19 มี.ค. 2020 เวลา 02:44 • กีฬา
จุดเริ่มต้นของทอม เบรดี้ จากควอเตอร์แบ็กโนเนม เป็นมือ 4 ของทีม เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นอันดับ 1 ตลอดกาลของอเมริกันฟุตบอลได้อย่างไร นี่คือเรื่องราวในช่วงแรกของชีวิต G.O.A.T. คนนี้
23 กันยายน 2001 เกมอเมริกันฟุตบอล NFL ระหว่าง นิวยอร์ค เจ็ตส์ กับ นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น 2 อย่างในโลกกีฬา
อย่างแรก นี่เป็นการแข่งขันครั้งแรกของทีมอเมริกันฟุตบอล จากเมืองนิวยอร์ค หลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรม เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ หรือ เหตุการณ์ 9-11
ก่อนเกมจะเริ่ม บรรยากาศในสนามเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ค รูดอล์ฟ จูลิอานี่ ออกมาแถลงการณ์ ให้ประชาชนนิวยอร์ค รวมใจกันเป็นหนึ่ง
ในช่วงต้นของการถ่ายทอดสด แทนที่จะร้องเพลงชาติแล้วเริ่มแข่งตามปกติ คราวนี้ มีการนำศิลปินชื่อดัง อย่างลีโอเนล ริชชี่ และ แมรี่ เจ ไบลจ์ มาร้องเพลงปลุกใจ America the beautiful ของเรย์ ชาร์ลส์ ก่อนที่จะร้องเพลงชาติด้วย
การแข่งขันในเกมนี้ แข่งที่ฟ็อกซ์โบโร่ บ้านของนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์
นิวอิงแลนด์ อยู่ส่วนไหนของสหรัฐอเมริกา? หลายคนอาจจะแปลกใจ เพราะใน 50 รัฐ ไม่มีรัฐที่ชื่อนิวอิงแลนด์นี่นา
คำตอบคือ นิวอิงแลนด์ เป็น "ภูมิภาค" ทางอีสานของสหรัฐ ที่รวมเอา 6 รัฐ มาอยู่รวมกัน ได้แก่ คอนเน็คติคัท, เมน, แมสซาชูเซท, นิวแฮมป์เชียร์, โรด ไอส์แลนด์ และ เวอร์มอนต์
ใน 6 รัฐนี้ เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือบอสตัน เมืองหลวงของรัฐแมสซาชูเซท ดังนั้นเราจะสังเกตได้ว่า ทีมอเมริกันฟุตบอล ไม่มีทีมจากเมืองบอสตัน (คือกีฬาอื่นมี บาสฯ ก็มีบอสตัน เซลติคส์ เบสบอลก็มี บอสตัน เรดซ็อกซ์)
นั่นเพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องมี มีนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์อยู่แล้ว ทีมเดียวก็เพียงพอ เป็นตัวแทนของทั้ง 6 รัฐไปเลย
ในเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด เครื่องบินที่ชนตึกทั้ง 2 ลำ บินมาจากสนามบินโลแกน ในเมืองบอสตัน ทั้ง 2 ลำ ดังนั้นชาวเมืองบอสตัน จึงร่วมแชร์ความเจ็บปวดของเหตุการณ์ 9-11 ไม่แพ้คนนิวยอร์ค
ไม่แปลกเลยที่เกม NFL ระหว่างทีมเจ็ตส์ กับ เพเทรียตส์ ทุกคนในสนามก็เศร้าเสียใจกันหมด
สำหรับการแข่งขันเกมนี้ นิวยอร์ค เจ็ตส์ บุกมาเอาชนะนิวอิงแลนด์ได้ 10-3 แต่แน่นอน ผลการแข่งขันไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญนัก
ความหมายของเกมนี้ แท้จริงแล้ว เป็นการบ่งบอกว่า แม้จะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขนาดไหน แต่ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป และโปรแกรมการแข่งขันกีฬา ก็ต้องดำเนินต่อไปเช่นกัน
นั่นคือเหตุการณ์สำคัญอย่างแรก
เหตุการณ์สำคัญอย่างที่ 2 ถือว่ามีอิทธิพลกับกีฬาอเมริกันฟุตบอลมาจนถึงวันนี้ นั่นเพราะ นี่คือเกมแรก ที่โลกได้รู้จักเพชรเม็ดงาม ที่ชื่อ ทอม เบรดี้
เขามีโอกาสลงสนามใน NFL เนื่องจากมือหนึ่งของทีม ดรูว์ เบลดโซ ได้รับบาดเจ็บ
และนับจากวันนั้น เบรดี้ ไม่เคยกลับไปเป็นตัวสำรองของนิวอิงแลนด์อีกเลย ตลอด 20 ปีเต็ม
มาพูดในปัจจุบัน ก็ดูเหมือนจะง่าย เหมือนชะตาลิขิตเอาไว้ให้เขาแล้ว แต่จริงๆ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น
เบรดี้ โดนดราฟต์ตัว มาในปี 2000 ในรอบที่ 6 เป็นคนที่ 199
ตำแหน่งของเขา ตอนโดนนิวอิงแลนด์ดราฟต์มาใหม่ๆ คือควอเตอร์แบ็ก เบอร์ 4 ของทีม มีคนที่อยู่นำหน้าเขา 3 คน คือ ดรูว์ เบลดโซ , ไมเคิล บิช็อป และ จอห์น ฟรีซ
ในปี 2000 เบรดี้ ได้ลงเล่นเพียงแค่ 1 เกมเท่านั้นในฐานะตัวสำรอง โดยลงมาช่วงท้ายเกม ที่สกอร์ขาดกันไปแล้ว และเบรดี้ ได้โอกาสขว้างบอลแค่ 3 ครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้โอกาสเป็นตัวจริงสักนัด เบรดี้ ก็ยังคงทุ่มเทอย่างหนักตอนซ้อม และในที่สุดก็ได้รับการเลื่อน จากมือ 4 ค่อยๆขยับเป็นมือ 2 ของทีม ตามหลังแค่ ดรูว์ เบลดโซ คนเดียวเท่านั้น
อีกแค่ 1 ด่าน เท่านั้น เขาก็จะเป็นตัวจริงแล้ว แต่ปัญหาคือ เจ้า 1 ด่านที่ว่ามันคือ เบลดโซ ซึ่งเป็นกำแพงใหญ่ ที่เบรดี้ ไม่รู้จะก้าวข้ามไปได้อย่างไร
ในขณะที่เบรดี้ เป็นตัวดราฟต์ที่ไม่มีใครรู้จัก แต่เบลดโซ คือดราฟต์เบอร์ 1 ของลีก ในปี 1993 อย่างที่เรารู้กัน ผู้เล่นคนไหนได้ดราฟต์เบอร์ 1 คือสุดยอดดาวรุ่งในปีนั้น เป็นคนที่สโมสรต้องการฝากฝังอนาคตระยะยาวเอาไว้
ว่าง่ายๆ นิวอิงแลนด์ เลือกเบลดโซเข้ามา ก็เพื่อจะให้เป็นมือหนึ่ง แต่กับเบรดี้ ไม่ใช่
ขณะที่ผลงานในสนาม เบลดโซ เล่นได้ดีมากๆ เขาติดทีมโปรโบวล์ 3 สมัย โดยเฉพาะในปี 1994 เขาเป็นควอเตอร์แบ็ก ที่ขว้างทำระยะได้มากที่สุดในลีก ขณะที่ในปี 1996 ก็พานิวอิงแลนด์ เข้าชิงซูเปอร์โบวล์ได้สำเร็จ แต่ไปแพ้กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส อย่างน่าเสียดาย
นอกจากนั้น เบลดโซ ก็เป็นคนนิสัยดี เพื่อนๆรักใคร่ มีอารมณ์ขัน แม้แต่ตัวเบรดี้เองยังชอบเลย คือดูๆแล้ว ไม่มีเหลี่ยมมุมไหนๆ ที่เบรดี้ จะแย่งตำแหน่งได้
ด้วยความที่เบลดโซเพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้ ทำให้นิวอิงแลนด์ ตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ทีม คือ สัญญา 10 ปี มูลค่า 103 ล้านดอลลาร์ คือผู้บริหารให้ความมั่นใจในตัวเบลดโซ อย่างเต็มเปี่ยม อยากให้เขาสิ้นสุดอาชีพที่นิวอิงแลนด์ไปเลย ถ้าเป็นไปได้
1
คำถามคือถ้าคุณเป็นทอม เบรดี้ แล้วเจอกำแพงที่ใหญ่ขนาดนี้ขวางอยู่ จะทำอย่างไร?
บางคนคงท้อ และอาจหมดไฟ ยอมรับสภาพกับการเป็นสำรอง บางคนก็คงทนไม่ไหว ขอย้ายทีมดีกว่า ไปอยู่กับทีม ที่มีโอกาสเป็นตัวจริงมากกว่านี้
แต่ละคนก็มีทางเลือกของตัวเอง แต่ทว่าทางที่เบรดี้เลือก คือ "อดทน"
เบรดี้ ซ้อมอย่างหนักไปเรื่อยๆ และรอโอกาสว่าสักวันมันจะมาถึง เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่เชื่อว่ามันมี
23 กันยายน 2001 ในควอเตอร์ 4 ในขณะที่นิวยอร์ค เจ็ตส์ นำนิวอิงแลนด์ อยู่ 10-3 เบลดโซ วิ่งกินระยะขึ้นมาด้านขวาของสนาม ทันใดนั้น เขาโดน โม ลูอิส ผู้เล่นของเจ็ตส์ดับเครื่องชนเต็มแรง
"มันเป็นเสียงกระแทกที่ดังที่สุดที่ผมเคยได้ยิน" เบรดี้ที่ตอนนั้นอยู่ข้างสนามกล่าว "ดรูว์นั้นอึดมากๆ เขาลุกขึ้นและพยายามเดินออกมาข้างสนาม แต่ตอนนั้นคือหน้ากากเขาเละไปหมดแล้ว มันเป็นการกระแทกที่โหดมาก"
1
เบลดโซต้องโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามทันที และเบรดี้ทั้งๆที่ไม่ได้คาดมาก่อนว่าจะได้เล่น ก็ได้รับโอกาสให้ลงสนาม ในเวลา 2.16 นาที ที่เหลือของเกม
นัดนั้น เบรดี้ไม่สามารถช่วยให้ทีมคัมแบ็กกลับมาชนะเจ็ตส์ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ได้โอกาสสัมผัสเกมที่เล่นกันแบบจริงจัง เป็นครั้งแรก
สำหรับเบลดโซนั้น การกระแทกส่งผลเลวร้ายกว่าที่คาด เขาต้องพักขั้นต่ำ 2 เดือน ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน และมีเลือดออกภายใน นั่นทำให้นิวอิงแลนด์ไม่มีทางเลือก ต้องใช้เบรดี้ ยืนเป็นตัวจริงในเกมต่อมา
ในตอนแรกทุกคนในทีมกังวลใจกับอาการบาดเจ็บของเบลดโซมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าเบรดี้ จะสามารถแทนที่ได้
ไท ลอว์ คอร์เนอร์แบ็กดีกรีโปรโบวล์ บอกกับเบรดี้ว่า "ไอ้หนู เกมรับของเราเอาอยู่ แต่แกที่เล่นเกมบุก อย่าทำพังเยอะ อย่าทำให้เราปวดหัวละกัน โอเคมั้ย"
การที่เบรดี้ต้องลงเป็นตัวจริง นั่นแปลว่าในช่วงซ้อม เขาต้องซ้อมกับกลุ่มผู้เล่นตัวจริง
ระหว่างการซ้อม สิ่งที่ทำให้ทุกคนทึ่งคือเบรดี้ อาจไม่ได้มีสปีดต้นจัดจ้านเหมือนควอเตอร์แบ็กแบบไมเคิล วิค และไม่ได้มีพลังแขนมหาศาล แบบดอนเต้ คัลเปปเปอร์ แต่สิ่งที่เบรดี้มี คือจิตใจที่แข็งแกร่ง เขาไม่เคยยอมแพ้อะไรเลย แม้แต่ครั้งเดียว
ในช่วงการซ้อม ทีมรับของทีมตัวจริง วิ่งบลิตซ์อัดเบรดี้จนล้มกลิ้ง แต่พอเพลย์ต่อมาแม้จะเจ็บตัว แต่เบรดี้ก็ลุกขึ้นแล้วก็ประจันหน้า เขาสู้ต่อ
หลายๆครั้ง เบรดี้โดนเพื่อนร่วมทีมเยาะเย้ยเวลาโดน Sack หลายๆครั้ง โดนแซวลามไปถึงพ่อแม่ แต่เบรดี้ ไม่ได้หัวหด เขาลุกขึ้นยืน ด่ากลับแล้วสู้ต่อ
สไตล์ของเบรดี้ ไม่ใช่คนอ่อนโยนและเฟรนด์ลีย์ เหมือนดรูว์ เบลดโซ สิ่งที่แตกต่างที่เห็นชัดเจน คือเขากระหายในชัยชนะมากกว่า และมีทัศนคติของผู้ชนะเต็มตัว
หลังจบการซ้อมในคืนหนึ่ง เพื่อนร่วมทีมนิวอิงแลนด์ ออกไปทานอาหารกันที่ร้านเอ้บ & ลูอี้ ในเมืองบอสตัน มีช็อตหนึ่งเบรดี้ โดนแซวว่า เดี๋ยวพอเบลดโซกลับมา เขาก็ต้องกลับไปเป็นสำรองต่อ
แต่เบรดี้ สวนคืนทันควัน "บอกได้เลย เขาไม่มีวันได้ตำแหน่งห่านี่กลับไปหรอก"
1
เบรดี้ ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรเบลดโซ เขาเคารพเบลดโซมากๆด้วยซ้ำในฐานะรุ่นพี่
แต่ในเมื่อโอกาสมาอยู่ในมือเขาแล้ว เขาก็ปล่อยไปไม่ได้เหมือนกัน เขาไม่ใช่ควอเตอร์แบ็กที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นต้นทุน ถ้าเขาได้โอกาสในมือแล้วดันพลาด มันอาจไม่มีโอกาสครั้งที่ 2
ในเกมแรกที่เบรดี้ ได้เป็นตัวจริงให้นิวอิงแลนด์ คือเกมที่ 3 ของซีซั่น เป็นการเปิดบ้านฟ็อกซ์โบโร่ เจออินเดียนาโปลิส โคลต์ส ของเพย์ตัน แมนนิ่ง
เบรดี้ ขว้างทำระยะไป 168 หลา พานิวอิงแลนด์ ถล่มโคลต์ส กระจุย 44-13 ทีมสามารถเก็บชัยนัดแรกของซีซั่นได้สำเร็จ และจากนั้นมาฟอร์มของทีมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
นิวอิงแลนด์ จากทีมที่เคยคางเปราะ โดนนำแล้วก็มักจะเป๋ เสียศูนย์ยาวๆ แต่พอเบรดี้เป็นตัวจริง พวกเขาตายยากมาก คัมแบ็กกลับมาได้ตลอด
ในเกมที่ 5 ของฤดูกาล นิวอิงแลนด์ เจอซานดีเอโก้ ชาร์จเจอร์ส ปรากฏว่าพวกเขาโดนนำ 26-16 ในควอเตอร์ 4 คือใครๆก็คิดว่า เพเทรียตส์ แพ้แน่ๆ แต่เบรดี้ไม่ยอม เขาพาทีมกลับมาตีเสมอได้ 26-26 ก่อน ไปเบียดเอาชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษ
เกมแล้วเกมเล่าที่เบรดี้ โชว์พลังใจอันแข็งแกร่ง เขามีคุณสมบัติแปลกๆคือ ดึงให้ทั้งทีม เก่งขึ้นมาได้พร้อมๆกัน นั่นทำให้สถิติของนิวอิงแลนด์ หลังจากออกสตาร์ต ชนะ 0 แพ้ 2 พอผ่านไป 9 นัด พลิกกลับมาเป็นชนะ 5 แพ้ 4 พวกเขามีลุ้นเข้าเพลย์ออฟแบบเต็มตัว
หลังผ่านการแข่งไป 3 เดือน คราวนี้ ดรูว์ เบลดโซ ควอเตอร์แบ็กมือ 1 ตัวจริง หายกลับมาแล้ว
"ผมต้องการกลับไปเป็นตัวจริงให้เร็วที่สุด" เบลดโซกล่าว
นั่นทำให้โค้ชบิลล์ บิลลิชิค ต้องกดดัน คือทีมกำลังโมเมนตั้มดีๆภายใต้การนำของทอม เบรดี้ แต่ เบลดโซ ก็เป็นมือหนึ่งตัวจริง สุดท้ายหลังคิดหนัก บิลลิชิค ตัดสินใจดร็อปเบลดโซเป็นตัวสำรองต่อไป
ในสายตาของโค้ช ณ เวลานี้ ผู้เล่นจะดราฟต์รอบไหน มันก็ไม่เกี่ยวกันอีกแล้ว เมื่ออยู่ในสนามใครทำผลงานได้ดีกว่า คนนั้นก็ต้องเป็นตัวจริง แค่นั้นเอง
เบรดี้ ยิ่งเล่นยิ่งเปล่งประกาย เขาพาทีมชนะต่อเนื่อง ไม่มีใครที่หยุดนิวอิงแลนด์ได้อีก
เพเทรียตส์ ทะยานเข้าถึงซูเปอร์โบวล์ได้สำเร็จ และต้องเจอกับคู่แข่งที่ร้ายกาจที่สุด ณ ชั่วโมงนั้น ซึ่งได้แก่ เซนต์หลุยส์ แรมส์
ในซูเปอร์โบวล์ครั้งนั้น แรมส์เป็นต่อพอตัว เพราะมีทีมที่แข็งแกร่งกว่า แรมส์ของไมค์ มาร์ตซ์ ได้รับฉายาว่า "The Greatest Show on Turf" เพราะสไตล์การเล่นของแรมส์ สวยงามและดุดัน ถ้าเปรียบกับฟุตบอล ก็คือบาร์เซโลน่า ยุคเป๊ป กวาร์ดิโอล่าได้เลย
แรมส์ถล่มเละเทะทุกทีมในฤดูกาลปกติ แม้แต่นิวอิงแลนด์เองก็ยังโดน
คือเมื่อไล่ไปดูรายชื่อผู้เล่น ก็จะเห็นว่าแรมส์น่ากลัวมาก พวกเขามีควอเตอร์แบ็ก เคิร์ท เวอร์เนอร์ มีปีกระดับสุดยอดอย่างทอร์รี่ โฮลต์ และ ไอแซ็ค บรูซ มีรันนิ่งแบ็กจอมทะลุทะลวง มาร์แชล ฟอล์ค
ก่อนเกมจะเริ่ม แรมส์ เป็นต่อ 14 แต้ม ซึ่งเป็นแต้มต่อที่ห่างมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ซูเปอร์โบวล์
ในเกมซูเปอร์โบวล์ครั้งนั้น นิวอิงแลนด์มาดีกว่าที่คิด และออกนำไปก่อน 17-3 แต่พอเข้าควอเตอร์สุดท้าย ทั้งทีมก็เริ่มแผ่ว โดนแรมส์ทำ 2 ทัชดาวน์รัวๆ ตีเสมอเป็น 17-17
ในตอนนี้ โมเมนตั้มกลับมาเข้าทางแรมส์เต็มๆ นั่นเพราะนิวอิงแลนด์มีประสบการณ์น้อยกว่า เริ่มขวัญเสีย
ตอนนั้นเวลาเหลืออีกแค่ 1 นาที 21 วินาที และนิวอิงแลนด์ใช้เวลานอกหมดไปแล้ว จอห์น แมดเด้น ผู้บรรยายจึงแนะนำไปว่า นิวอิงแลนด์ควรประคองตัว ไม่ให้เล่นผิดพลาด ลากให้หมดเวลาไปดีกว่า แล้วค่อยไปวัดกันอีกที ช่วงต่อเวลาพิเศษ
คือถ้าดื้อเล่นเกมรุกในยามคับขัน มีสิทธิจะเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย อาจโดนอินเตอร์เซ็ปต์ หรือเสียเทิร์นโอเวอร์ได้ทันที ถ้าไม่ระวัง และส่งผลให้ทีมแพ้ไปเลย
1
อย่างไรก็ตาม ทอม เบรดี้ ไม่ยอมแบบนั้น เขากับโค้ชบิลลิชิค และ โค้ชทีมบุก ชาร์ลี ไวส์ ได้ตกลงกันว่า จะไม่ยอมให้เวลาไหลหมดไป แต่บุกขึ้นมาให้ได้ ถึงระยะที่เตะฟิลด์โกล
เบรดี้ มั่นใจในตัวเองเต็มเปี่ยม เขาไม่ได้ตื่นตระหนกเลยสักนิด เขาไม่กลัวด้วยว่าจะทำพลาด
บิลล์ บิลลิชิค ให้สัมภาษณ์ภายหลัง ว่าสาเหตุที่เลือกเล่นแบบลุย ไม่เพลย์เซฟ นั่นเพราะควอเตอร์แบ็กในสนามคือทอม เบรดี้
"ด้วยควอเตอร์แบ็กอย่างเบรดี้ การบุกเอาชนะในเวลา 1 นาทีครึ่ง มันไม่ใช่เรื่องเสี่ยง เพราะคนอย่างเขา จะไม่ก่อความผิดพลาดแน่ๆ"
นิวอิงแลนด์ เริ่มเล่นไดรฟ์สุดท้าย จากระยะ 17 หลาในแดนตัวเอง ในเวลาแค่ 1 นาทีเศษ พวกเขาต้องพาบอลลุยขึ้นมาให้ได้สัก 50 หลาเป็นอย่างน้อย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
1
แต่เบรดี้ มีความใจเย็น เขาไม่ได้ร้อนรนอะไรเลย เบรดี้ขว้างสั้นๆ กินระยะในช่วง 45 วินาทีแรก จากนั้นเมื่อเหลืออีก 30 วินาทีสุดท้าย ก็เริ่มขว้างทำระยะมากขึ้น ท้ายที่สุด บุกเข้าไปในระยะที่เตะฟิลด์โกล์ได้พอดี
เบรดี้ เหลือเวลาให้ ตัวเตะของทีมอีก 7 วินาที เขาคำนวณทุกอย่างไว้หมดแล้ว ถ้าเตะชนะเกมจบ
อดัม วินาทิเอรี่ ลงมาเตะปิดเกมจากระยะ 48 หลา ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ได้ไกลจนเกินไป วินาทิเอรี่ ซัดเปรี้ยงบอลลอยโด่ง พุ่งเข้าตรงกลางระหว่างสองเสา และเข็มนาฬิกาก็ถอยหลังครบพอดี นิวอิงแลนด์เอาชนะได้ในเพลย์สุดท้ายจริงๆ
จบเกมนิวอิงแลนด์ชนะ 20-17 ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแค่ 1.21 นาที กับการไม่มีเวลานอกเหลืออีกแล้ว เบรดี้ยังนิ่งพอ ที่จะไดรฟ์ทีมจนมาถึงจุดที่ทำแต้มได้จริงๆ
นิวอิงแลนด์ได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทีมและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของทอม เบรดี้ ด้วย
MVP 3 สมัย , โปรโบวล์ 14 สมัย และแชมป์ซูเปอร์โบวล์อีก 6 สมัย
และแน่นอน เขากลายเป็น G.O.A.T. อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครกังขาใดๆอีกต่อไป
"อย่าว่าแต่เป็นผู้เล่นสุดยอดตลอดกาลเลย ผมคิดว่าคนทั้งโลก ไม่มีใครคิดหรอกว่า ทอม จะยึดตัวจริงได้นานขนาดนี้" ดรูว์ เบลดโซกล่าว
"คงมีแค่คนเดียว ที่เชื่อมาตลอดว่าเขาจะทำได้ ... นั่นคือตัวทอม เองนั่นแหละ"
ในยามที่ไม่มีใครเชื่อมั่นในตัวเราเลยแม้แต่คนเดียว อย่างน้อยที่สุด อย่าลืมว่า เรายังมีตัวเองอยู่
2
ถ้าหากตัวเรา ยังไม่เชื่อในตัวเอง แล้วจะคาดหวังให้ใครเขามาเชื่อ
ถ้าเบรดี้ ไม่มั่นใจในตัวเอง ท้อแท้ สิ้นหวัง ทันทีที่เห็นกำแพงสูงขวางหน้า ป่านนี้ เขาคงไม่ได้เป็นควอเตอร์แบ็กอันดับ 1 ของโลก
นอกจากไม่ท้อแท้แล้ว สิ่งที่เบรดี้ทำ คือเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ เขาซ้อมอย่างหนัก และรอคอยอย่างอดทน เขารู้ว่าไม่ช้าก็เร็ว โอกาสต้องมาถึงแน่
ชีวิตของหลายๆคน ในโลกนี้เอาแต่โอดครวญ ว่าไม่มีดวง ไม่มีโชค ไม่เคยได้โอกาสดีๆจากใคร
คนกลุ่มนี้ พอวันหนึ่งได้โอกาสเข้ามาจริงๆ ก็จะไม่สามารถคว้ามันมาครองได้ เพราะไม่ใส่ใจพัฒนาตัวเอง เสียเวลาแต่การคร่ำครวญเรื่องโชคชะตา
ดังนั้น ถ้าอยากก้าวไปให้ไกลที่สุด ต้องพัฒนาตัวเองเอาไว้เสมอ เพื่อรอโอกาสที่จะเข้ามา
และที่สำคัญที่สุด ในช่วงเวลาที่อะไรๆมันไม่เป็นใจ
มั่นใจเข้าไว้ อย่าเสียศรัทธาในตัวเอง
#BRADY
โฆษณา