1 มี.ค. 2020 เวลา 02:00 • การศึกษา
“ตะกั่ว” พิษร้ายที่แฝงมาในคราบเครื่องประทินโฉม
เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ใช้กับร่างกายโดยตรง ดังนั้นมันจึงต้องปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ แต่ก่อนที่จะมาเป็นสินค้าที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเหมือนอย่างในปัจจุบันนี้ ของที่แสนอันตรายอย่าง “ตะกั่ว” ก็เคยเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางมาแล้ว
ย้อนกลับไปในยุคอดีต ตะกั่วถูกใช้เป็นเครื่องประทินโฉมอย่างแพร่หลายในหลายยุค และหลายพื้นที่ ทั้งในยุคอียิปต์โบราณ กรีกโบราณ หรือในประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษตั้งแต่ช่วงยุคกลางจนเกือบถึงศตวรรษที่ 19
โดยสาเหตุที่สารตะกั่วได้รับความนิยมในหลายๆ พื้นที่นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้คนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับความอันตรายของสารพิษดังกล่าวนี้ ประกอบกับความเชื่อเกี่ยวกับความงาม และค่านิยมทางสังคมที่เอื้อให้ตะกั่วเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน
ในประการแรก เครื่องสำอางค์ของชาวอียิปต์โบราณมักมีส่วนประกอบของตะกั่วเป็นหลักเพราะพวกเขาเชื่อกันว่าตะกั่วมีคุณสมบัติสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และสามารถป้องกันการติดต่อของเชื้อโรคที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนั้นได้อีกด้วย
ในประการที่สองคือค่านิยมทางสังคม ซึ่งในอังกฤษ และฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 14-19 นั้นก็มีค่านิยมที่ว่า คนผิวขาวดูดี บ่งบอกถึงความเป็นชนชั้นสูง และตะกั่วก็สามารถตอบโจทย์ความขาวได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้มันจึงได้กลายเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่รักสวยรักงามในยุคนั้น
แต่ของอันตรายก็คือของอันตราย เพราะในยุคที่ตะกั่วเป็นที่นิยมนั้นก็มีผู้คนมากมายล้มตายด้วยสาเหตุจากโรคมะเร็ง หรือทางเดินหายใจล้มเหลว หรืออันตรายอื่นๆ ที่มาจากตะกั่วที่นิยมนำมาทาหน้า
จนกระทั่งยุคปัจจุบัน องค์ความรู้ของสารพิษอันตรายนี้เริ่มเจาะลึกและแพร่หลายมากขึ้น จนในที่สุด ตะกั่ว ก็ถูกขึ้นบัญชีเป็นสารอันตรายต้องห้ามในวงการแพทย์และวงการความงามในหลายๆ ประเทศ
นี่ก็ถือเป็นบทเรียนเกี่ยวกับความสวยความงามของมนุษย์ ถึงแม้จะเป็นสิ่งของที่สามารถเนรมิตรรูปโฉมให้งดงาม แต่ก็อาจมีอันตรายแฝงอยู่
ดังนั้นเมื่อจะเลือกใช้สินค้าเสริมความงาม ก็ควรคำนึงถึงความปลอดภัย และใส่ใจกับความภายในอย่างสุขภาพและจิตใจควบคู่กันไป เพื่อความสวยนั้นจะได้คงอยู่อย่างยั่งยืน
อยากรู้เรื่องอะไร อยากอ่านบทความเเบบไหน ส่งคำถามมาให้ "สมองไหล" ได้ง่ายๆ เพียง “กดลิ้ง” ข้างล่างนี้ได้เลย
โฆษณา