1 มี.ค. 2020 เวลา 13:33
ทำไมโคโรนาไวรัสไม่ระบาดในอินเดีย
ณ วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563 ที่ผมเขียนบทความนี้ มีคนติดเชื้อ COVID-19 ไปแล้วทั่วโลกราว 87,000 คน เสียชีวิตแล้ว 3,000 คน และรักษาตัวจนกลับบ้านได้แล้ว 42,000 คน
ใน 87,000 คน เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศจีน 80,000 คนหรือคิดเป็น 92% ของทั้งหมด
ส่วนอีก 7,000 คนที่เหลือก็กระจายไปตามประเทศต่างๆ มากที่สุดคือเกาหลีใต้ 3,500 คน เมืองไทยอยู่อันดับ 12 คือ 42 คน
ที่น่าสนใจก็คือประเทศอินเดีย ซึ่งในภาพจำของคนไทยหลายคนนั้นประชาชนไม่ได้มีสุขลักษณะที่ดีมากนัก แถมผู้คนก็อยู่กันอย่างแออัด
แต่อินเดียกลับมีผู้ป่วย COVID-19 แค่ 3 คน น้อยกว่าเยอรมันนี (79) อังกฤษ (23) และสวิตเซอร์แลนด์ (19) เสียอีก ทั้งๆ ที่เป็นประเทศที่มีประชากรถึง 1.34 พันล้านคน เป็นรองแค่ประเทศจีนเท่านั้น (1.39)
แถมผู้ป่วยทั้งสามคนในอินเดียยังกลับบ้านไปเรียบร้อยแล้วอีกต่างหาก ไม่มีใครเสียชีวิตเลยสักคนเดียว โดยทั้งสามคนที่ป่วยล้วนเป็นนักเรียน/นักศึกษาที่เพิ่งกลับมาจากอู่ฮั่นทั้งหมด
ทำไมอัตราการการติดเชื้อของคนอินเดียจึงต่ำถึงเพียงนี้?
ถ้าให้คิดเล่นๆ เร็วๆ ก็อาจจะเป็นเพราะว่า
– อินเดียรับมือสถานการณ์นี้ได้ดี
– ข้อมูลที่รายงานไม่ถูกต้อง
– คนอินเดียมีภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสมากกว่าชาติอื่น
– คนอินเดียไม่ค่อยได้เดินทางออกนอกประเทศ
ถ้าเป็นข้อหนึ่งก็คงดี ข้อสองเราคงไม่อาจพิสูจน์ได้ ส่วนข้อสามผมก็ยังไม่เจอข้อมูลที่ยืนยันเรื่องนี้
ส่วนข้อที่สี่นั้น จริงๆ แล้วคนอินเดียฐานะดีๆ ก็มีเยอะแยะ บินมาเที่ยวเมืองไทยก็ไม่น้อยในช่วงสามสี่ปีให้หลัง
แล้วอะไรอีกบ้างที่เรารู้ว่าเป็นข้อเท็จจริง ที่น่าจะเป็นปัจจัยทำให้คนอินเดียติดเชื้อน้อย?
เรื่องแรก คือคนอินเดียกินอาหารปรุงสุกเสมอ (กินร้อน) แถมคนอินเดียถึง 42% เป็นมังสวิรัติอีกด้วย
SARS (2003) มาจากตัวชะมด
Bird Flu (2006) มาจากนก
Swine Flu (2009) มาจากหมู
MERS (2012) มาจากอูฐ
COVID-19 มาจากค้างคาว
เมื่อกินเนื้อสัตว์น้อย แถมยังเป็นเนื้อที่ปรุงสุกแล้ว โอกาสติดเชื้อย่อมน้อยลง
เรื่องที่สองที่ผมคิดว่าอาจเป็นอีกปัจจัย คืออุณหภูมิครับ
นี่คืออุณหภูมิตอนกลางวันของสามเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของอินเดีย 3 เมืองแรก
มุมไบ (บอมเบย์) 31 องศา
เดลี 24 องศา
บังกาลอร์ 29 องศา
คราวนี้ลองไปดูอุณหภูมิของ 20 ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 สูงที่สุดกันดู (ยึดเอาอุณหภูมิของเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นหลัก ยกเว้นจีนที่จะใช้ของอู่ฮั่น)
ประเทศ / อุณหภูมิ / จำนวนผู้ติดเชื้อ
China / 15 / 79,827
South Korea / 7 / 3,526
Italy / 15 / 1,128
Iran / 15 / 593
Japan / 13 / 241
Singapore / 32 / 102
France / 8 / 100
Hong Kong / 23 / 95
Germany / 8 / 79
USA / -1 / 69
Spain / 9 / 58
Kuwait / 24 / 45
Thailand / 33 / 42
Bahrain / 25 / 41
Taiwan / 20 / 39
Australia / 24 / 25
Malaysia / 32 / 25
U.K. / -7 / 23
U.A.E. / 26 / 21
Canada / -7 / 20
ถ้าไม่นับประเทศในภูมิภาคนี้ (สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม) และประเทศที่มีคนจีนหนาแน่น (ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) จะเห็นว่าเกือบทุกประเทศใน Top 20 นั้นล้วนแต่อุณหภูมิตอนกลางวันต่ำกว่า 20 องศาทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกา
ส่วนประเทศที่ อุณหภูมิเฉลี่ยยี่สิบปลายๆ ถึงสามสิบองศาต้นๆ ตัวเลขกลับต่ำมาก
ประเทศ / อุณหภูมิ / จำนวนผู้ติดเชื้อ
India / 31 / 3
Cambodia / 32 / 1
Nigeria / 36 / 1
Sri Lanka / 29 / 1
หรือประเทศเหล่านี้ที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเลย
Saudi Arabia / 31 / 0 (อยู่เกือบติดกับอิหร่านและอิรัก)
Argentina / 27 / 0
Indonesia / 28 / 0
Kenya / 26 / 0
ผมรู้ดีว่าเรื่องอุณหภูมิสูง -> แพร่เชื่อน้อย และอุณหภูมิต่ำ -> แพร่เชื้อได้ดีกว่า อาจไม่ใช่สมมติฐานที่แข็งแรงนัก เพราะประเทศอย่างรัสเซียซึ่งอุณหภูมิต่ำเพียง 5 องศาก็ยังมีคนติดเชื้อเพียง 2 คน และประเทศที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเลยอาจจะมีแต่ไม่ได้รายงานก็ได้
เรื่องนี้ยังต้องดูกันอีกหลายสัปดาห์ว่าชาวโลกจะควบคุมสถานการณ์อยู่หรือไม่
แต่ผมก็แอบมีความหวังเล็กๆ สองเรื่อง
หนึ่งคือเมืองไทยกำลังเข้าสู่หน้าร้อน และสองโรงเรียนกำลังจะปิดเทอม ซึ่งน่าจะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมได้ไม่มากก็น้อย
แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลให้เราชะล่าใจ เรายังควรกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และหลีกเลี่ยงฝูงชนอยู่เหมือนเดิม แต่ก็ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินเลยจนไม่เป็นอันทำการทำงานครับผม
—–
“ช้างกูอยู่ไหน” หนังสือเล่มใหม่ของผมที่ว่าด้วยการลดทอนสิ่งที่ไม่ใช่ออกไปจากชีวิต มีวางขายที่นายอินทร์ ซีเอ็ด B2S Asia Books และ Kinokuniya แล้วนะครับ
โฆษณา