11 มี.ค. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #โดมิโนโควิด ]
ถึงตอนนี้ที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดหนักในยุโรป ลีกใหญ่น่าจะเหลือแค่พรีเมียร์ลีกเท่านั้น ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ปล่อยให้แฟนบอลเข้าสนามตามปกติ
ส่วนลีกของประเทศอื่นๆ ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะที่เลื่อนโปรแกรมออกไปไม่มีกำหนดอย่างของอิตาลี ซึ่งกัลโช่ระดับต่างๆ ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาหวดเมื่อไร
รัฐบาลอิตาลีสั่งปิดประเทศแล้ว หลังจากยอดผู้ติดเชื้อจะทะลุหมื่นรายเข้าไปทุกที ขณะที่เสียชีวิตจะแตะ 500 คนแล้ว
ที่สเปนประกาศออกมาแล้วว่าจะงดแฟนบอลเข้า 2 เกมลีกต่อจากนี้ นั่นหมายความว่าลาลีกาและลีกรองจะปิดประตูเตะไม่ให้แฟนบอลชม ยกเว้นนักข่าว ช่างภาพและเจ้าหน้าที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น
ที่ฝรั่งเศสลีกอาชีพต่างๆ จะห้ามกองเชียร์เข้าสนามเช่นเดียวกัน ลากยาวไปถึง 15 เมษายนเป็นอย่างน้อย หากทุเลาแล้วค่อยปล่อยให้เป็นไปตามปกติ
ที่เยอรมันเดเอฟแอลหรือสหพันธ์ฟุตบอลลีก อยู่ในขั้นตอนพิจารณาว่าจะหาทางออกอย่างไร อาจเป็นไปได้ว่าให้ปิดเตะเป็นคู่ๆไป สนามไหนอยู่ใกล้พื้นที่ระบาดหนักต้องเข้าเคสห้ามแฟนเข้า
คู่ที่ประกาศว่าจะไม่ให้แฟนบอลเข้าชมแล้ว คือ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัคกับโคโลญ ในวันพุธ 11 มี.ค. และโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์กับชาลเก้ เสาร์ 14 มี.ค. ซึ่งคู่นี้ถือเป็นดาร์บี้แมตช์ที่แฟนๆแห่งแคว้นรูห์ต่างตั้งตารอคอยกันทั้งสิ้น
ที่อังกฤษมีแนวโน้มว่าอาจต้องปรับตามกระแสด้วย พรีเมียร์ลีกและลีกรองต่างๆ จะต้องปิดประตูหวดเช่นเดียวกัน
โปรตุเกสก็เริ่มตื่นตัวตาม พรีเมร่า ลีกาหรือลีกสูงสุดกับ ลีกา โปร โดนสั่งปิดสนามแข่งเริ่มจากนัดที่ 25 จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง
ส่วนเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกสอง มีเปิดให้แฟนเข้าแค่ 3 เกมคือ แอร์เบ ไลป์ซิก - สเปอร์ส วันอังคาร ลิเวอร์พูล - แอต. มาดริด คืนวันพุธ 11 มี.ค.นี้ และ แมนฯ ซิตี้ - เรอัล มาดริด คืนวันอังคารที่ 17 มี.ค. 20
ที่เหลือปิดหมด
เช่นเดียวกับเกมยูฟ่า ยูโรปาลีกแมนฯยูไนเต็ดจะออกไปเยือนลินซ์ของออสเตรเลีย ก็ยืนยันมั่นเหมาะแล้วว่าจะห้ามกองเชียร์เข้ามา เพื่อป้องกันเชื่อกระจายตัว
ในยุโรปนี่น่าเหลือเชื่อมาก การเดินทางของเชื้อนี้รวดเร็วกว่าที่ใครคาดคิดประเทศที่คิดว่าเซฟอย่างสวิตเซอร์แลนด์ , ออสเตรีย , ฮอลแลนด์ , สวีเดน , นอร์เวย์ หรือเบลเยี่ยมต่างอ่วมไปตามๆกัน ยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ที่ญี่ปุ่นมีการขยับโปรแกรมกลับมาเตะใหม่เป็นวันที่ 3 เมษายนโน่นเลย จากที่ปักหมุดไว้ที่ปลายเดือนมีนาคม
บ้านเราเองเกมลีกทุกระดับก็ปิดเทอมยาว หลังสงกรานต์แล้วค่อยกลับมาฟาดแข้งกันใหม่ คาดเวลาถึงเวลานั้นสถานการณ์น่าจะกระเตื้องขึ้น การควบคุมสกัดไวรัสระบาดคงทำได้ดีกว่านี้
ในขณะที่ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียและเกมอุ่นเครื่องต่างๆตามปฏิทินฟีฟ่าหรือฟีฟ่าเดย์นั้น ถูกระงับไว้เช่นกัน เพราะนี่คือทวีปที่มีการแพร่เชื้อหนักมาก่อน
ทั้งจีน , เกาหลีใต้ , อิหร่าน หรือญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ฉะนั้นวิธีเลื่อนออกไปก่อนจึงเป็นทางออกดีสุดที่จะหยุดยั้งการแพร่ของไวรัสโควิด-19
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการแก้ปัญหาเปลี่ยนโปรแกรมหรือปิดประตูเล่นกันเอง ปราศจากแฟนบอลล้วนส่งผลกระทบหนักหนาสาหัสทั้งสิ้น
อย่างแรกเลยคือรายได้ที่หายไป อย่างปารีส แซงต์ แชร์กแมงประเมินแล้วตกนัดละ 5 ล้านยูโรทั้งส่วนค่าตั๋วและขายสินค้าที่ระลึกต่างๆ
พาร์ค เดอ แพร็งซ์ของเปแอสเชมีความจุไม่ถึง 5 หมื่นคน ยังสูญรายได้มากมายขนาดนั้น
แล้วลองนึกถึงบาร์เซโลน่ากับเรอัล มาดริดที่แต่ละแมตช์มีแฟนบอลเข้ามาทะลุ 8 หมื่นคนอยู่เสมอดูบ้าง เงินน่าจะหายเท่าตัวนั่นคือ 10 ล้านยูโร
ประเด็นที่สำคัญคือสโมสรใหญ่ๆเหล่านี้ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว อาจไม่ส่งผลกระทบเท่าไรนักและรายได้หลักไม่ได้มาจากค่าตั๋วกับสินค้าที่ระลึกอย่างเดียว
แต่สโมสรเล็กๆที่ต้องพึ่งพาแฟนบอลเป็นหลักล่ะ จะผ่านวิกฤตตรงนี้ไปได้อย่างไรกัน?
อย่าลืมว่าปิดสนามเตะอย่างนี้ ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นยังต้องมีเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างพนักงานในแต่ละส่วน การบำรุงดูแลสนาม ค่าน้ำค่าไฟและอุปกรณ์ต่างๆ ล้วนแต่เป็นต้นทุนทั้งสิ้น
พวกเขาประคับประคองอยู่ได้ เพราะค่าตั๋วเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยงเรื่อยมา เจออย่างนี้เข้าก็กระเป๋าฉีกเป็นแถว หนี้สินที่มีอยู่แล้วย่อมพอกพูนหนักกว่าเก่าอีก
แน่นอนว่าผลกระทบตรงนี้ต้องมีการเรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง โดยเฉพาะมาตรการหาทางเยียวยา ผ่อนจากหนักให้ทุเลาเบาลง ไม่อย่างนั้นพวกทีมเล็กๆจะอ่วมอรทัย เหมือนโดนไวรัสโควิด-19 เล่นงานตามไปด้วย
นี่คือส่วนที่เกี่ยวข้องกับรายได้เท่านั้น เป็นความสูญเสียระดับเบื้องต้น
ยังต้องมองไปข้างหน้าใคร่ครวญอีกว่า อีเวนต์กีฬาต่างๆ ยังต้องเผชิญอะไรอีกบ้าง
กลางปีนี้อีเวนต์ใหญ่แรกคือยูโร 2020 ที่จะกระจายกันเตะ 12 เมืองประเทศ ตามกำหนดโม่แข้งคือ 12 มิถุนายนถึง 12 กรกฎาคม 1 เดือนเต็มพอดิบพอ
12 ประเทศที่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพนี้ มีที่อยู่ในความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไวรัสทั้งอิตาลี , สเปน , เบลเยี่ยม , เยอรมัน , สวีเดน , ฮอลแลนด์ , อังกฤษ และ เวลส์
เชื่อกันว่าหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่า คงต้องจัดการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเมือง ปิดห้ามแฟนบอลเข้าซึ่งคงกร่อยอย่างมากหรือปรับโปรแกรมออกไป
เวลานี้ต้องยอมรับแล้วว่ายุโรปกลายเป็นโซนที่แพร่ไวรัสอย่างรวดเร็ว ลามสะพัดไป ที่สำคัญพื้นที่เล็กมาก ความแน่นของผู้คนสูง ยิ่งทำให้เกิดการกระจายตัวง่ายขึ้นกว่าเดิมอีก
หลังยูโรปิดฉากลง 12 วัน โอลิกปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียวจะเริ่มชิงชัยแย่งเหรียญรางวัลกันตั้งแต่ 24 กรกฎาคมลากยาวไปถึง 9 สิงหาคม
อย่างที่เรารับรู้กัน แม้ญี่ปุ่นจะควบคุมเรื่องการแพร่ติดเชื้อได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่อาจสกัดได้อย่างเด็ดขาด ยังคงมียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้น
แล้วต่อให้ญี่ปุ่นรับมือกับคนในประเทศได้จริง ถึงเวลาที่ทัวร์นาเมนต์เริ่มจะจัดการกับกลุ่มกองเชียร์หรือนักท่องเที่ยวจากที่อื่นได้ดีแค่ไหนกัน
มาตรการการป้องกันต่างๆเพื่อไม่ให้เกิดการกระจายตัวของเชื้อโรคจะทำอย่างไร ประเมินแล้วไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็มีผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น
ท่ามกลางข่าวลือว่ามีสิทธิ์เลื่อนไปก่อน บางทีอาจเป็นฤดูร้อนปี 2021 แทนจากนั้นค่อยวนรอบกลับมาเหมือนเดิมครั้งต่อไปในปี 2024 ที่ปารีสเป็นเจ้าภาพจะจัดตามปกติ
ส่วนที่กองเชียร์บ้านเรากังวลมากสุดเห็นจะเป็นพรีเมียร์ลีกนี่แหล่ะ
เวลานี้ทางการอังกฤษกำลังพิจารณาอย่างรอบคอบจากสถิติยอดผู้ติดเชื้อมากกว่า 200 คน ยังคงปล่อยให้แฟนบอลเข้าสนามตามปกติ แต่หากจำนวนผู้ป่วยยังเพิ่มเรื่อยๆ คงต้องปิดสนามเตะเหมือนลีกอื่น
เป๊ป กวาร์โอล่า ผู้จัดการทีมแมนฯซิตี้ ยอมรับว่าตอนนี้ทำใจแล้วว่าจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น เขาไม่เห็นด้วยกับการปิดสนามเล่น เพราะแฟนบอลคือหัวใจสำคัญของเกม
แต่หากจำเป็นจริงๆ ก็ต้องทำตามรัฐบาล ไม่ว่าอย่างไรเรื่องของส่วนรวมต้องมาก่อนเสมอ
พ้นเกมสุดสัปดาห์นี้ไป เราน่าจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นกับมาตรการป้องกันในสนาม หากต้องปิดขึ้นมา ผลกระทบจะตามเป็นเงาแน่นอน
ในสถานการณ์ปัจจุบันลิเวอร์พูลกำลังคั่วแชมป์ ต้องการอีกแค่ 6 คะแนนเท่านั้นจะยุติ 30 ปีที่รอคอยมาอย่างยาวนานลงได้
ลองนึกภาพนักเตะหงส์ฉลองแชมป์ ไม่ว่าจะเป็นเกมไหนก็ตาม แต่ไร้เดอะ ค็อปไปร่วมเป็นสักขีพยาน เก็บเกี่ยวบรรยากาศแห่งประวัติศาสตร์ มันจะกร่อยขนาดไหนกัน
นี่คือการฉลองแบบไม่สุด ทั้งที่มันควรจะต้องสุดเหวี่ยงกันเต็มที่ เอาให้สาแก่ใจกับที่รอกันมานานมากๆ
ขณะเดียวกันงาน "แห่รถ" ตามธรรมเนียม ที่จะให้นักเตะนั่งบนบัสเปิดประทุนแล้ววิ่งไปตามใจกลางเมืองจุดสำคัญต่างๆ แล้วมีกองเชียร์มากมายมาต้อนรับสองข้างทาง ก็อาจต้องงดด้วยเช่นเดียวกัน
ว่ากันว่าเดอะ ค็อปจากทั่วโลกรวมทั้งที่บ้านเรา เตรียมพร้อมเดินทางไปร่วมงานนี้ด้วย ความฝันวิบวับอยู่ข้างหน้ามีโอกาสสูงจะพังลงมา
ต่อให้ไม่ตายด้วยโควิด แต่ต้องจำโควิดไว้จนวันตายกันเลยทีเดียว
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา