19 มี.ค. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #เหยื่อที่ถูกเชือดโชว์ ]
มีนักเตะไม่กี่คนนักที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะยอมรับว่าผิดพลาดจริงๆที่ปล่อยตัวออกไป
ยาป สตัม คือหนึ่งในแข้งที่ทำให้ เฟอร์กี้ สำนึกในเรื่องนี้ว่าไม่ควรอย่างยิ่งขายให้ ลาซิโอ ในปี 2001
"ยอมรับเลยว่าผมเป็นคนก่อความผิดพลาดเอง ไม่มีอะไรต้องสงสัยทั้งสิ้น"
ประโยคนี้ เฟอร์กี้ หลุดออกมาทั้งจากในหนังสืออัตชีวประวัติหรือการเปิดใจให้สัมภาษณ์ในภายหลัง
ก่อนหน้าจะโดนหั่นทิ้ง สตัม ออกหนังสือของตัวเอง เล่าเรื่องราวต่างๆตั้งแต่สมัยค้าแข้งในลีกฮอลแลนด์บ้านเกิด กระทั่งฝันเป็นจริงร่วมก๊วนปีศาจแดง
อย่างไรก็ตามในเนื้อหาบางส่วนนั้น ระบุว่าเจ้านายได้แอบติดต่อกับเขาอย่างลับๆ ซึ่งถือว่าผิดมารยาทความเป็นมืออาชีพมากๆ โดย เฟอร์กี้ พยายามบอกอยู่เสมอว่าไม่ชอบการกระทำแบบนี้
แล้วมาโดนลูกน้องแฉที่แท้ตัวเองก็เป็นซะเอง ทำให้ เฟอร์กี้ เสียฟอร์มไม่ว่า เสียหน้าอีกต่างหาก
กระนั้นเขาเก็บงำเรื่องนี้เอาไว้ ไม่ยอมเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริง แล้วอ้างว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บและสภาพร่างกายของ สตัม ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เลยตัดสินใจขายทิ้งในวันที่ยังได้ราคางดงาม
"เขาเจ็บไปพักใหญ่ แล้วพอกลับมาอีกครั้งไม่เหมือนเดิมแล้ว เรื่องนี้ผมปรึกษากับ สตีฟ แม็คลาเรน อย่างถี่ถ้วน"
"สตีฟ เองก็คิดเช่นกันว่า สตัม ดูช้าเกินไป สปีดลดลง แล้วข้อเสนอของลาซิโอก็น่าพอใจด้วย"
"เรามานั่งทบทวนอย่างดี เกมก่อนหน้านั้นที่เจอฟูแล่ม เขามีข้อผิดพลาดให้เห็น เงิน 16.5 ล้านปอนด์ ทำให้เราต้องกลับมาไตร่ตรอง"
"ตอนนั้นสโมสรเองต้องการเงินก้อนหนึ่งมาสร้างความสมดุลด้วย เราจึงคิดว่าเหมาะสมแล้วที่ทำอย่างนั้นลงไป"
"ภายหลังมาเห็น สตัม ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผมจึงรู้สึกได้เลยว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่เลวร้ายครั้งหนึ่งในชีวิตเลยจริงๆ"
"เราน่าจะรอดูเขาให้มากกว่านี้หน่อย อย่างที่บอกผมคงไม่แก้ตัวอะไร นอกจากตัวเองผิดพลาด"
นับตั้งแต่ สตีฟ บรูซ ปราการหลังคู่บุญย้ายออกไปเบอร์มิ่งแฮมในปี 1996 เฟอร์กี้ พยายามเฟ้นหานักเตะที่ใช่มาทดแทนในส่วนที่ขาดหายไปในแนวรับตรงนี้
แล้วพอได้รับรายงานจากทีมสเก๊าต์ว่ามีเซนเตอร์แบ็กของพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่นคนหนึ่งน่าสนใจมาก รูปร่างใหญ่โตเหมาะกับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษ แถมอ่านเกมดีมากๆ อีกทั้งมีความเร็ว
เฟอร์กี้ เลยติดตาม สตัม เรื่อยมาจนซัมเมอร์ปี 1998 จึงปิดดีลได้สำเร็จ แม้จะโดนพีเอสวีตีกันทุกวิถีทาง เพราะไม่ค่อยอยากปล่อยเท่าไรนัก
แต่เมื่อเห็นข้อเสนอ 10.6 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติกองหลังแพงสุดในโลกเวลานั้น จากเซย์โนในตอนแรก ก็ใจอ่อนเปลี่ยนเป็นเซย์เยส
บุคลิกของ สตัม ยังเป็นพวกจิตใจแกร่งมากๆ ไม่กลัวการปะทะกับกองหน้าทุกคนและพร้อมจะตีหน้ายักษ์ใส่อีกต่างหาก นั่นยิ่งสร้างความประทับใจให้ เฟอร์กี้
ต้องยอมรับเลยว่าผลงานของเขาไม่ใช่ตัวแปรสำคัญอย่างเดียว ที่ทำให้ปีศาจแดงกวาดความสำเร็จอย่างบ้าคลั่งในยุคปลายทศวรรษ 90 ต่อเนื่องมายังมิลเลนเนี่ยม
แต่ สตัม ยังเป็นแรงกระตุ้นชั้นดี ช่วยปลุกสปิริตหรือแพสชั่นของเพื่อนร่วมทีมให้มีพลังฮึกเหิมอยู่เสมอยามอยู่ในสนาม
ยิ่งตอนได้ผนึกกับ รอย คีน ด้วยแล้ว รัศมีความดุดันเกรี้ยวกราดจะแผ่กระจายออกไปอีก
มันน่าทึ่งมากๆ เพราะตลอด 3 ปีเศษๆที่ปักหลักกับแมนฯยูไนเต็ด เขามีส่วนอย่างมากผลักดันครองแชมป์พรีเมียร์ 3 ฤดูกาลรวด ไม่แบ่งเค้กก้อนใหญ่ให้ใครเลย
นอกจากนี้ยังนำทัพคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในปี 1999 อย่างมหัศจรรย์และเหตุการณ์ที่คัมป์ นูในวันนั้นถูกเล่าขานมาจนวันนี้
รวมทั้งการผงาดทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 1999 จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีทีมไหนจากอังกฤษทำได้เหมือนแมนฯยูไนเต็ด
ตอน เฟอร์กี้ กล่าวสปีชขอบคุณนักเตะทุกๆคนในงานเลี้ยงของสโมสร เขายังเน้นย้ำเรื่องเกมรับที่แข็งแกร่งมากขึ้น เป็นจุดสำคัญนำไปสู่ความสำเร็จอันน่าทึ่ง ไม่ใช่แค่เกมรุกอันดุดันอย่างเดียว
และการมาของ สตัม นั่นแหล่ะ เฟอร์กี้ อยากจะพูดถึงตรงนี้ มันสร้างความภาคภูมิใจให้กับเขามากๆที่เลือกคนไม่ผิด
เพียงแต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป สถานการณ์เปลี่ยนไป ทุกอย่างจึงไม่เหมือนเดิม
หลังจากโดนขายทิ้งไปยังลาซิโอไม่นาน สตัม ให้สัมภาษณ์ว่าไม่เคยเสียใจที่ต้องจากแมนฯยูไนเต็ด
เขายืนยันว่าได้ประสบการณ์ล้ำค่าจากที่นั่น อีกทั้งความสำเร็จอย่างล้นหลามก็เป็นเครื่องชี้วัดได้ดีถึงผลงานที่ฝากเอาไว้
อย่างน้อยแฟนบอลแทบทุกคนคงลืมไม่ลง
อลัน เชียเรอร์ , เดนนิส เบิร์กแคมป์ หรือ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ สุดยอดหน้าพรีเมียร์ลีกในยุคนั้น ต่างโหวตชื่อ สตัม เหมือนกัน หากถูกถามว่าใครคือกองหลังที่โคตรแกร่งและไม่อยากเผชิญด้วย
สำคัญไม่แพ้กันคือความเจ็บปวดครั้งนั้น ยังช่วยหล่อหลอมให้เขาแกร่งกว่าเดิมด้วย นั่นเลยส่งให้ฟอร์มกับลาซิโอยังยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน
ใช่แล้ว , สตัม เจ็บปวดมากๆที่ต้องย้ายออกมา แม้จะพูดว่าไม่เคยเสียใจเลยก็ตาม
เขาเคยให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟกับสกาย สปอร์ตส์ถึงเรื่องนี้ แบบที่ว่าไม่ต้องเกรงใจหรือมีอะไรปิดบังอีกต่อไป
สตัม เล่าเป็นฉากๆว่า เฟอร์กี้ ตามดูเขานานนับปี ก่อนจะมีการพูดคุยแบบลับๆและตามมาซึ่งการย้ายเป็นสถิติในปี 1998 ดังกล่าว
แล้วในวันที่เขาโดนเจ้านายที่นับถือตัดทิ้ง มันใช้เวลาเพียงแค่สั้นๆเท่านั้น
มีโทรศัพท์จาก เฟอร์กี้ ต่อสายเข้ามาระหว่างที่ สตัม กำลังขับรถ แล้วถามว่าอยู่ตรงไหน ก่อนจะนัดหมายให้ไปเจอกันที่ปั๊มข้างทางแห่งหนึ่ง
เฟอร์กี้ พูดไม่ถึง 10 นาที บอกถึงเหตุผลที่จะต้องขายให้ลาซิโอแบบปัจจุบันทันด่วนและ สตัม ไม่มีทางเลือกอย่างอื่น แต่ตอนนั้นรู้สึกช็อคอย่างมาก
ก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่นานเดอะ มิร์เรอร์ นำเนื้อหาบางส่วนในหนังสือ Head to Head ที่พาดพิง เฟอร์กี้ เกี่ยวกับการแอบพูดคุยติดต่อกันมาตีแผ่เล่นเป็นประเด็นใหญ่โต
"หนังสือเปิดตัววันจันทร์ บ่ายวันนั้นสื่อก็เอาเนื้อหามาเล่นข่าวกันแล้ว วันพุธผมต้องลงเล่นในนามทีมชาติฮอลแลนด์ แถมมาเยือนอังกฤษ"
สตัม รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีแล้ว จึงรีบโทรหาเจ้านายก่อนเพื่อเคลียร์ให้เรียบร้อย พร้อมทั้งย้ำว่าเรื่องที่หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นนำไปลง ไม่ได้ตรงกับในหนังสือของเขาเลย มันมีการบิดเบือนเพื่อให้เกิดการเบี่ยงเบน
ตอแรกเจ้านายดูโอเค แต่สื่อกลับสนุกสนานไปกับเรื่องนี้ ไม่ยอมหยุดง่ายๆและฉบับอื่นก็เฮโลตามมาเปิดแผลให้มากขึ้นเข้าไปอีก
พอกลับมาจากรับใช้ทีมชาติแล้ว เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
กระทั่งวันที่แตกหักระหว่างขับรถนั่นแหล่ะ เอเยนต์โทรมาบอกว่าเขาโดนปล่อยให้ลาซิโอเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกไม่ค่อยอยากเชื่อนัก กระทั่งเจ้านายโทรมาหาและขอนัดคุย
จริงๆเขาอยากจะอ้อนวอนว่าต้องการอยู่ต่อ เพิ่งมีการขยายสัญญาออกไปอีก 5 ปี แต่เพราะไม่ใช่นิสัยและเมื่อคิดว่าไม่เป็นที่ต้องการของ เฟอร์กี้ ก็พร้อมยอมไป
ตอนปี 2017 สตัม ในฐานะผู้จัดการทีมเร้ดดิ้งในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ มีคิวยกทัพมาเจอแมนฯยูไนเต็ดที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดอีกครั้ง เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้กลับถิ่นเก่า
แต่นักข่าวยังคงงัดเรื่องเก่ามาเล่นอีก แล้วเมื่อถูกถาม สตัม ปฎิเสธเลยว่าเหตุผลที่ถูกขายทิ้งในวันนั้นไม่ได้เกี่ยวกับหนังสือหรอก แต่ เฟอร์กี้ และสโมสรเห็นชอบแล้ว เป็นไปตามกลไกของตลาดนักเตะ
แม้ตอนนั้นจะรีไทร์เรียบร้อย แต่ เฟอร์กี้ ได้ฟังเข้าย่อมรู้สึกผิดขึ้นมาอีกเช่นเดียวกัน เพราะรีบร้อนเกินไปและต้องการตัดไฟแต่ต้นลม
อย่างไรก็ตามสำคัญที่สุดเลยเขาต้องการจะบอกลูกน้องทุกคนว่าอย่าล้ำเส้นเด็ดขาด ให้มันรู้บ้างว่าใครใหญ่ที่สุด นี่คือแนวทางการปกครองที่ชัดเจนมาตลอด
สตัม เหมือนเหยื่อที่ถูกเชือดโชว์เป็นตัวอย่าง ซึ่งเขาเองก็น่าจะพอรู้บ้าง
แต่เลือกที่จะไม่พูดเองต่างหากว่าความจริงคืออะไร พร้อมยอมรับมันและเดินหน้าต่อไป
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา