14 มี.ค. 2020 เวลา 17:20 • ไลฟ์สไตล์
คุณจะรู้สึกอย่างไร เมื่อรู้ว่า สาเหตุของการเลิกกัน
เป็นเพราะ คนในครอบครัว และเพื่อนฝูง?
ต่อจากโพสต์เมื่อวาน...
แอดยอมรับเลยว่า มีคำถามในหัวมากมาย
เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องเผชิญในชีวิตช่วงนี้
หลังจากที่รับโทรศัพท์แม่ของอดีตคนรัก
แอดก็มาเจอภาพนี้โดยบังเอิญ และก็รู้สึกว่า
มันช่างเป็นภาพที่บอกความรู้สีกในใจแอดได้ดีจริงๆ
แม่เค้าโทร.มาบอกแอดว่า มีผู้หญิงโทร.มา แต่ขอสายเค้า แม่เค้าก็บอกว่า เค้าไม่ได้อยู่บ้านนะ คืออดีตคนรักของแอด เค้ายังเรียนอยู่ที่ต่างจังหวัด (คือเราอายุห่างกัน 8 ปี เดี๋ยวค่อยท้าวความให้อ่านนะ)
แล้วแม่เค้าก็ถามแอดว่า ยังติดต่อหรือคุยกันอยู่รึป่าว แอดก็ตอบแม่ไปตามตรงว่า ไม่คุยแล้ว เพราะหลังจากที่เค้าบอกเลิก แล้วเค้าพยายามกลับมาคุย แอดพูดไปประโยคนึงว่า ถ้าตัดสินใจจะเดินออกไปแล้ว ก็ออกไปให้สุด แม่เค้าก็เชิงตำหนิแอดว่า ความรักมันมีหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรักกัน แต่เป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันได้นี่ แอดก็เลยอธิบายไปว่า แอดก็พยายามจะเป็นอย่างที่แม่พูดนะ ก่อนวันผ่าตัด แอดยังทักไปคุย ไปขอโทษเค้า แต่เค้าอ่านไม่ตอบ พอโทร.ไป เค้าก็ใช้คำพูดแรงๆกลับมา ประมาณว่า เหมือนคนไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ
แล้วแม่จะให้แอดทำยังไง แอดรู้ว่าที่บ้านแม่ก็กำลังมีปัญหา แอดคิดว่า ก็น่าจะมีปัญหากันเกือบทั้งประเทศนั่นแหละตอนนี้ แต่แอดแค่ไม่เข้าใจว่า ทำไมเราไม่รักกัน ไม่อยู่เป็นกำลังใจให้กันในยามทุกข์ยากแบบนี้
แม่ก็ตอบมาว่า ลูกแม่ยังเด็ก เค้าไม่เข้าใจหรอก และแม่ก็ไม่อยากจะให้ลูกของแม่มาปวดหัวกับเรื่องผู้หญิง เรื่องความรักอะไรแบบนี้ด้วย อยากให้ตั้งใจเรียน และโฟกัสไปที่อนาคต
อ่า โอเคค่ะ แอดเข้าใจแม่ค่ะ ก็นี่ไงค่ะ เลิกกันแล้ว
แม่ก็ยังบอกอีกว่า แม่ไม่ได้อยากให้เลิกกันเลย เพราะทางบ้านเราทั้งสองคือสนิทกัน แม่รักเรานะ แม่คล้ายกับจะรู้สึกผิดอะไรสักอย่าง สุดท้าย แกบอกว่า แกเป็นคนบอกให้ลูกชายเลิกเองแหละ เพราะแกยังไม่อยากให้คิดเรื่องความรักก่อน อยากให้เรียนจบ มาช่วยครอบครัวก่อน แกกลัวจะเหมือนพี่ชายเค้าที่ยังไม่ได้ดูแลแม่เลยแต่ต้องไปแต่งงานมีลูกมีภาระแล้ว
แอดฟังแล้วก็ได้แต่อึ้งค่ะ ไม่รู้จะพูดยังไงต่อเลย
ยิ่งแอดเงียบ แม่แกก็ยิ่งเสียงสั่น แกคงรู้ว่ากระทบกระเทือนความรู้สึกเราอยู่ไม่น้อย แกเลยบอกว่า
ไม่ต้องห่วงนะ ลูกชายแกเค้าไม่ได้มีคนใหม่หรอก
เค้าแค่ยุ่งๆกับการเรียน เห็นว่าเรียนหนักมาก
กับแม่เค้าก็ไม่ค่อยมีเวลาคุยหรอก เราก็ได้แต่ ค่ะ ค่ะ ค่ะ
แต่แอดมากลั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว ก็ตอนที่แม่เค้าถามว่า
ได้ข่าวว่าไม่สบายเหรอ เข้ารพ. เป็นยังไง แอดก็ถามว่าแล้วแม่รู้ได้ยังไงคะ แกก็แถค่ะว่า เห็นในเฟส เดี๋ยวนะแม่ คือแม่ไม่เล่นเฟสค่ะ แกก็บอกว่า เห็นจากมือถือลูกชายคนโตแก เอิ่ม! เดี๋ยวนะคะ คือ หนูไม่ได้ลงเฟสหรือลงอะไรเลยค่ะแม่ สุดท้ายแกก็ยอมรับว่า ลูกชายแกโทร.มาบอก แล้วให้แกโทร.มาถามเรา เฮ้อ! ไม่เข้าใจ ทำไมต้องซับซ้อน เราเลยตอบแกไปว่า ไม่ได้เป็นอะไรมาก แกก็บอกว่า ดีแล้วล่ะ ถึงมือหมอแล้วคงไม่เป็นไรมากหรอก และอีกอย่างคือ มีทั้งพ่อทั้งแม่คอยดูแล คงไม่น่าห่วงเท่าไหร่ ผิดกับลูกชายแก เวลาไม่สบาย อยู่ต่างจังหวัด แม่ก็ไม่ได้ไปดูแลเลย ลูกชายแม่เก่งนะ เค้าเข้มแข็งมาก เป็นไข้ก็ดูแลตัวเอง นี่ก็บ่นว่าปวดหัว ช่วงนี้เรียนหนัก งานเยอะ บ้านก็ไม่ค่อยได้กลับหรอก ต้องรอปิดเทอม เวลาจะนอนเค้ายังไม่ค่อยจะมีเลย
ค่ะแม่ (นี่ก็พยายามกลั้นไว้ไม่ให้โพล่งออกไป)
แม่ก็ยังไม่หยุด...ลูกก็อย่าไปหึงหวงเค้าเลยนะ
เค้ายังรักลูกนั่นแหละ วันก่อนแม่เห็นเค้ายังเก็บรูปลูกไว้ในกระเป๋าตังค์อยู่เลย เค้าเป็นห่วงลูกนั่นแหละ
แต่เค้าอยากโฟกัสไปที่การเรียนก่อน
นาทีนั้นล่ะจ้า ที่แอดรู้สึกสงสารทั้งแม่เค้าและตัวเองจับใจ คิดว่า คงต้องพูดแล้วล่ะ ต่อให้มันจะไม่ใช่เรื่องของแอด แต่ก็ควรจะบอกให้แม่เค้ารู้ไว้ ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่
“แม่ฟังนะคะ เรื่องที่หนูจะบอกต่อไปนี้ หนูรู้ว่ามันอาจทำให้แม่ไม่สบายใจ แต่หนูก็ต้องบอกด้วยความเป็นห่วงค่ะ หนูไม่ได้ห่วงแค่เค้านะ แต่หนูห่วงความสัมพันธ์ในระหว่างเค้ากับแม่ด้วย และหนูก็ไม่ชอบการโกหกปิดบังที่สุดเลย แม่ฟังนะ หนูไม่ได้อยากจะรับรู้อะไรเกี่ยวกับเค้าเลยแม่ แต่ทุกๆวันมีผู้หญิงส่งรูป ส่งนั่นส่งนี่มาให้หนู วันที่หนูผ่าตัด คือวันที่เค้าอยู่ในผับ กินเหล้ากับเพื่อนอย่างสบายใจ วันที่หนูอยากกลับไป แม้ไม่ใช่สถานะเดิม โดยเค้าอ้างว่า ไม่อยากกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วเพราะไม่อยากให้หนูลำบาก บ้านเค้ามีปัญหาแต่เค้าแชทกับผู้หญิงอื่นหลายคนว่า โดนแฟนทิ้ง หาใหม่ยังไงบ้างล่ะ หนูทำให้เค้าอึดอัดบ้างล่ะ หนูพยายามจะรั้งเค้าบ้างล่ะ
หนูบอกแม่ไว้ตรงนี้เลยนะคะ บ้านหนูเองก็กำลังมีปัญหาใหญ่ และในขณะที่หนูกำลังเสียสละบางอย่างเพื่อเค้า
เค้าล่ะ เค้าทำอะไรอยู่ ถ้าเค้าคิดว่าการที่หนูอยากจบกับเค้าดีๆ หนูกลับไปคุยกับเค้า เราเป็นเพื่อนกันนะ มันทำให้เค้าอึดอัดคิดว่าหนูอยากรั้ง อยากยื้อเค้าไว้
โอเคค่ะ งั้นหนูออกไปจากชีวิตเค้า หายไปเลยก็ได้ค่ะ
ถ้ามันทำให้เค้าสบายใจ
ฝากบอกเค้าด้วยว่า
หนูจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร และไม่สร้างความอึดอัดใจให้ใครอีกแน่นอน และถ้าที่เค้าพยายามทำตัวเสเพล ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะอยากให้หนูเห็นว่าเค้าไม่ดี หนูจะได้เลิกรักเค้า ฝากบอกเค้าด้วยว่า ไม่ต้องทำถึงขั้นนั้น เพราะหนูไม่ได้รักเค้าที่เค้าเป็นคนดีค่ะ
ที่ผ่านมา หนูรักเค้า เพราะเหตุผลเดียวเลยคือ เค้ารักหนู
แต่วันนี้ ในเมื่อเค้าไม่รักหนูแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่หนูต้องรักเค้าอีกต่อไปค่ะ
ส่วนเรื่องเค้าจะมีคนใหม่หรือไม่มี
อันนี้ก็เป็นสิทธิ์ของเค้าค่ะแม่
เค้ามีคนหมายปองเยอะค่ะ
ตัวเลือกเค้ามีเยอะมาก
ถ้าเค้ามีใหม่หนูก็จะยินดีกับเค้าค่ะ
แล้วแม่ก็ตอบมาว่า
“แม่ก็ไม่เคยรู้เลยนะว่าลูกแม่เป็นแบบนี้
เดี๋ยวแม่ต้องดุเค้าหน่อยแล้ว
แล้วลูกโอเคจริงๆใช่มั้ย?”
“หนูโอเคค่ะแม่ เพราะเราตกลงกันตั้งแต่วันแรกที่คบกันแล้ว ว่าถ้าฝ่ายใดฝ่ายนึง หมดรักกันแล้ว
ก็ให้บอกกันตรงๆ อย่าคบซ้อน อย่าปิดบัง
ซึ่งเค้าก็ทำตามที่ตกลงกันไว้ หนูก็ต้องยอมรับค่ะ”
“แม่ก็สงสารลูกนะ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
วัยรุ่นก็อย่างนี้แหละลูก พอเค้าไปเจอสังคมใหม่ๆ
ออกไปโลกกว้าง เค้าก็ได้เจออะไรเยอะขึ้น
แม่ก็ทำหน้าที่ส่งเค้าเรียน ก็ไม่ได้ไปเห็นว่าเค้าอยู่ยังไง
แม่ก็หวังแค่ให้เค้ามีอนาคตที่ดี เรียนจบมีงานดีๆทำ
ถ้าลูกแม่ยังรักกับลูกตอนนี้ แม่บอกตามตรงว่า
แม่ไม่มีปัญญาไปขอหรอกนะ ที่บ้านแม่ก็ยังลำบาก
ลูกเข้าใจแม่นะ”
“หนูเข้าใจค่ะแม่ และหนูก็ไม่เคยหวังอะไรจากแม่หรือลูกชายแม่เลย ตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจคบกัน
หนูเป็นข้าราชการครู ลูกแม่เป็นนักเรียน หนูรู้สถานะทางบ้านดีทุกอย่าง ตลอดเวลา5ปี หนูไม่เคยเรียกร้องอะไร ขอแค่ความสบายใจเวลาคบกัน
หนูเป็นพวกไม่เหมือนชาวบ้านค่ะ หนูไม่อยากแต่งงาน
ไม่อยากมีลูก เพราะตัวหนูเองก็ยังไม่พร้อม
และที่คบกับลูกแม่ เพราะเค้าไม่เหมือนผู้ชายทั่วไปค่ะ
เค้าเป็นเด็กที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ และที่สำคัญคือ เค้าให้เกียรติหนู ไม่ได้หวังจ้องจะฟันเหมือนคนอื่นๆที่เคยเข้ามาจีบ เค้าจริงใจ เค้าซื่อสัตย์ และที่สำคัญเค้ารักหนูจริงๆ หนูรู้สึกได้ แต่ก็เหมือนที่แม่บอกนั่นแหละ คนเรามันเปลี่ยนกันได้ พอโตขึ้น ได้เจอสังคมใหม่ๆ ได้พบอะไรตื่นตาตื่นใจมากขึ้น ความคิดและทัศนคติอาจเปลี่ยนไปจากเดิม หนูเข้าใจค่ะแม่”
“แต่หนูก็คิดว่า หนูเป็นคนรักที่ดีที่สุดเท่าที่หนูจะทำได้แล้วนะแม่ คิดดูนะ บอกว่าอึดอัด หนูเจ้ากี้เจ้าการ ถามหน่อยเถอะ คบกันมา 5 ปี ได้เจอกันสามเดือนครั้ง อยู่ห่างกันตลอด โทร.หากันวันละ 1 ครั้งคือก่อนนอน เมื่อก่อนคุยกันเป็นชั่วโมง เค้าขอลดเหลือ 15 นาที บางวัน เหลือ 1.30นาทีก็มี หนูก็ไม่เคยโทร.จิก เชื่อใจ ไว้ใจมาตลอด แต่ครั้งหลังๆมานี่ ที่ทะเลาะ เพราะเค้าไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อย ส่วนใหญ่ก็เพื่อนผู้หญิง หนูไม่มีสิทธิหึงหวงเลยใช่มั้ยแม่ เวลาที่แม่บอกว่า เค้าเรียนหนักไม่ได้กลับบ้าน เค้าเคยบอกแม่มั้ย เคยเล่ามั้ยว่าเค้าไปค้างบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัด หนูแค่เป็นห่วง โทร.ถาม ใจจริงไม่อยากให้ไป เพราะเป็นบ้านเพื่อนผู้หญิงถึงจะบอกว่าไปกันหลายคน แต่เค้าก็ไม่ได้ส่งรูปหรืออะไรมายืนยันว่าจริงมั้ย หนูไม่มีสิทธิ์น้อยใจเค้าใช่มั้ยแม่ หนูห่วงเค้าหนูผิดมากใช่มั้ย ที่ถามมาก เจ้ากี้เจ้าการจนเค้าอึดอัด
แต่เค้าเคยนึกบ้างมั้ย ว่าเพราะอะไร หนูถึงเป็นกังวลกับเพื่อนๆของเค้า ก็เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาที่คบกัน
เค้าไม่เคยแนะนำหนูกับเพื่อนๆเค้าเลยว่าหนูเป็นใคร
ถ้าหนูไม่บอกให้เค้าแนะนำ โอเค เค้าอาจจะคิดว่า ก็ลงรูปคู่ในเฟสในไอจีอยู่ ใครๆก็คงรู้แล้วแหละ แต่ในใจลึกๆ หนูก็อยากจะให้แนะนำบ้าง เวลาไปเที่ยวทะเล เที่ยวน้ำตก เที่ยวที่ไหน หนูก็ไม่ได้อยากไปกับเค้าแค่สองคนทุกครั้งหรอกนะ แต่อยากพาเพื่อนๆเค้าไปด้วย
แต่เค้าชอบคิดเองว่า หนูอยากไปกันสองคนมากกว่า
เคยคิดนะ ว่าเค้าอาจจะอายก็ได้ที่มีแฟนแก่กว่าหลายปี
แต่พอถามเค้า เค้าก็ตอบว่าไม่ได้อาย แต่เพราะเราอยู่ไกลกันพอมาเจอกันก็อยากจะใช้เวลาร่วมกันสองคนให้มากที่สุด แต่หนูรู้สึกว่า มันมีบางอย่างที่มากกว่านั้น
ตั้งแต่คบกัน หนูรู้สึกว่าเพื่อนๆเค้า ไม่ค่อยชอบหนู
คงเป็นเพราะ หนูเป็นครู แล้วมาชอบนักเรียน ถึงจะอยู่คนละโรงเรียนกัน แต่มันก็ไม่สมควร หนูเข้าใจค่ะ
แต่หนูก็ยังงงๆว่า ถ้าอย่างนั้น เพื่อนๆผู้ชายเค้า มาจีบหนูทำไม มีหลายคนนะ ที่มาชอบหนู หรือพวกเค้าไม่พอใจที่หนูมาคบกับเพื่อนเค้าคนนี้ แต่หนูไม่เคยบอกคนรักของหนูเลยค่ะเรื่องนี้ กลัวเค้าผิดใจกันกับเพื่อน หนูรู้ เค้ารักเพื่อนมาก และอีกอย่าง หนูก็รู้ว่า เพื่อนๆผู้หญิงของเค้า ไม่ชอบหนูด้วย ก็เพราะพวกเค้าแอบชอบคนรักของหนูอยู่เหมือนกัน หนูว่าหนูดูออกนะ คนไหนคิดแบบเพื่อน และคนไหนคิดไปไกลกว่านั้น แต่หนูก็เลือกที่จะเงียบ ไม่เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นให้ทะเลาะกัน และเค้าเองก็เคยบอกว่า อย่าคิดมาก ทุกคนยินดีกับความรักของเรา
หนูก็เชื่อเค้าค่ะ จนกระทั่ง เลิกกันแล้วนี่แหละ
แต่ละคนแคปข้อความมาให้ดู คือ เหมือนเพื่อนๆเค้าจะยินดีที่เราเลิกกันมากกว่าตอนเราคบกันอีกนะ
บางข้อความนี่คือ อ่านแล้วจุกเลย เค้าบอกคนรักของหนูว่า ดีแล้วแหละที่เลิกกัน หนูไม่รู้ว่าข้อความก่อนหน้านี้พวกเค้าคุยอะไรกัน แต่ดูเหมือนว่าจะมีความสุขกันมากที่ได้รู้ว่าเลิกกันแล้ว
พวกเค้าคงคิดว่า ตั้งแต่ที่คนรักของหนูมาคบหนู
พวกเค้าก็ถูกแย่งความรักทันที คนรักหนูก็ไม่ได้ติดแฟนขนาดนั้นนะ แต่ทำไมถึงคิดว่า หนูกีดกัน ไม่ให้เค้าคบเพื่อน หนูงงมากแม่ เค้าจะไปไหนกับเพื่อน หนูไม่เคยห้ามเลยนะ ขอแค่ให้บอกหนูว่าไปที่ไหนกับใคร
กลับกี่โมง แค่นั้น แต่ที่ทะเลาะกันส่วนใหญ่
คือเค้าผิดเวลา หนูก็เลยโทร.หา เหมือนตอนที่หนูผิดเวลาแล้วเค้าโทร.หาหนูนั่นแหละ หนูเยอะไปเหรอแม่
แบบนี้เรียกจุกจิกเหรอ พอไม่โทร.ก็หาว่าไม่สนใจบ้างล่ะ งอนเค้าบ้างล่ะ คิดเองเออเองทั้งนั้น หนูก็งงๆนะกับผู้ชายเนี่ย
เค้าบอกว่า เค้าเหนื่อย ไม่อยากฟังหนูบ่นเรื่องที่บ้าน
เรื่องเพื่อน เรื่องที่ทำงาน หนูก็บ่นน้อยลง แต่กลายเป็นเค้าหาว่าหนูปิดบังเค้า มีอะไรไม่ยอมบอกยอมเล่า
เวลาที่เค้าบ่นเรื่องที่บ้าน เรื่องเพื่อนเค้า เรื่องเรียน เรื่องสิว เรื่องนั่นเรื่องนี่ หนูรับฟังเค้าตลอด โดยเฉพาะเรื่องที่บ้าน แม่เคยรู้มั้ยว่า เค้าน้อยใจนะ ที่บางครั้งแม่ก็เหมือนจะรักพี่ชายมากกว่า แม่บอกว่า แม่ไม่เคยไปดูเลยว่าเค้าอยู่ต่างจังหวัดอยู่ยังไง หนูถามแม่ก่อน ว่าแม่โทร.หาลูกแม่บ่อยแค่ไหน เมื่อก่อนเค้าอยู่กับแม่มาตลอด เค้ามีแม่คอยคุยคอยปรึกษา แต่พอเค้าไปเรียน เค้าห่างแม่ แถมหลังๆมานี่แม่มีแฟนใหม่อีก ยังดีที่มีหนูคอยรับฟัง คอยเป็นกำลังใจ แต่หลังๆมานี่ หนูก็เริ่มมีเวลาให้เค้าน้อยลง และหนูคิดว่า อยากให้เค้าคุยกับที่บ้านบ้าง มีอะไรควรเปิดใจพูดกันตรงๆ
เค้าเคยคิดโกรธพี่ชายเค้าที่คอยสร้างปัญหา
และภาระมาให้แม่กับที่บ้าน แต่หนูบอกเค้าเสมอว่า
พี่น้องต้องรักกันนะ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร
คนในบ้านต้องรักกัน เป็นกำลังใจให้กันข้ามผ่านทุกอย่างไปให้ได้ หนูไม่เคยบอกให้ใครทะเลาะกัน
แต่วันที่เลิกกัน เค้าบอกหนูว่า เค้ารับครอบครัวหนูไม่ได้
ที่มีแต่สร้างหนี้ไว้ แล้วให้หนูตามแก้ตลอด ถามดิ พ่อแม่ที่ไหนอยากจะให้ลูกลำบาก คนเรามันไม่ผิดพลาดกันบ้างเลยเหรอ แกผิดที่ไปค้ำประกันเพื่อน แล้วพี่คุณล่ะ ผิดเพราะอะไร บ้านคุณเป็นหนี้เพราะอะไร หนูไม่เคยไปก้าวก่ายหรือตัดสินเลยนะ ไม่เคยรับบ้านเค้าไม่ได้ด้วย
รับได้ทุกอย่าง ตัดสินใจคบแบบ เหตุผลไม่มีอะ คิดแค่ว่า เราก็คน เค้าก็คน แค่นั้นจริงๆ
โอเคแม่ หนูรู้ละ เค้าอาจจะไม่ชอบก็ได้ที่
เวลาเค้าโอนเงินให้หนูใช้ แล้วหนูเอามาให้พ่อแม่หนู
ซึ่งเค้าไม่เคยรู้เลย ว่าหนูแอบโอนใส่บัญชีคู่ของเราสองคนตลอด เพราะหนูกลัวว่าอนาคต เค้าอาจจะต้องใช้เงินในการศึกษา หรือใช้เงินในการลงทุนทำธุรกิจ หนูไม่เคยคิดอยากจะได้ของของใครอยู่แล้ว แต่เค้าไม่รู้เพราะหนูไม่เคยบอกเค้าเลย ก็ไม่แปลกหรอกที่เค้าจะเข้าใจหนูผิด แต่หนูแค่เสียใจ ที่พ่อแม่หนูรักเค้ามาก
และเค้าก็แสดงออกว่ารักพ่อแม่หนูมากมาตลอด
แต่หนูเพิ่งรู้วันนี้ ว่าเค้ารับบ้านหนูไม่ได้
เรื่องการเที่ยวของเค้าเหมือนกัน หนูไม่เคยห้ามนะ
แค่บอกว่า ถ้าอยากไปจริงๆ ก็ต้องไปด้วยกันหรือไม่ก็ไปกับเพื่อนหลายๆคน เพราะเคยมีเหตุการณ์ที่ลูกพี่ลูกน้องเค้า ไปเที่ยวผับ แล้วขับรถกลับเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต หนูเป็นห่วงเค้า แต่ก็เข้าใจว่าความอยากลองมันมีกันเป็นเรื่องธรรมดา หนูเคยขับรถไปหาเค้าใช้เวลา7ชั่วโมง เพื่อไปปรับความเข้าใจกัน ตอนนั้น
ดูเหมือนเค้าจะอยากเข้าผับ เพราะไม่เคยเข้า แต่หนูกลัวว่า ถ้าเข้าไปแล้ว เราเมาทั้งคู่จะขับกลับยังไง
เลยตกลงกันมาซื้อมากินที่ห้องกันสองคนละกัน
ในชีวิต หนูก็ไม่เคยกิน และไม่ได้อยากลองด้วย
หนูถือศีล5 ชอบเข้าวัด ไปบวชชีพราหมณ์บ่อย
แต่ก็ยอม เพราะอะไร แค่อยากให้เค้าได้รู้รสชาติและพอถามเค้าว่า เป็นยังไง มันใช่ความสุขจริงๆมั้ย เค้าชอบแบบนี้รึป่าว และคืนนั้น เราก็เตลิดไปไกล ถึงขั้นมีอะไรกัน สุดท้าย เค้าก็บอกว่า เค้าไม่ได้ชอบดื่ม และก็ ไม่ได้อยากให้เราเกินเลยก่อนถึงวันแต่งงานด้วย
หนูก็เสียใจนะ ที่วันนั้นหนูทำผิดพลาดครั้งใหญ่
แต่แอดก็ไม่ได้เล่าให้แม่ฟังหรอกนะ ว่าเรามีอะไรกัน
จนท้อง จนแท้ง เพราะเล่าไป ก็เหมือนประจานตัวเอง
แม่แกก็ออกตัวแล้วว่า ไม่มีปัญญามารับผิดชอบหรอกนะ และอีกอย่าง แอดไม่อยากให้ประเด็นนี้ มาเป็นข้อเหนี่ยวรั้งเค้าไว้ แอดรู้ว่า ถ้าแม่เค้าบอกให้รับผิดชอบเค้าก็รับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะขนาดแม่เค้าบอกให้เลิก เค้ายังเลิกเลย
แล้วแม่แกก็พูดถึงประเด็น เรื่องไสยศาสตร์ มนต์ดำขึ้นมา คือแกเชื่อเรื่องดวง เรื่องลี้ลับอะไรแบบนี้
แล้วแกก็บอกว่า แกไปดูดวงมา แม่ชีบอกแกว่า
บ้านแกโดนทำของใส่นะ เค้าจะให้แตกแยกกันทั้งบ้าน
คือ ปัจจุบันแกก็เลิกกันกับแฟนแก (แกเป็นหม้าย สามีตาย มาได้12ปี และเพิ่งมีแฟนใหม่มาได้ 1 ปีค่ะ)
มีปัญหากันระยะเวลาไล่เลี่ยกับคู่เราที่มีปัญหาเลย
แกเลยปักใจเชื่อว่า ข้างบ้านต้องทำคุณไสยใส่บ้านแกแน่นอนเลย แต่แอดก็ฟังหูไว้หูนะ เพราะที่แกพูดมาก็มีความเป็นไปได้ อาการของผู้ชายในบ้านแก เป็นเหมือนกันหมด คือ ตาขวาง จากที่พูดจาสุภาพ กลายเป็นหยาบคาย ก้าวร้าว และที่สำคัญคือ ไม่ว่าผู้หญิงในบ้านจะทำอะไรก็ดูจะผิดไปหมด เมื่อก่อนคุยกันดีๆ ไม่ใช้อารมณ์ หลังๆมานี่อารมณ์เสีย หงุดหงิดบ่อย คุยกันสองสามคำก็ทะเลาะ และตอนนี้ แฟนใหม่แม่ก็ออกจากบ้านไปแล้ว แอดก็ได้แต่ฟังอะนะ เพราะโดยส่วนตัว ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ ไม่ใช่ไม่เชื่เรื่องไสยศาสตร์นะ แต่ในเคสของเรา แอดรู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร
เราไม่ใช่เพิ่งจะมาทะเลาะกัน มันมีปัญหาสะสมมาเรื่อยๆ ตั้งแต่คบกันเข้าปีที่ 4 แล้วล่ะ คือ แอดไปเจอข้อความในมือถือเค้า เราอยู่ห่างกัน พอผิดสังเกตหน่อย
คนเรามันก็มีเซ้นส์อะเนอะ ก็เคยจับได้ 2 ครั้ง
แต่มันเป็นเชิงคุยเล่น หยอกๆ ขำๆอะ ทั้งๆที่มันไม่ขำเลยนะ แต่ผู้ชายเค้าคิดต่างจากเราไง
แต่พอเราเล่นๆขำๆบ้าง ก็ไม่พอใจจริงจังซะงั้น
แอดก็ให้อภัยนะ เพราะถือว่ายังอยู่ในกติกา
(เราตั้งไว้ว่าจะอภัยทุกเรื่อง ยกเว้น ทำสิ่งผิดกฎหมายและนอกกายนอกใจ)
แต่คำว่า ให้อภัย กับ ความเชื่อใจ มันมีเส้นบางๆคั่นอยู่นะ แอดก็รู้สึกแหละว่ามันไม่เหมือนเดิม เหมือนผ้าขาวมันเปื้อนแล้วอะ ครั้งแรกก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ครั้งสองนี่คือ นะ เริ่มไม่เชื่อใจแล้วอะแต่ก็พยายามประคับประคองความสัมพันธ์กันมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง
จับโกหกได้อีกครั้ง แต่ไม่ใช่เรื่องผู้หญิง
เป็นเรื่องการพนัน คาบาร่า
แอดก็เริ่มรู้สึกว่า ไม่อยากไปต่อแล้วอะ
คือ ให้อภัยนะ เข้าใจแหละว่า เค้าอยากหาเงินเพื่อเรา
แต่ ที่ไม่ชอบคือ การโกหกปิดบัง (ถ้าบอกจะลองเล่น ชวนเราเล่นด้วยเราก็จะยอมให้ลองเล่นนะ เล่นมันไปด้วยกันนี่แหละ ขนาดเราลองเทรดหุ้น เรายังบอกเลย แถมให้เทรดด้วยกันอีก เลยรู้สึกว่าไม่แฟร์ล่ะมั๊ง)
แอดก็บอกแม่เค้าไปนะ ว่าให้ไปศึกษาลูกเค้าใหม่
เพราะความรักของแม่อะ มันบังตาได้หมด
ลูกเราเก่ง ลูกเราดี ลูกเราถูกเสมอแหละ
พ่อแม่แอดก็เป็น เข้าข้างลูกทุกอย่าง
จนมาเจอปัญหาแบบนี้ แกก็ยังเข้าข้างแอด
ทั้งๆที่แอดทำผิดมหันต์ แกก็ยังไม่ว่าสักคำ
แกพูดมาประโยคนึง แอดสะดุ้งเหมือนกันนะ
“ลูกทำอะไร ลูกตัดสินใจเลือกเองทั้งนั้น
จำได้มั้ย วันที่พ่อแม่ห้ามว่าอย่าคบเลยคนนี้
ลูกบอกพ่อกับแม่ว่า ลูกขอลองใช้ชีวิตเอง
ถ้าจะสมหวังหรือล้มเหลวลูกจะรับผิดชอบเอง
แต่พ่อแม่ก็ชื่นชมนะที่ลูกสามารถพิสูจน์ตัวเองว่าลูกเข้มแข็งแค่ไหน ลูกทำให้พ่อกับแม่รักคนรักของลูกและยอมรับได้ พอถึงวันนี้ที่ต้องแยกกัน พ่อกับแม่ก็เสียใจ
แต่ก็ยอมรับการตัดสินใจของทุกฝ่าย
และคิดว่า ลูกสามารถรับผิดชอบกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้
พ่อกับแม่จะไม่โทษใคร และจะเป็นกำลังใจให้ลูกเสมอ
เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไป เหลือไว้แค่เรื่องเล่านะลูก”
สุดท้ายก่อนวางสายจากแม่เค้า
แอดก็ขอโทษแม่ไป ที่แอดเป็นผู้ใหญ่กว่าลูกแก
แต่ดันเข้าไปในชีวิตลูกแก ถ้าแอดเป็นความสุขให้เค้าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แอดก็จะขอเดินออกโดยดี
ไม่มียื้อยุดฉุดรั้งใดๆ ก็ขอบคุณแม่ที่เมตตา อุตส่าห์เป็นห่วง โทร.มาถามไถ่อาการ ก็บอกแม่ว่ารักษาสุขภาพด้วย อยู่บ้านคนเดียว ดูแลตัวเองดีๆ
ขอให้ปัญหาในบ้านแม่คลี่คลายไปในทางที่ดี
การที่ลูกเล่าเรื่องต่างๆวันนี้ ไม่ใช่จะเป็นการฟ้องเพื่อความขัดแย้งในบ้านแม่นะ แต่ลูกเป็นห่วงทุกคนในบ้านแม่จริงๆ ปัญหาทุกอย่าง มันต้องมีทางแก้นั่นแหละ
ลูกคิดแบบนี้เสมอ ลูกอาจจะมีท้อบ้าง แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ ลูกกำลังเข้มแข็งอยู่ แม่ก็ค่อยๆพูดกับเค้านะ
ช่วงนี้เค้าอาจจะเรียนหนัก งานเยอะ แม่รอให้เค้าสอบเสร็จ ปิดเทอม กลับบ้านค่อยคุยกันจะดีกว่า
แม่ไม่จำเป็นต้องเชื่อทุกอย่างที่ลูกพูดก็ได้นะ เพราะคนที่ส่งข้อมูลมา ลูกก็ไม่รู้ว่าเค้าต้องการอะไรจากเรา เค้าจะหวังดีหรือหวังร้ายลูกไม่มีทางรู้เลย
แต่สิ่งหนึ่งที่ลูกรู้คือ ลูกยังรักและหวังดีกับลูกชายแม่เสมอ อย่างน้อยๆครั้งนึงเราก็เคยมีวันเวลาดีๆร่วมกัน
ลูกจะจดจำแต่สิ่งดีๆที่เราเคยมีให้กันนะแม่
อนาคตลูกก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป
ก็ได้แต่หวังว่า อีกไม่นาน ลูกจะผ่านเรื่องราวร้ายๆ
และอุปสรรคปัญหาที่มีตอนนี้ไปได้
ถ้าลูกชายแม่มีคนใหม่ ลูกก็ขอให้เค้าเจอคนที่ดีกว่าลูกนะ ขอให้ชีวิตเค้าเดินไปในทางที่ดี ที่ประสบความสำเร็จ แม่อย่าลืมพาเค้าไปหาหมอเช็คลูกอัณฑะนะ
ถึงจะผ่าตัดแล้ว หมอไม่ได้นัด แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจ
แล้วก็สายตาเค้าด้วย ถ้ามีโอกาสก็พาเค้าไปทำเลสิคนะ
แกว่า ถ้าแม่มีเงิน แม่ไปขอหมั้นหมายลูกไว้แล้วล่ะ
แม่ไม่อยากให้เหตุการณ์มันซ้ำรอยลูกชายคนโตเลย
(คือ ลูกชายคนโตของแก เคยมีแฟน คบกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย พอเรียนจบ ลูกชายก็บอกแม่ว่า ไปขอหมั้นแฟนให้หน่อย ทางบ้านผู้หญิงก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเลยนะ แต่แม่เห็นว่า ลูกเพิ่งเรียนจบ เลยอยากให้โฟกัสที่การทำงานก่อน ไปๆมาๆ ก็ทะเลาะกันยังไงไม่รู้ อยู่ๆลูกชายก็ไปได้กับผู้หญิงที่ทำงานด้วยกัน เค้าบังคับให้ไปขอ แม่แกก็ไม่อยากไปขอหรอก แต่ฝ่ายหญิงเค้ามีอำนาจในที่ทำงาน ลูกชายแม่ก็ไม่รู้ว่ารักหรือไม่รัก
แต่แม่นี่คือ ไม่ชอบฝ่ายหญิงเลย และรู้สึกเสียดายคนเก่ามากๆ รู้สึกผิดที่วันนั้นไม่ไปหมั้นหมายไว้ก่อน
และปัจจุบันนี้ลูกชายคนโตแม่ก็มีปัญหากับภรรยาที่กำลังท้องได้ 7 เดือน จะหย่ากัน ก็ไม่รู้นะว่า นี่คือสาเหตุนึงรึป่าว ที่แม่ไม่อยากให้ลูกชายคนเล็กมีความรัก)
“แม่คิดผิดมั้ยเนี่ยที่บอกลูกแม่ไปแบบนั้น?”
แอดเลยบอกแม่ไปว่า แม่คิดถูกแล้วค่ะ
สิ่งที่แม่ทำ เป็นเพราะหวังดีกับลูกแม่
แม่ไม่ต้องคิดมากนะ
คือ ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ตอนแรกลูกก็นึกโกรธนะ
ทั้งแม่ ทั้งเพื่อนๆรุ่นพี่รุ่นน้องเค้านั่นแหละ
ที่ทุกคนพยายามพูดยุแยง หรือสนับสนุนให้เราเลิกกัน
ทั้งๆที่ทุกคนไม่รู้รายละเอียดลึกๆเลยด้วยซ้ำว่าเราสองคนเป็นยังไง แต่ทั้งหมดมันเกิดจากตัวเค้าล้วนๆเลยแม่
ถ้าเค้าไม่แสดงออกให้ทุกคนเห็นว่าเค้าไม่มีความสุขกับความสัมพันธ์นี้ จะไม่มีใครเข้ามาแสดงความคิดเห็นอะไรหรือบอกให้เค้าตัดสินใจอะไรได้เลย และต่อให้ทุกคนลงความเห็นว่าควรเลิก แต่ถ้าใจเค้ายังมั่นคง
และเค้าเข้มแข็ง เค้ายังอยากจะจับมือกับลูกฝ่าฟันต่อ
เค้าจะไม่เชื่อคำใครใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับใจเค้าค่ะแม่ แม่อย่าโทษตัวเอง เพราะตอนนี้ลูกก็เลิกโทษตัวลูกเองแล้ว วันที่ถูกบอกเลิก ลูกเอาแต่นั่งด่านั่งว่าตัวลูกเอง ทุบตีตัวเองเหมือนคนไร้สติ แต่ตอนนี้ลูกรู้แล้วค่ะว่า เราไม่ควรโทษใครเลย แม้แต่ชะตาฟ้าดิน”
แล้วแม่ก็ร้องไห้...แอดบอกแกว่า แอดยังรักแกนะ
เรายังติดต่อกันได้ตลอด มีอะไรก็โทร.มาได้เสมอ
ถ้ามีอะไรที่ลูกพอจะช่วยได้ ก็ขอให้บอก อย่าได้เกรงใจ
ถึงจะไม่ได้อยู่ในฐานะลูกสะใภ้ แต่ก็ขอให้คิดว่าเป็นลูกสาวคนนึงของแม่ ยิ่งพูดแกก็ยิ่งร้องไห้
ต่างคนต่างมีพื้นฐานครอบครัวไม่เหมือนกัน
การถูกเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนไม่เหมือนกัน
ความรัก บางครั้ง อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่คนสองคน
มันมีบริบทที่มากกว่านั้น ซึ่งละเอียดอ่อนมาก
ไหนจะครอบครัว ไหนจะเพื่อนฝูง
ไหนจะสังคมแวดล้อม
ไหนจะสภาพเศรษฐกิจ
ไหนจะหน้าที่
ไหนจะระยะทาง
แอดว่าประสบการณ์ความรักครั้งแรกในชีวิตของแอด
มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนักหรอก
เพียงแค่มันดันมาพร้อมกับปัญหาอื่นๆด้วยนี่สิ
ก็คิดซะว่าเป็นสีสันของชีวิตไปเนอะ
แต่สิ่งนึงที่แอดเรียนรู้ก็คือ
ความรัก มันไม่ใช่การหวังว่าใครคนนึงจะเข้ามาเติมเต็มส่วนที่เราขาดหาย
แต่มันต้องเป็นเราทั้งคู่ที่ต่างฝ่ายต่างเต็มอยู่แล้ว
มาเจอกัน ในเวลาที่เหมาะสม
คำว่าเต็มของแอด ไม่ได้หมายถึงความเพอร์เฟคนะ
แต่มันคือ ความพอใจ ในทุกๆอย่างที่มี ยินดีในทุกๆอย่างที่เป็น
เพราะถ้าคุณเป็นคนที่ไม่รู้จักพอ
เติมเท่าไหร่ ก็ไม่มีวันเต็มหรอกค่ะ
ตอนแรกแอดคิดว่าจะปิดเพจใน BD นะ
เพราะเค้าคนนั้นเป็นคนแนะนำมาเขียน
ตอนแรกก็ไม่ได้อยากมาเขียนหรอก
อยากเอาใจเค้าว่างั้น 55
แต่พอเข้ามาอ่านเรื่องราวของคนในBD
ยอมรับเลยว่าติดงอมแงม
มันเพิ่มพลังบวกให้ชีวิตเหมือนกันนะคุณ
แอดก็เลยคิดว่า ไม่ปิดดีกว่า แม้จะไม่ค่อยได้โพสต์อะไร
แต่อย่างน้อยได้เข้ามาอ่านบทความดีๆ
ก็เป็นกำลังใจอย่างนึง
ก็ต้องขอบคุณเค้าแหละเนอะที่แนะนำมา
ขอบคุณที่ติดตามแอดและอ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ
แอดก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคู่รักนะ ยังอยากเห็นทุกคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ดีขึ้น และดีขึ้น
ส่วนแอด ช่วงนี้คงปิดประตูหัวใจไปก่อน
ขอเวลาทบทวนว่า ที่ผ่านมาแอดพลาดตรงไหนบ้าง
และก็ขอใช้เวลาแก้ปัญหาในครอบครัว
ส่วนเค้าจะกลับมามั้ย แอดไม่คาดหวังค่ะ
ถ้ากลับมา แอดต้องเคลียร์ใจตัวเองก่อนว่า
เรื่องราวเก่าๆที่มัน toxic เนี่ย หมดไปรึยัง
ยังไงก็ เป็นกำลังใจให้แอดด้วยนะคะ
จะพยายามเข้มแข็งให้มากขึ้นค่ะ
Black Sapphire 😊
โฆษณา