19 มี.ค. 2020 เวลา 07:30 • สุขภาพ
“Placebo”...คุณกำลังกิน”ยาหลอก”อยู่หรือป่าว?
คุณรู้ไหม... ว่าบางทียาที่คุณกำลังกินอยู่เป็นประจำนั้น อาจไม่ได้เข้าไปทำอะไรเลยในร่างกายของคุณ... และคุณก็อาจรู้สึกดีขึ้น แข็งแรงขึ้น หรือป่วยน้อยลง โดยที่อาจไม่ได้เกิดจากผลของยานั้นๆเลยสักนิดเดียว...
ยาที่ว่านี้คือยาทุกๆรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ยาบำรุง อาหารเสริม สมุนไพร วิตามินบำรุง ครีมบำรุง และในหลายๆครั้งก็รวมถึงยาที่ใช้รักษาโรคจริงๆ
“Placebo(อ่านว่า พลา-ซี-โบ้)”หรือ”ยาหลอก” คือยาใดๆก็ได้ที่ดู”เหมือน"จะเป็น"ยาจริง”
ไม่ต้องตกใจครับ เพราะยาหลอกนั้นมีอยู่จริงๆแน่นอน มีมานานแล้ว และ”ผลของยาหลอก” หรือ “Placebo effect” นั้น ก็อาจเกิดขึ้นอยู่กับตัวคุณทุกๆวันโดยที่คุณไม่รู้ตัว
ดังนั้นมาดูกันดีกว่าครับ ว่าเดิมทีแล้ว”ยาหลอก"นั้นมีขึ้นมาเพื่ออะไร?
Placebo คือการรักษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการวิจัยทางการแพทย์ โดยเฉพาะการวิจัยประสิทธิผลของยาชนิดใหม่ๆ เมื่อผู้วิจัยต้องการรู้ว่ายาชนิดใหม่ที่เขาสร้างขึ้นมานั้นสามารถออกฤทธิ์ได้ผลจริงหรือไม่ เขาก็จะเริ่มวิจัยโดยการแบ่งผู้เข้าร่วมการทดลองออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ โดยกลุ่มแรกให้ใช้ยาชนิดใหม่นั้นๆ ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็ไม่ใช้ยาใดๆรักษาเลย
แต่ทีนี้ เมื่อผู้เข้าร่วมการทดลองกลุ่มที่ 2 ไม่ได้ยาใดๆรักษาเลย มันก็อาจทำให้คนกลุ่มนี้มีความรู้สึกต่างไปจากผู้ทดลองกลุ่มแรก อาจทำให้รู้สึกไม่ดี และอาจไปแสวงหาการรักษาอื่นๆมารักษาจนทำให้ผลการวิจัยในภายหลังนั้นออกมาเละเทะไปหมด
ดังนั้นเพื่อที่จะให้ผู้เข้าร่วมการทดลอง 2 กลุ่มมีความรู้สึกเหมือนกัน จึงจำเป็นต้องสร้าง “Placebo”หรือ”ยาหลอก” ให้คนกลุ่มที่ 2 ซึ่งเป็นยาที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนยาจริงทุกประการ เพียงแต่ไม่มีสารเคมีใดๆอยู่ข้างใน... ยกเว้น”แป้ง”
พูดง่ายๆนี่ก็คือวิธี”หลอกผู้ป่วย” แต่เป็นผู้ป่วยที่ยอมเข้าร่วมวิจัย และเซ็นชื่อยินยอมแล้วว่าสามารถยอมรับได้ ถ้าหากตนเองได้รับยาหลอกจริงๆ
คนกลุ่มที่ 2 นี้ก็จะได้รับ Placebo ไปตลอดระยะเวลาการทดลองโดยที่พวกเขาไม่รู้จริงๆว่ามันเป็น Placebo หรือยาจริงกันแน่ และโดยส่วนใหญ่แล้วแพทย์เองก็จะไม่รู้เช่นกันว่าได้ให้ยาชนิดใดกับผู้ป่วยไป เพราะผู้ทำวิจัยเองก็ปกปิดข้อมูลแพทย์ด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าสิ่งที่ผู้ทำวิจัยคาดหวังก็คือ ยาจริงนั้นมีประสิทธิผลดีกว่า Placebo...
แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือ...
ในหลายๆครั้งนั้น ผู้ทดลองกลุ่มที่ 2 ที่ได้รับ Placebo นั้นกลับได้ผลการรักษาที่ดีไม่แตกต่างจากผู้ทดลองกลุ่มแรกที่ได้ใช้ยาจริง!
ยกตัวอย่างเช่น...
ยาไมเกรน Placebo ลดอาหารปวดหัวไมเกรนได้จริง
ยาพ่นหอบหืด Placebo ทำให้รู้สึกเหนื่อยน้อยลงได้จริง
ยานอนหลับ Placebo สามารถทำให้รู้สึกง่วงนอนได้จริง
ยาคลายเครียด Placebo ทำให้รู้สึกเครียดน้อยลงได้จริง
ยาชูกำลัง Placebo ทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง หัวใจเต้นเร็วได้จริง
และก็ยังมียาอื่นๆอีกมากมาย โดยย้ำอีกครั้งว่า... ยาเหล่านี้คือ“Placebo”หรือ”ยาหลอก” พวกมันเป็นเพียงแป้ง ไม่สารเคมีใดๆ
นอกจากนี้ยังพบว่า Placebo แบบฉีด ได้ผลดีกว่า Placebo แบบกิน ทั้งๆที่เป็นแป้งเหมือนกัน หรือ Placebo 2 เม็ด ได้ผลดีกว่า Placebo 1 เม็ด เป็นต้น
โดยทฤษฎีที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ”ความคาดหวังของผู้ป่วย"... ที่ต้องการได้รับการรักษา ทำให้การรักษาใดๆก็ตามซึ่งไม่ว่าจะจริงหรือปลอม ทำให้เกิดวงจรประสาทที่เกี่ยวกับความรู้สึกพึงพอใจ ความรู้สึกดี แล้วทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นมา
Placebo effect นั้นเป็นของจริง! ยิ่งผู้ป่วยมีความคาดหวังมากเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเกิด Placebo effect มากยิ่งขึ้น
Placebo ไม่ได้รักษาตัวโรคจริงๆ แต่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นได้ทางจิตใจ และนั่นก็จะส่งผลให้ร่างกายดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
โดย Placebo effect ส่วนใหญ่ จะได้ผลดีเป็นพิเศษกับอาการปวด ความเครียด ความอ่อนล้า อาการนอนไม่หลับ เป็นต้น
ดังนั้นเรื่องนี้ได้ให้บทเรียนอะไรกับพวกเรา?
บางทียาบำรุง อาหารเสริม สมุนไพร อาจไม่ได้ทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรงขึ้น เพียงแต่คุณรู้สึกดีขึ้นและรู้สึกเเข็งแรงขึ้น เพียงแค่ได้รู้สึกว่า”เรากำลังได้รับการรักษาอะไรบางอย่างอยู่”
แม้ยาที่คุณกินนั้นอาจไม่ใช่ Placebo แต่บางทีผลของยาที่คุณรู้สึกได้นั้นอาจเป็น Placebo effect!
แน่นอนว่าคนที่จำเป็นต้องใช้ยานั้นมีอยู่แน่นอน แต่หมอสามารถบอกได้ว่าก็มีคนอีกเป็นจำนวนมากเช่นกัน ที่เลือกกินยาอะไรบางอย่างแม้ไม่ได้มีความจำเป็นใดๆ
และสิ่งที่น่ากังวลก็คือ... มีโรคต่างๆมากมายที่เกิดจากการสะสมของสารบางอย่างในตัวยาที่กินทุกวันโดยไม่จำเป็นเหล่านี้ โดยเฉพาะยาที่ไม่มีมาตรฐานที่เพียงพอ ยาที่ได้รับการโฆษณาเกินจริงจากคนที่มีชื่อเสียง ยาที่หาซื้อได้ถูกๆตามร้านค้าออนไลน์ และยาต่างๆนานาที่พวกเราซื้อโดยไม่ได้ศึกษาให้ละเอียดเพียงพอ เราไม่รู้หรอกว่ายาพวกนี้ ต่อให้มันมีประโยชน์จริงๆ แต่ว่ามันมีผลข้างเคียงระยะยาวมากน้อยแค่ไหน
ดังนั้นหมอขอให้คุณระลึกไว้... ว่าบางทียาที่คุณกำลังกินอยู่เป็นประจำนั้น อาจไม่ได้เข้าไปทำอะไรเลยในร่างกายของคุณ... และคุณก็อาจรู้สึกดีขึ้น แข็งแรงขึ้น หรือป่วยน้อยลง โดยที่อาจไม่ได้เกิดจากผลของยานั้นๆเลยสักนิดเดียว...
สุดท้าย หมออยากบอกคุณว่า...
ทุกๆวันนี้มนุษย์ไม่ได้มีอายุขัยที่น้อยลงเรื่อยๆจากการไม่ได้กินยาเป็นประจำทุกวัน แต่พวกเขามีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ทำลายสุขภาพอยู่เป็นประจำทุกวันต่างหาก!
📥Healthstory - เรื่องสุขภาพ ง่ายนิดเดียว
อย่าลืมกดLike&Shareด้วยนะครับ^^
#นพ.เวชกร รัตนนิธิกุล
📥ติดตามเรื่องราวสุขภาพดีๆจากปากหมออีกได้ที่
โฆษณา