25 ก.พ. 2020 เวลา 08:06 • ข่าว
ยอดผู้ติดเชื้อ Coronavirus ทะลุ 8 หมื่นรายแล้ว ! WHO ออกแถลงการณ์เตรียมรับมือการระบาดครั้งใหญ่
ในจีนสถานการณ์ดีขึ้น แต่ประเทศอื่นกลับแย่ลง...
สรุปข้อมูลเบื้องต้น
ยอดผู้ติดเชื้อล่าสุด 80,154 ราย
รักษาหายแล้ว 27,691 ราย
เสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 2,701 ราย
เคสที่ยังรับการรักษา 49,762 ราย
เคสที่เสร็จสิ้นไปแล้ว 30,392 ราย
ซึ่งในเคสที่ยังรักษาอยู่ในขณะนี้ 40,547 (81%) ของผู้ป่วย มีอาการไม่รุนแรง และอีก 9,215 ราย (19%) มีอาการรุนแรงไปจนถึงขั้นอาการสาหัส
ในเคสที่เสร็จสิ้นไปแล้วนั้น 27,691 ราย (91%) ของผู้ป่วยรอดชีวิต และอีก 2,701 ราย (9%) เสียชีวิต
Source : Worldometer
สังเกตได้ว่ายอดผู้ติดเชื้อโดยรวมนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตค่อนข้างเพิ่มขึ้นอย่างคงตัว
ในด้านของยอดผู้ติดเชื้อรายวัน แนวโน้มทางสถิติแสดงให้เห็นถึงการแกว่งตัวไปมา(เพิ่มบ้างลดบ้าง) แต่แนวโน้มโดยรวมนั้นลดลงอย่างต่อเนื่องในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
Grow Factor ของยอดผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายถึงอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อเมื่อเวลาผ่านไปต่ำนั่นเอง (ตรงนี้ถือว่าจีนควบคุมได้ดีมาก)
ในฝั่งของผู้เสียชีวิตนั้นยังดูค่อนข้างน่าเป็นห่วง ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นค่อนข้างคงตัวตั้งแต่มีการระบาดเกิดขึ้น แนวโน้มของยอดผู้เสียชีวิตรายวันยังไม่ชัดเจนพอที่จะบอกได้ว่าต่อไป อัตราการตายจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง แต่ล่าสุดเห็นจีนออกข่าววัคซีนเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว ติดตามสถานการณ์ต่ออีกสัก 2 สัปดาห์คงเห็นอะไรชัดขึ้น
Source : Worldometer
Grow Factor ของยอดผู้เสียชีวิตรายวันแกว่งไปแกว่งมา และเพิ่มระยะสวิงมากขึ้นกว่าเดิม พฤติกรรมแบบนี้ไม่อาจสรุปได้ว่าจะไปในทิศทางไหน
สรุปเบื้องต้นยังมีทั้งข่าวดีข่าวร้ายเช่นเดิม ข่าวดีคือผู้ติดเชื้อในจีนนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง และอัตราการรอดชีวิตจากเคสที่เสร็จสิ้นแล้วก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนข่าวร้ายก็คือตอนนี้นอกจากจีนแล้ว หลายประเทศมีการระบาดหนักและรุนแรงขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก อัตราการเพิ่มขึ้นของโรคนอกประเทศจีนมีจำนวนใกล้เคียงกันกับที่เกิดขึ้นในประเทศจีนแล้ว เราไม่อาจตัดสินจากภาพรวมได้เลยว่าการระบาดของไวรัสจะลดลง จนกว่าจะมีประเทศหรือองค์กรไหนเริ่มรับรองและแจกจ่ายยาหรือวัคซีนที่สามารถรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งที่หวังได้มากที่สุดตอนนี้ก็คงเป็นจีน เพราะวัคซีนล่าสุดดูเหมือนจะเห็นผลในประเทศแล้ว
จะเห็นได้ว่ายอดผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนนั้นสวนทางกับแนวโน้มโดยรวมอย่างสิ้นเชิง เกาหลีใต้เกิดวิกฤตการระบาดอย่างรวดเร็วที่เรียกว่า "Super Spread" ทำให้ล่าสุดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลกอย่างรวดเร็ว (2-3 วัน) สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ แม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะพยายามห้ามไม่ให้เกิดการชุมนุม เพราะจะทำให้เกิดการติดต่อในวงกว้าง แต่ประชาชนก็ไม่ยอมฟัง ต้องรอดูต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฝั่งอิตาลีและอิหร่านเองก็ดูเหมือนจะมีการระบาดหนักมากขึ้น
กรณีของ Super spread ที่เห็นได้ชัดก็คือ ในเรือสำราญ Diamond Princess ที่ผู้ป่วยฮ่องกงเพียงรายเดียว สามารถแพร่กระจายโรคได้ 500-600 คน ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ทั้งที่มีมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ และรู้ก่อนด้วยซ้ำ
ในกรณีของเคสที่มีอาการรุนแรงจนถึงขั้นสาหัสนั้นจากสถิติก็ยังไม่สามารถบอกได้เลยว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงต่อไป เพราะแนวโน้มโดยรวมนั้นเพิ่มขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้นกำลังลดลง ต้องรอดูต่อไปครับ
ลองมาดูกราฟเปรียบเทียบในกรณีต่าง ๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
1. กราฟแรกเปรียบเทียบระหว่างยอดผู้ติดเชื้อในจีน (สีส้ม) ยอดผู้รอดชีวิต (สีเขียว) และยอดผู้ติดเชื้อนอกจีน (สีเหลือง) ซึ่งกราฟนี้จะเห็นภาพของผู้ติดเชื้อนอกจีนไม่ชัดเจนนัก เพราะเป็นอัตราส่วนประชากรที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจีน
1
Source : https://gisanddata.maps.arcgis.com
2. กราฟเปรียบเทียบระว่างผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้รอดชีวิตรายใหม่ ในส่วนนี้กราฟค่อนข้างดูดี เนื่องจากผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่องในขณะที่ผู้รอดชีวิตสูงรายใหม่กว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่แล้ว พูดง่าย ๆ คือรักษาได้เร็วกว่าการแพร่ระบาดนั่นเอง (กราฟมีทั้งแบบเส้นและแบบแท่ง)
Source : https://gisanddata.maps.arcgis.com
3. กราฟเปรียบเทียบระหว่างผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิตในเคสที่เสร็จสิ้นไปแล้ว จะเห็นได้ว่าค่อนข้างดูดีเช่นกัน จากวันที่ 2 กุมภา อัตราการรอดชีวิตอยู่ที่ 58.20% เท่านั้น แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นอย่างมากมาอยู่ที่ 91.80% ในขณะที่อัตราการตายเดิม 41.80% ลดลงมาอยู่ที่ 8.95%
สิ่งที่น่าสนใจคือ การระบาดของโรคนี้เป็นเวลาเพียง 2 เดือนกว่า มีจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างเป็นทางการมากกว่าโรค SARS ที่เคยระบาดในปี ค.ศ. 2002 ถึง 10 เท่า และมีผู้เสียชีวิตมากกว่าเกือบ 4 เท่า ทั้งที่ SARS ใช้เวลาในการระบาดถึง 9 เดือนจึงจะควบคุมได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับโรค MERS ที่เคยระบาดในปี ค.ศ. 2012 พบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่าถึง 32 เท่า และยอดผู้เสียชีวิตมากกว่าเกือบ 3 เท่า ซึ่งการระบาดของ MERS นั้นใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 9 เดือนเช่นกัน
1. SARS มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 8,098 ราย และผู้เสียชีวิต 778 ราย แพร่ระบาดใน 26 ประเทศทั่วโลก
2. MERS มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 2,494 ราย และผู้เสียชีวิต 858 ราย แพร่ระบาดใน 27 ประเทศทั่วโลก
3. Covid-19 มีผู้ติดเชื้อล่าสุด 80,154 ราย และผู้เสียชีวิต 2,701 ราย แพร่ระบาดใน 37 ประเทศทั่วโลก และยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าควบคุมได้
Source : https://gisanddata.maps.arcgis.com
10 อันดับประเทศ/เขตที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด
1. จีน 77659 ราย
2. เกาหลีใต้ 893 ราย
3. เรือ Diamond Princess 691 ราย
4. อิตาลี 231 ราย
5. ญี่ปุ่น 160 ราย
6. สิงคโปร์ 90 ราย
7. ฮ่องกง 81 ราย
8. อิหร่าน 61 ราย
9. อเมริกา 53 ราย
10. ไทย 37 ราย
ตอนนี้ทั่วโลกเป็นยังไงกันบ้าง ?
1. ECDC กำลังติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด
ECDC ได้ติดต่อกับทางการอิตาลีเพื่อให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นทั้งหมด จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ECDC กำลังประเมินผลกระทบในอิตาลีมีต่อความเสี่ยงโดยรวมสำหรับ EU / EEA โดย ECDC ยังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด EU และ WHO เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับการสนับสนุนที่ดีที่สุด
เนื่องจากสถานการณ์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วจึงคาดว่าจะมีผู้ป่วยในอิตาลีและ EU เพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทางการอิตาลีระบุรายชื่อทั้งหมดของเคสที่ได้รับการยืนยันและได้ประกาศมาตรการด้านสาธารณสุขสำหรับการกักกันรวมถึงการระงับการชุมนุมจำนวนมากการ ระงับการเลี้ยงดูเด็ก โรงเรียนและการเข้าถึงบริการสาธารณะที่สำคัญต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นการรวมผู้คน
2. CDC ออกมาแถลงกาณ์ ซึ่งฟังดูค่อนข้างย้อนแย้งในตัวเอง ดังนี้
"เราเชื่อว่ามาตราการจำกัดการเดินทางของเราได้ผล เป็นข่าวดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เราเห็นคือบางประเทศในเอเชียที่เริ่มมีความสามารถในการตรวจพบผู้ป่วย แต่ไม่ทราบว่าแหล่งที่มาของการติดเชื้อคืออะไร"
"เราจะไม่เห็นการแพร่กระจายในสหรัฐอเมริกาเลย แต่มันก็เป็นไปได้มากและมีแนวโน้มว่าในที่สุดมันก็อาจจะเกิดขึ้น"
"ไวรัสตัวใหม่นี้แสดงให้เห็นถึงภัยคุกคามด้านสาธารณสุขอย่างมาก เรายังไม่มีวัคซีนและยารักษาโรคที่เฉพาะเจาะจงสำหรับไวรัสตัวใหม่นี้"
"เรากำลังดำเนินการอยู่และจะดำเนินการต่อไปอย่างเข้มงวดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อลดผลกระทบของไวรัสนี้"
"เรากำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสุขภาพของรัฐในระดับท้องถิ่นและภูมิภาคเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อตอบสนองต่อกรณีและความเป็นไปได้ที่การระบาดครั้งนี้จะทวีความรุนแรงมากขึ้น"
สรุปคือมันฟังเหมือนจะดูดีแต่ทำไมมันแย่ลงเนี่ย ? ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดแล้วแหละครับ
3. WHO ออกแถลงการณ์เตรียมรับมือการระบาดครั้งใหญ่ดังนี้
"แม้ว่าจำนวนผู้ป่วย COVID-19 ทั้งหมดที่อยู่นอกประเทศจีนยังคงค่อนข้างน้อย แต่เรามีความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับต้นกำเนิดการระบาดที่ชัดเจน เช่น ประวัติการเดินทางไปยังประเทศจีนหรือการติดต่อกับผู้ป่วยที่ยืนยันแล้ว" (ง่าย ๆ คือไม่รู้ที่มา อยู่ ๆ ก็เป็นเลย)
"ตอนนี้เราอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมสำหรับการระบาดใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น"
*** "Pan Demos หรือ Pandemic (โรคระบาดทั่ว) เป็นแนวคิดที่มีความเชื่อว่าประชากรโลกทั้งโลกน่าจะได้รับเชื้อนี้และอาจมีสัดส่วนของผู้ป่วยตามที่เราเห็นในไข้หวัดใหญ่ แต่มันเกิดขึ้นในรูปแบบที่แตกต่างกัน"
*** คำว่า “มีสัดส่วนเหมือนไข้หวัดใหญ่” หมายความว่าเกิดระบาดไปทั่วทุกพื้นที่ในโลก และมีการเสียชีวิตเยอะมาก จึงเรียกว่า Pandemic ส่วนคำว่า “รูปแบบที่แตกต่างกัน” น่าจะหมายถึงลักษณะของเชื้อไวรัส ลักษณะของการติดเชื้อ อาการป่วย และความรุนแรงโรค
"การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่บางครั้งเรียกได้ว่าเร็วมากเพราะเคยมีการระบาดหลายครั้ง และเรารู้ว่าไข้หวัดใหญ่มีการแพร่เชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงในเขตชุมชน (อย่างที่เราเห็นในไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล) และมันได้รับการพิสูจน์มาครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นการพูดว่าการระบาดครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น ในสถาการณ์เช่นนี้ไม่เวอร์อย่างแน่นอน"
"สิ่งที่เราไม่เข้าใจ คือการติดเชื้อ Covid-19 เป็นรูปแบบการแพร่กระจายตัวที่แน่นอน สังเกตได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจีน เราเห็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเคสปัจจุบัน ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อไวรัสและการลดลงตามลำดับในจำนวนผู้ป่วยนั้นขัดกับตรรกะของการระบาดทั่ว"
"แต่เราเห็นตรงกันข้ามกันในกรณีของประเทศอื่นที่การระบาดเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างมาก เช่น เกาหลีใต้ อิตาลี และอิหร่าน ดังนั้นเรายังคงอยู่ในความสมดุล" (สมดุล หมายถึงจีนลดลงแล้วแต่ประเทศอื่นเพื่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วงเลยเจ๊า ๆ กันไป แต่เอ๊ะ แบบนี้มันใช่เหรอ?)
"ถึงเวลาแล้วที่จะทำทุกอย่างที่คุณเตรียมไว้สำหรับการระบาดใหญ่ แต่มันยังเร็วเกินไปที่จะประกาศยืนยันถึงการระบาดครั้งใหญ่นี้"
"เรายังคงพยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยงครั้งนี้ และพยายามหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด หลายประเทศกำลังประสบความสำเร็จในการทำเช่นนั้น"
"ดังนั้นเราจึงมุ่งเน้นไปในสิ่งที่เราสามารถทำได้ การเตรียมของเราหมายถึง การตรวจสอบกรณีผู้ป่วยและเตรียมการรักษา รวมถึงการติดตามผู้ป่วย และผู้ได้รับการติดต่อ การวางมาตรการกักกันที่เพียงพอ ซึ่งเราอาจออกมาตรการหลัก 5 ถึง 6 อย่างเพื่อใช้แทรกแซงในหลายประเทศ"
4. อิตาลีกลายเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยและเสียชีวิตมากที่สุดในยุโรป
คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของผู้ป่วยทั้งหมดในยุโรป อย่างน้อย 50,000 คนกำลังรอผลการชันสูตรในอย่างน้อย 10 เมือง สถานที่ทำงานของรัฐและเอกชน สถานีรถไฟ 3 แห่ง รวมถึงร้านกาแฟและสถานที่สาธารณะปิดทั้งหมดในเมืองที่ได้รับผลกระทบ การแข่งฟุตบอลถูกเลื่อน มหาวิทยาลัยหลายสิบแห่งปิดทำการ ภูมิภาค Friuli Venezia Giulia ประกาศภาวะฉุกเฉิน
5. ฝั่งเกาหลีใต้ ประธานาธิบดีมูนแจอินยกระดับการแจ้งเตือนเป็นระดับสูงสุด
เกาหลีใต้ได้ยกระดับภาวะฉุกเฉินเป็นระดับสูงสุดคือระดับ 4 (ร้ายแรง) รัฐบาลจำเป็นต้องปิดเมืองและจำกัดการเดินทาง "อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับเรา" เขากล่าวในการประชุมฉุกเฉิน ในขณะเดียวกันก็ออกมาตราการห้ามมิให้มีการชุมนุมของผู้คนแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา