27 ก.พ. 2020 เวลา 05:06 • ประวัติศาสตร์
“อัลคาทราซ (Alcatraz) คุกในตำนานแห่งสหรัฐอเมริกา”
ตอนที่ 6 (ตอนจบ)
1
การหนีที่ประสบความสำเร็จ
มิถุนายน ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) “แฟรงก์ ลี มอร์ริส (Frank Lee Morris)” อัจฉริยะ ผู้เชี่ยวชาญในการหลบหนีได้วางแผนร่วมกับนักโทษอีกสามคน
นั่นคือ “อัลเลน เคลย์ตัน เวสต์ (Allen Clayton West)” “จอห์น แองกลิน (John Anglin)” และ “แคลเรนซ์ แองกลิน (Clarence Anglin)”
แฟรงก์ ลี มอร์ริส (Frank Lee Morris)
อัลเลน เคลย์ตัน เวสต์ (Allen Clayton West)
จอห์น แองกลิน (John Anglin)
แคลเรนซ์ แองกลิน (Clarence Anglin)
เป็นเวลาหลายเดือนที่นักโทษทั้งสี่ใช้เวลาในตอนกลางคืน แอบเจาะช่องตะแกรงของช่องระบายอากาศ โดยสิ่งที่ใช้เจาะคือช้อนที่แอบขโมยมา โดยพวกเขาต้องการจะแอบออกไปยังเฉลียงฝั่งตรงข้าม
1
เฉลียงที่เป็นจุดหมายของพวกเขานั้นอยู่ระหว่างบล๊อคทั้งสอง
พวกเขาใช้ช้อนเจาะทีละนิดๆ และเมื่อผ่านไปนานวัน ช่องตะแกรงก็ค่อยๆ แตกออก โดยพวกเขาจะอำพรางเศษฝุ่นจากการเจาะด้วยการกดลงชักโครก หรือไม่ก็จะทำเนียนด้วยการทำเป็นว่านั่นคือฝุ่นจากการทำงานในแต่ละวัน
1
ในขณะที่นักโทษสองคนทำหน้าที่เจาะ อีกสองคนก็จะคอยดูต้นทาง และพวกเขาก็จะปิดบังร่องรอยด้วยการใช้กระดาษแข็งมาทำเป็นตะแกรงของปลอม และทาสีกระดาษแข็งนี้ให้ดูเหมือนของจริง
ช่องตะแกรงที่นักโทษใช้หลบหนี
สำหรับแผนการต่อไป แผนนี้จะเสี่ยงยิ่งกว่าเดิม
แผนนี้ต้องใช้สบู่ ผ้าขี้ริ้ว กระดาษทิชชู่ และเส้นผมที่เก็บมาจากร้านตัดผม เพื่อนำมาใช้ทำเป็นศรีษะจำลอง และลงสีให้ดูเหมือนของจริง
พวกเขาใช้ศรีษะจำลองนี้มาวางไว้บนเตียงเพื่อหลอกเจ้าหน้าที่ในระหว่างที่พวกเขากำลังหลบหนี ให้เจ้าหน้าที่ไม่ทันสังเกต
ศรีษะปลอมที่นำมาใช้หลอกเจ้าหน้าที่
เมื่อแผนการหนีถูกวางไว้แล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องหาทางหนีออกจากเกาะ
มอร์ริสได้ไอเดียมาจากนิตยสารที่เคยอ่าน เขาจะสร้างแพและเสื้อชูชีพจากเสื้อกันฝน
ภายหลังจากที่มีการดับไฟในคืนวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) มอร์ริสและสองพี่น้องแองกลินได้จัดการนำศรีษะปลอมวางไว้บนที่นอน และหลบหนีออกทางรูที่เจาะไว้ ไปยังเฉลียงอีกด้าน
แต่เวสต์ไม่สามารถย้ายตะแกรงออกได้ทันเวลา ทำให้เขาถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง
มอร์ริสและแองกลินปีนขึ้นสู่หลังคา โดยต้องคอยหลบแสงสปอร์ตไลท์ที่คอยส่องไปรอบๆ
1
ทั้งสามคนต้องค่อยๆ ปีนลงมาสู่พื้นดิน และวิ่งไปยังแม่น้ำ ก่อนจะเอาแพที่ทำออกมา และเริ่มพายเข้าหาฝั่ง
เช้าวันต่อมา เมื่อเจ้าหน้าที่พบว่าศรีษะที่พบนั้นเป็นของปลอม และนักโทษที่เกี่ยวข้องได้หายไปแล้ว ทั่วทั้งอัลคาทราซก็ตกอยู่ในความโกลาหล
เอฟบีไอเข้ามาช่วยหาตัวนักโทษพร้อมสุนัขตำรวจ ก่อนที่สุนัขตำรวจจะดมกลิ่นไปจนถึงแม่น้ำ และการค้นหาแทบพลิกแผ่นดินก็ยังคงดำเนินต่อไป
มีการค้นพบเศษแพและเสื้อชูชีพ แต่ไม่มีรายงานถึงการขโมยรถหรืออาชญากรรมในบริเวณใกล้เคียง
ดูเหมือนนักโทษจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เอฟบีไอได้ปิดคดีนี้ในปีค.ศ.1979 (พ.ศ.2522) มอร์ริสและสองพี่น้องแองกลินถูกประกาศว่าเสียชีวิต โดยคาดว่าน่าจะจมน้ำในระหว่างการหลบหนี
แต่ไม่เคยมีการพบศพของนักโทษทั้งสาม
การแหกคุกครั้งนี้ได้ทำให้ชื่อเสียงของอัลคาทราซนั้นเสื่อมลงมาก และก็มีการเปิดเผยถึงความเสื่อมโทรมภายในคุก ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนจำที่เก่ามาก ระบบต่างๆ ก็เริ่มจะพัง
21 มีนาคม ค.ศ.1963 (พ.ศ.2506) อัลคาทราซได้ขนย้ายนักโทษชุดสุดท้ายออกไป
ภายหลังจากปิดอัลคาทราซ ก็ยังมีเรื่องวุ่นๆ ตามมาอีก นั่นคือการเรียกร้องสิทธิในอัลคาทราซของกลุ่มชนเผ่าพื้นเมือง และจนถึงวันนี้ อัลคาทราซก็ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม และได้กลายเป็นหนึ่งตำนานที่ยังเป็นที่เล่าขานจนถึงทุกวันนี้
จบลงแล้วสำหรับซีรีส์ชุดนี้ ซีรีส์ชุดต่อไปจะเป็นเรื่องราวของเฉินหลง ก่อนจะไปยังซีรีส์ชุดใหญ่ที่น่าจะเป็นเรื่องที่เขียนยากเรื่องหนึ่ง นั่นคือสงครามครูเสด
ฝากติดตามด้วยนะครับ
โฆษณา