคุก
คอยนั้นทำงานในห้องสมุด เขาสามารถเดินไปทั่วเรือนจำและพูดคุยกับนักโทษคนอื่นๆ ขณะเอาหนังสือไปส่งให้ได้ โดยที่ผ่านมา คอยนั้นได้สังเกตเจ้าหน้าที่ คอยสังเกตพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่
เบอร์นาร์ด คอย (Bernard Coy)
ที่อัลคาทราซ นอกจากนักโทษจะต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด เจ้าหน้าที่เองก็ต้องปฏิบัติตามกฎ เช่น หากเจ้าหน้าที่ต้องการกุญแจที่จะไขไปสู่สวน ก็ต้องเคาะประตูก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่ๆ ดูแลในส่วนของห้องเก็บอาวุธทางตะวันตกก็จะค่อยๆ หย่อนกุญแจลงมาให้
บ่ายของวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ.1946 (พ.ศ.2489) คอยและคู่หูก็ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมนี้
คอยได้เคาะประตูของบล๊อค D เป็นสัญญาณให้เพื่อนของเขา “แซม ช็อกลีย์ (Sam Shockley)” ตะโกนดังๆ อย่างบ้าคลั่ง ทำให้เจ้าหน้าที่รีบวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
แซม ช็อกลีย์ (Sam Shockley)
ในขณะเดียวกัน “มาร์วิน ฮับบาร์ด (Marvin Hubbard)” ซึ่งทำงานในครัวได้ขอตัวออกไปจากครัว โดยขณะนั้นเขาทำงานเสร็จแล้วและขอตัวไปสูดอากาศในสวน
ฮับบาร์ดได้ออกไปจากครัว และยืนให้เจ้าหน้าที่ “บิลล์ มิลเลอร์ (Bill Miller)” ทำการค้นตัว
1
คอยได้ย่องมาทางด้านหลังของเจ้าหน้าที่มิลเลอร์และล๊อคคอของเขา ส่วนฮับบาร์ดก็ชกหน้าของเจ้าหน้าที่มิลเลอร์จนสลบ
คอยได้เอากุญแจจากเจ้าหน้าที่มิลเลอร์และเปิดห้องขัง โดยช่วงที่ผ่านมาหลายเดือนนั้น เขาแอบสังเกตว่ากุญแจดอกไหนเป็นดอกที่ใช้ไขเปิดห้องขัง
2
คอยและฮับบาร์ดช่วยกันยกร่างของเจ้าหน้าที่มิลเลอร์เข้ามาในห้องขัง จากนั้นก็เอาเสื้อแจ๊กเก็ตและกางเกงของเจ้าหน้าที่มิลเลอร์ไป ก่อนที่จะใช้กุญแจปล่อยนักโทษคนอื่นๆ ออกมาด้วย
จากนั้น คอยก็เอาถุงใส่เครื่องมือที่เขาแอบซ่อนไว้ และนำที่งัดเหล็กออกมา และคาบถุงเครื่องมือไว้ในปาก จากนั้นก็ปีนขึ้นไปยังห้องเก็บอาวุธ
เมื่อขึ้นมาแล้ว เขาก็นำที่งัดเหล็กแยกลูกกรงให้ห่างกัน ก่อนจะค่อยๆ ลอดตัวเข้าไป ซึ่งที่ผ่านมานั้น เขาได้อดอาหารเป็นเวลานานเพื่อที่จะได้ผอมและสามารถลอดลูกกรงเข้าไปได้
เขาค่อยๆ หลบซ่อน ก่อนจะส่งสัญญาณให้นักโทษอีกคนที่เขาเพิ่งปล่อยออกมา
นักโทษอีกรายเคาะประตูสวนเพื่อเป็นสัญญาณให้เจ้าหน้าที่หย่อนกุญแจลงมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้ตัวเลย และคอยก็ใช้ไม้ฟาดจนเจ้าหน้าที่สลบ
ที่งัดเหล็กจำลอง
คอยค้นจนเจอพวงกุญแจและยังได้ปืนมาอีก
เขาได้ส่งปืนให้นักโทษอีกคน จากนั้นเขาก็คว้าปืนไรเฟิลที่พบ
ในช่วงไม่กี่นาทีต่อมา คอยและเพื่อนได้พยายามจะหากุญแจดอกที่ถูกต้อง นั่นคือกุญแจเบอร์ #107 ซึ่งเป็นกุญแจที่จะเปิดประตูไปสู่สวน โดยพวกเขาลองกุญแจทุกดอก แต่ไม่มีดอกไหนใช้ได้เลย
ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่มิลเลอร์จะทำผิดกฎซะเอง เขาควรต้องนำกุญแจที่ไขไปสู่สวนมาคืนในห้องเก็บอาวุธ แต่เขากลับเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อ
เจ้าหน้าที่จำนวนมากรีบรุดมายังจุดเกิดเหตุ แต่ก็ถูกจับเป็นตัวประกัน โดยนักโทษต้องการทราบว่ากุญแจดอก # 107 อยู่ไหน และเจ้าหน้าที่มิลเลอร์ก็โกหกว่ากุญแจน่าจะยังอยู่ที่ห้องเก็บอาวุธ แต่จริงๆ แล้วเจ้าหน้าที่มิลเลอร์ได้เก็บกุญแจไว้ในห้องขัง
เจ้าหน้าที่ๆ อยู่ห้องใต้ดินรีบวิ่งขึ้นมาและทราบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่จึงรีบวิ่งกลับลงไปและโทรเรียกหัวหน้า และเปิดสัญญาณ
คอยเอาปืนไรเฟิลมาทุบกระจกหน้าต่างและยิงไปยังเจ้าหน้าที่ในหอสังเกตการณ์สามแห่ง และเพื่อนของเขาก็เอาปืนออกมาและยิงใส่เจ้าหน้าที่ๆ เก็บไว้เป็นตัวประกันเนื่องจากเขาไม่ต้องการให้มีพยานหลงเหลือ
แต่ในขณะที่เพื่อนของคอยไม่ได้สังเกต เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ได้แอบจดรายชื่อของนักโทษทั้งหกที่ทำการแหกคุก
เจ้าหน้าที่ด้านนอกได้ติดต่อเข้ามาในเรือนจำเพื่อเจรจากับนักโทษ ซึ่งนักโทษทั้งหลายก็ไม่ยอมให้จับเป็น
สงครามนี้ดำเนินไปเป็นเวลากว่าสามวัน มีการสาดกระสุนใส่กันเป็นระยะๆ และมีเจ้าหน้าที่มากมายมายังอัลคาทราซเพื่อหาทางจบเหตุการณ์จับตัวประกันนี้
ได้มีการเจาะรูเข้าไปในเพดานเรือนจำ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะโยนระเบิดเข้าไป ซึ่งเสียงระเบิดนั้นดังมากจนได้ยินข้ามทะเลไปถึงฝั่งซานฟรานซิสโกเลยทีเดียว
เมื่อสงครามนี้จบ คอย ฮับบาร์ด และนักโทษอีกรายเสียชีวิต ที่เหลือถูกประหารด้วยการรมแก๊ส ส่วนอีกคนนั้นถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 99 ปี
ศพของคนร้ายจากเหตุการณ์แหกคุกอัลคาทราซ
ส่วนเจ้าหน้าที่มิลเลอร์ก็ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ตัวประกันส่วนใหญ่ก็รอดชีวิต
เหตุการณ์สงครามในอัลคาทราซครั้งนี้ไม่ใช่ความพยายามแหกคุกอัลคาทราซครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ตลอดระยะเวลา 29 ปีในฐานะเรือนจำกลาง ได้มีความพยายามแหกคุกอีกกว่า 14 ครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ และดูเหมือนอัลคาทราซจะเป็นคุกที่ไม่ว่าใครที่เข้ามา ก็ไม่สามารถหนีไปได้
แต่ดูเหมือนนักโทษจะไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาไม่คิดว่าการแหกคุกอัลคาทราซนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ตอนต่อไป ผมจะเล่าถึงความพยายามแหกคุกอัลคาทราซครั้งอื่นๆ และน่าจะเป็นครั้งที่โด่งดังที่สุด
ฝากติดตามด้วยนะครับ
โฆษณา