19 มี.ค. 2020 เวลา 05:35 • ปรัชญา
ข้อดีที่เกิดขึ้นกับโควิด 19 ในสังคมไทย
จากหลายเหตุการณ์ และข่าวคราวต่างๆ ในสังคมโลก และสังคมไทยมีอะไรให้คิดไว้มากมาย แต่เราเองลืมนึกถึงสิ่งที่ดีไป จนมองไม่เห็นข้อดีของการมาไวรัสชนิดนี้ แต่สำหรับตามความคิดแล้วอย่างน้อยทันก็ช่วยให้มีข้อดีอยู่บ้าง แม้จะมีน้อยมากกว่าโทษของไวรัสโควิดก็ตาม
ผมได้เขียนบทความเรื่องหนึ่งคงจะนานมาประมาณวันที่ 2 มีนาคม แล้วที่พูดถึงสนามฟุตบอลในต่างประเทศที่มีการปิดตัวลงบางที่เลิกแข่ง บางที่ไม่ให้คนเข้า จนวันหนึ่งผมนั่งดูทีวีรายการมวยที่มีแมททริว ดีน เป็นพิธีกร แล้วก็เกิดการตั้งคำถามขึ้นกับตัวเองว่าทำไมถึงเปิดสนามมวยที่มีคนต่างชาติและไทยจำนวนมาก ทำไมไม่ปิดเหมือนต่างประเทศ ทำไมไม่กลัว
การที่ผมคาดการณ์ไว้มันก็เป็นจริงและเกิดขึ้นมาแล้ว เพราะผมโชคดีอย่างหนึ่งคือสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้ล่วงหน้ามันก็เป็นจริง การซื้อหน้ากากอนามัยตุนไว้ ตอนแรกเอามาใช้ทั่วไป และป้องกัน PM 2.5 จนเห็นข่าวไวรัสโคโรน่า จึงหาซื้อของต่างๆ เพิ่ม ถุงมือยาง และหน้ากาก เพราะใช้ประจำอยู่แล้ว จึงถือเป็นเรื่องที่โชคดี
สิ่งที่เราทำมันเป็นเรื่องที่หน้าที่ๆ ทุกคนต้องรู้ว่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไรให้ถูกต้อง ห่างไกลไวรัส และไม่นำเชื้อไปแพร่ให้คนอื่น หลายอย่างที่เราสามารถทำได้เราควรที่จะทำก่อนเพื่อไม่ให้เกิดสิ่งที่เลวร้ายตามมา มันเป็นการรักษาตนเองและรักษาผู้อื่นไปในตัวมันจึงเป็นสิ่งที่ดี
การที่โควิดมาไม่ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสีย หากเรามีสติ และไม่ประมาทผลสุดท้ายมันก็เหมือนทำให้เราได้กลับมาอยู่ในสังคมที่พึ่งพาอาศัยกัน สังคมที่มีเมตตาต่อกัน มีความเป็นห่วงเป็นใย ดูแลใส่ใจตัวเองและผู้อื่นให้มากขึ้น สิ่งนี้จึงมีค่าและสำคัญมากกว่าที่เราจะมานั่งคิดถึงโรคที่กำลังเกิดขึ้นในทางที่ไม่ดีจนเกินไป
1. มีเวลากับตัวเองมากขึ้น
เมื่อโควิดมาจึงมีการรณรงค์ให้ทุกคนอยู่ห่างกันการอยู่คนเดียวคงเป็นเรื่องที่ดี ที่เราจะได้ให้เวลาตนเอง มีกิจกรรมที่ตนอยากทำ และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หาที่สงบพักกายพักใจ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น ดีกว่าจะต้องมาคิดเรื่องโรคจนเกินไป และช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้น
2. ระวังเรื่องการกิน
เราจะเริ่มเข้าใจถึงคุณค่าทางอาหาร และไม่เสี่ยงต่ออาหารที่จะนำไปสู่โรคต่างๆ การทานอาหารสุก ผักสดที่ล้างอย่างดี ไม่นำสัตว์ป่ามาทาน เริ่มที่จะทำอาหารเอง เข้าใจการปลูกผักไว้กินเอง อาหารที่สุกใหม่ และไม่กินอาหารแบบมั่วๆ ที่ไม่รู้แหล่งที่มา
3. มีโอกาสอยู่กับครอบครัวมากขึ้น
การได้อยู่กับครอบครัว ดูแลกันและกันในยามภัยมามันจะช่วยเป็นพลังทางจิตใจให้เข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจ ได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น สร้างความอบอุ่นภายในครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น เริ่มที่จะมีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันมากขึ้น
4. อยู่กับธรรมชาติมากขึ้น
การที่เราเผชิญกับโรคชนิดนี้ย่อมทำให้เรารู้ว่าสถานที่ต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ที่ชุมนุม จุดรวมคน แหล่งท่องเที่ยวล้วนแต่เป็นจุดเสี่ยงต่อโรค เราจึงจำเป็นต้องอยู่บ้านให้มาก สิ่งที่จะช่วยให้เรารู้สึกดี ได้พักผ่อน คงจะเป็นธรรมชาติ สวน และไร่ นา ที่อย่างน้อยก็ไม่เสี่ยงทำให้มีความสุขด้วย
5. มีโอกาสได้ดูแลตัวเองและคนอื่นมากขึ้น
เมื่อเหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้นเราจะไม่รู้ หรือคิดที่จะดูแลตัวเอง เพราะคนส่วนน้อยไม่ค่อยจะดูแลใส่ใจตนเองและคนอื่น แต่เมื่อเกิดโรคนี้ขึ้นมาทุกคนเริ่มที่จะรักษาสุขภาพตัวเองมีอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ ออกกำลังกาย เมื่อพบคนที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันก็แจกให้ แบ่งปันให้ เป็นการป้องกันตัวเองด้วย เริ่มให้ความสนใจในร่างกายมากขึ้น
6. มีสติมากขึ้น
เราเริ่มที่ที่จะมีสติระมัดระวังในการกระทำสิ่งต่างๆ ที่เสี่ยง เริ่มเข้าหาธรรมะมากขึ้น แม้แต่การสวดมนต์รักษาโรค เริ่มที่จะเข้าใจความจริงมากขึ้น ไม่ประมาทในชีวิต ควรตั้งหน้าตั้งตาทำแต่ความดี เพราะเราไม่รู้ว่าโรคร้ายจะมาถึงเราตอนไหน มีสติและไม่ประมาท เข้าถึงหลักธรรมคำสอนมากขึ้น
7. การได้เห็นจิตใจคน
ในยามที่สังคมเดือดร้อนและกำลังต้องการใครสักคนที่จะมาช่วยในเหตุการณ์นี้ทำให้เราได้เห็นคุณงามความดีของกลุ่มคนที่ออกมาบริจาค แบ่งปัน และป้องกันดูแลตนเองอย่างดี แต่ในทางกลับกันก็ยังมีกลุ่มคนที่ฉวยโอกาสนี้สร้างกำไรให้กับตนเอง หรือกลุ่มที่มาจากต่างประเทศแล้วทำตัวปกติไม่สนว่าจะเกิดอะไรเพราะความเห็นแก่ตัว มันยิ่งสะท้อนให้เห็นจิตใจของคน ที่สำคัญเราจะได้เห็นฝีมือการบริหารงาน และจัดการโรคนี้ของผู้นำประเทศว่าดีหรือไม่ดี
ดังนั้น โรคโควิดจะร้ายแรงแค่ไหนหากเรารู้จักป้องกันตัวเอง มีจิตสำนึกต่อสังคม มีสติ ไม่ประมาท ทั้งการกิน การกระทำ เชื่อว่าโรคชนิดนี้ก็ไม่อันตราย และต้องมีการช่วยเหลือให้ความร่วมมือกันหลายๆ ฝ่าย เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีตามมา ซึ่งจะช่วยลดอัตราการป่วย และติดเชื้อของคนในประเทศได้เป็นอย่างดี
ฝากกด like
ฝากกด share
ด้วยนะครับ
โฆษณา