16 มี.ค. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #เวทีนี้มีพี่เลี้ยง ]
ฤดูร้อน 2018 สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตัดสินใจเดิมพันครั้งใหญ่รับงานผู้จัดการทีมกลาสโกว์ เรนเจอร์ส
ที่ต้องใช้คำว่า "เดิมพัน" เพราะ เจอร์ราร์ด ดูไร้ประสบการณ์งานนี้ เขาเพิ่งคุมทีมเยาวชนของลิเวอร์พูลได้แค่ปีครึ่งเท่านั้น น่าจะฝึกวิทยายุทธให้แกร่งกว่านี้ แล้วค่อยออกลุยอย่างเต็มตัว
อย่างน้อยที่สุดการอยู่ในอะคาเดมี่หงส์แดงนั้น เหมือนเป็นเซฟโซนอย่างหนึ่ง รวมทั้งเดอะ ค็อปไม่น้อยอยากเห็นขวัญใจของพวกเขาปักหลักอยู่ที่นี่ยาวๆ แล้วค่อยขยับขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 อย่างเต็มตัว
เพราะลิเวอร์พูลเคยประสบความสำเร็จมาจากระบบบูตรูม ที่ดันกุนซือจากทีมเยาวชนหรือพวกผู้ช่วยที่คร่ำหวอดในสโมสรมานาน ไม่แปลกที่แฟนๆจะมีความคิดเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม เจอร์ราร์ด คือคนรุ่นใหม่ที่มีความเชื่อแตกต่างออกไป เมื่อโอกาสมาถึงแล้วไม่ปล่อยหลุดมืออย่างแน่นอนและการได้คุมเรนเจอร์สจะถือเป็นประสบการณ์ล้ำค่าอีกด้วย
เขาไม่มีความกดดันมากนัก เพราะในฐานะผู้จัดการทีมแล้วไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมาก่อน แต่ความคาดหวังจากบทบาทอดีตนักเตะที่คาแรคเตอร์ชัดเจน มันมีพอสมควร
ตอนนั้นพวกนักข่าวต่างกังขา บางรายถึงขั้นหยามเลยว่าไม่น่าจะไปได้ไกลสักกี่น้ำ ช่วงที่ เจอร์ราร์ด รับงานคุมไลท์บลู กลาสโกว์ เซลติกอริตัวเอ้กำลังผูกขาดความยิ่งใหญ่ลูกหนังสก๊อตติช
อีกทั้งเรนเจอร์สเพิ่งลืมตาอ้าปากได้ไม่นาน หลังลงไปคลุกฝุ่นจากความล้มเหลวทางการเงิน กลายเป็นสโมสรที่ล้มละลาย ต้องกลับลงไปเริ่มใหม่จากทีมสมัครเล่น
1
ความพร้อมและคุณภาพนักเตะ รวมทั้งปัจจัยต่างๆ ไม่น่าจะเทียบกับเซลติกได้
มีนักข่าวคนหนึ่งไปถาม ดีทมาร์ ฮามันน์ ประมาณว่า เจอร์ราร์ด จะเอาตัวรอดจากปากเหยี่ยวปากกาได้หรือเปล่า
ฮามันน์ ตอบแบบไม่ต้องคิดนาน มั่นใจเต็มที่ว่าอดีตเพื่อนร่วมทีมจะเขย่าฟุตบอลสก๊อตแลนด์ได้อย่างรุนแรงแน่
แต่นักข่าวรายนั้นคงไม่ได้ปักใจเชื่ออะไรมากหรอก เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าสองคนนี้เคยร่วมงานกันมา เมื่อครั้งเป็นนักเตะลิเวอร์พูล ยังไงก็ต้องอวยกันธรรมดา
บางทีอาจลืมไปว่าคนอย่าง ฮามันน์ ไม่ค่อยเอ่ยปากชื่นชมใครแบบสุ่มสี่สุ่มห้า จะพูดหรือวิจารณ์แต่ละครั้ง ล้วนผ่านการกลั่นกรองอย่างดี
ในปี 2015 เจอร์ราร์ด ย้ายจากลิเวอร์พูลไปเล่นให้แอลเอ กาแลคซี่ ซึ่งเป็นช่วงท้ายของการค้าแข้ง ฮามันน์ ยังพูดเลยว่าเดอะ ค็อปทั้งหลายอย่ากังวล ไม่มี เจอร์ราร์ด ก็ยังประสบความสำเร็จได้
และนั่นคือการทำนายที่ถูกต้องอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ฮามันน์ เป็นหนึ่งในเพื่อนนักเตะที่รู้จัก เจอร์ราร์ด ดีมากๆคนหนึ่ง โดยเฉพาะยามอยู่ในสนามด้วยกัน
เขาเคยเปิดใจให้สัมภาษณ์ตั้งแต่เห็นครั้งแรกๆแล้วว่า ไอ้หนุ่มคนนี้จะรุ่งบนเส้นทางนักเตะอาชีพแน่ๆ ขอแค่รักษาเนื้อตัวให้ดี อย่าเหลิงไปกับชื่อเสียงเงินทองก่อน
ส่วน เจอร์ราร์ด ช่วงก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ไม่นานนัก แล้วทำผลงานได้น่าประทับใจเกินวัย ยอมรับเช่นกันว่า ฮามันน์ นี่แหล่ะคือผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ
1
สไตล์การเล่นของ ฮามันน์ นอกจากประคองน้องแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ห้อตะบึงไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่ จึงมีอิสระในการเล่นเกมรุก ไม่ต้องพะวงเรื่องเกมรับมากเกินไป
1
"เขามักจะช่วยผมได้เสมอในยามคับขัน ผมสบายใจมากๆเมื่อได้เล่นร่วมกับดิดี้"
บุคลิกเด่นของ ฮามันน์ ที่เพื่อนฝูงรู้จักดีคือเยือกเย็น คุมอารมณ์ตัวเองได้ยอดเยี่ยมมาก
อีกทั้งยังพร้อมเสียสละเพื่อสโมสรเสมอ นึกถึงตัวเองทีหลัง
อย่างเกมนักชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2005 ตำนานปาฎิหาริย์อิสตันบูล หลายคนยังพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้
ตอนแรกคาดกันว่า ฮามันน์ น่าจะได้ออกสตาร์ต เพราะในเกมตัดเชือกกับเชลซีทั้งสองนัดก็เป็นตัวจริงอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามนัดสำคัญสุดอย่างนี้ เขากลับมีชื่อแค่สำรองเท่านั้น ราฟา เบนิเตซ ผู้จัดการทีมอธิบายให้เข้าใจถึงเหตุผลเรื่องแท็คติก
กระทั่งจบครึ่งแรกโดนเอซี มิลานโขยกหนี 3-0 แทบจะหมดลุ้นแชมป์แล้ว ราฟา คงมองออกว่าเป็นรองในแดนกลางอย่างชัดเจน จึงหย่อนกองกลางทีมชาติเยอรมันลงมาเพิ่มสมดุล
ปรากฎว่าได้ผลเกินคาด ลิเวอร์พูลกลับมาได้ราวปาฏิหาริย์ตีเสมอ 3-3 ก่อนเข่นจุดโทษชนะ คว้าแชมป์ไปอย่างระทึก
แต่หลังจากแมตช์นั้น ฮามันน์ ต้องพักยาวร่วม 4 สัปดาห์ด้วยกัน เนื่องจากอาการเจ็บบริเวณเท้าขวา เกิดมีรอยร้าว
จริงๆแล้วเขาสามารถเดินออกมาปฐมพยาบาลข้างสนามได้ แต่ตอนนั้นไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก ทีมต้องการประตูเพื่อกลับมา เวลาทุกนาทีมีค่ามาก
อีกทั้งเจ้านายเปลี่ยนตัวผู้เล่นครบ 3 คนตามโควต้าแล้ว ไม่อาจส่งใครลงได้อีก ถ้าหากยังฝืนไหวเขาก็ควรอยู่ในสนามให้ครบ 11 คน เพื่อไม่ต้องการให้ทีมเสียเปรียบและเพื่อนร่วมทีมเสียขวัญ
ฮามันน์ ยอมลากสังขารอาการบาดเจ็บ จนมีส่วนสำคัญให้ทีมคว้าแชมป์ยุโรป แม้จะต้องแลกกับการพักยาวก็ตาม
1
อีกหนึ่งความเสียสละและมีน้ำใจของ ฮามันน์ ซึ่ง เจอร์ราร์ด ย่อมจำได้ดีคือเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2002
เยอรมันเผชิญหน้าอังกฤษ ซึ่งคู่นี้มีศักดิ์ศรีค้ำคออยู่ด้วย จึงไม่ยอมกันง่ายๆแน่
รูปเกมจึงเดือดดาล เข้าบอลกันหนักหน่วงดุดันมาก ก่อนจะลงสนาม เจอร์ราร์ด สัญญาไว้กับตัวเองว่าจะตัดขาดความเป็นเพื่อนทิ้งชั่วคราว ถ้าสวมเสื้อคนละสีหมายความว่าเราคือศัตรูกัน
ด้วยตำแหน่ง เจอร์ราร์ด ต้องดวลกับ ฮามันน์ เกือบตลอดเวลา เขาพยายามไซโคสั่นประสาทต่างๆ ด้วยการพูดจาหบายคายใส่และยั่วให้สมาธิเสีย
อย่างไรก็ตาม ฮามันน์ กลับไม่หวั่นไหว ตรงกันข้ามบางจังหวะยังคอยสอนน้อง เหมือนกับที่เล่นให้สโมสรด้วยกัน
ลองคิดดูว่าหากเป็นนักเตะอื่น โดนรุ่นน้องเล่นงานอัดหนักและเล่นสงครามประสาทอย่างนี้ ใครจะไปทนได้
แต่ ฮามันน์ ไม่ใช่แค่ทน ยังมีน้ำใจโอบอ้อมตอบกลับมา
ภายหลัง เจอร์ราร์ด เล่าให้ฟังว่าการกระทำครั้งนั้นทำให้รู้สึกผิดอย่างมากเรื่องหนึ่งในชีวิต ซึ่งเขาได้ขอโทษแล้ว แต่ยังมีบางอย่างติดค้างอยู่
1
อย่างไรก็ตาม ฮามันน์ เข้าใจดี เพราะรู้ว่าน้องมุทะลุดุดัน บางครั้งมุ่งมั่นเกินไป จนเป็นการทำลายตัวเอง ได้แต่พร่ำสอนจุดอ่อนนี้เสมอมา
ไม่แปลกเลยที่ เจอร์ราร์ด จะซูฮกยกย่อง ฮามันน์ มากๆ ไม่ใช่ได้รับการช่วยเหลือในสนามอย่างเดียวเท่านั้น แต่เรื่องข้างนอกยังเป็นพี่เลี้ยงอีกด้วย
"ผมไม่เคยสงสัยในเรื่องความสามารถของสตีวี่เลยนะ นี่คือนักเตะที่เต็มไปด้วยแพสชั่น อยากจะเป็นผู้ชนะอยู่ตลอดเวลา"
"แต่สิ่งที่น่าชื่นชมยิ่งกว่าคือ จากวันแรกที่ผมรู้จักเขาจวบจนวันนี้ ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ชื่อเสียงหรือเงินทองไม่อาจสั่นคลอนได้เลย"
ฮามันน์ กล่าวชื่นชมรุ่นน้องไว้อย่างนี้ ซึ่งเขาปักใจเชื่อเสมอว่า "ดูไม่ผิด"
เช่นเดียวกับตอนตัดสินใจคุมเรนเจอร์ส หลายคนคัดค้าน แต่ ฮามันน์ เห็นด้วย กระทั่ง เจอร์ราร์ด พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าดีพอสำหรับตำแหน่งนี้
เขาทำงานอย่างหนักเพื่อลดระยะห่างระหว่างจากเซลติกลงให้ได้ กระทั่งปลายปีก่อนเอาชนะได้สำเร็จ ซึ่งเป็นความสะใจอีกครั้งในชีวิตผู้จัดการทีม
ฮามันน์ อาจไม่ใช่นักเตะที่เก่งกาจสุดในสายตาของ เจอร์ราร์ด ก็จริง
แต่จะเป็นนักเตะที่ เจอร์ราร์ด ไม่มีทางลืมลงอย่างแน่นอนตลอดชีวิตนี้
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา