13 มี.ค. 2020 เวลา 11:00 • สุขภาพ
🍀กินของขมอย่างไรไม่ให้ตาย🍀
 
หมอยาท่าBD
ความขมของพืชนั้น มีที่มาอยู่ครับ เพราะความที่ไม่อยากให้ใครมากินใบของบรรดาพืช จึงต้องสร้างพิษขึ้นมา ให้รสชาติไม่อร่อย
แต่ความขม นั้นเป็นพิษ ที่คนหรือสัตว์เอามาใช้แก้พิษอีกทีหนึ่ง เช่นพิษไข้ ฆ่าเชื้อโรค
โดยการใช้หลักเอาพิษ มาแก้พิษนี่เอง ถือเป็นภูมิปัญญาสืบทอดกันมานาน
และการที่เราเอาผักขมๆ ที่มีประโยชน์มาทำอาหาร โดยการเอามา ลวก ต้ม นั่นก็คือการ ฆ่าพิษ แบบชาวบ้าน เพิ่อลดความรุนแรง
รสขม(ตามตำราแพทย์) ใช้แก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แต่แสลง โรคลม จุกเสียด โรคหัวใจ
ฉะนั้นการทานขมมากๆ ติดๆกันนานๆจึงไม่ดีต่อสุขภาพ นอกจากท่านจะรู้จักการ "เข้าตำรับยา"
เข้าใจ รสของตัวยา
ผู้ติดตาม หมอยาท่าBD ที่อ่านและทำความเข้าใจ จะรู้ว่า "หลักการนั้นสำคัญ" หากเข้าใจและใช้ให้เป็น
ฟ้าทะลายโจร(ขม) บอระเพ็ด(ขม) หนานเฉาเหว่ย(ขม)
แต่เหตุใด หมอสมัยก่อนใช้กันมานาน ไม่เห็นเกิดปัญหา ก็เพราะเข้าใจวิธีใช้สมุนไพร
การทานของขม แบบนานๆให้ปลอดภัย
"ยาอายุวัฒนะ" นั่นจะเป็นยาออกเผ็ดร้อนออกทางค่าสุขุมหรือออกกลางๆ ยากลุ่มนี้ทานได้นานเป็นประจำ
การที่จะทานยาขมๆ ซึ่งฤทธิ์เย็น นานๆนั้นไม่ใช่เรื่องดี เพราะธาตุไฟจะ ตกลงมา จนทำให้ระบบไฟย่อย ระบบไหลเวียน แย่ลง อาจถึงขั้น มือเท้าชา หรือเกิดตะคริวได้
แต่หากรู้จักเอายาขม ที่มีฤทธิ์เย็นจัด มาผสมกับยาเผ็ดร้อน เช่น พริกไทย ดีปลี
และผสมรสเปรี้ยว(ซึ่งรสเปรี้ยวแยกย่อยแล้ว ได้ธาตุไฟ)เพิ่มเข้าไปเพื่อระบายพิษ ก็จะทำให้ยาที่มีฤทธิ์เย็นนั้นเข้าสู่ สมดุลย์ ทานได้นานขึ้น
ดังเช่นสูตร ยาอายุวัฒนะที่มี บอระเพ็ด มะขาม กับเกลือ ก็คือสูตรที่ปรับให้สมดุลย์แล้ว
1
แต่สำหรับหมอยา มีเทคนิคง่ายๆ หากจะปรับค่าสมุนไพร
1 ทานสลับหยุด ทานบ้างลืมบ้าง
2ทานพร้อมอาหารที่รสเผ็ดร้อน หรือมื้ออาหารใดๆทันที
3 ทานสลับสมุนไพร รสเผ็ดร้อนบ้าง
ทำแค่นี้ ก็เรียกว่า การทานแบบ คุมฤทธิ์
จะเห็นว่า ความเข้าใจสำคัญมาก ถ้าใช้เป็นและเชื่อมั่น ว่ายาดี ก็ไม่ต้องกลัวครับ
เขียนรับใช้แต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม
อยู่ดีมีสุขทุกท่าน
สวัสดีครับ
โฆษณา