22 มี.ค. 2020 เวลา 03:26 • ความคิดเห็น
รวมพลังคนไทย ผ่านพ้นภัยโรคระบาด
เราจะผ่านพ้น COVID19 ไปด้วยกัน(11)
ปัจจุบัน มีปิดมากกว่า ในนี้นะครับ
ในที่สุด หลังสับสนวุ่นวายกับการประกาศ ว่าจะปิดกรุงเทพ เมืองหลวงของไทย แหล่งสารพัดปัญหา สรุป ว่า คุณอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว 26 ประเภท ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม ถึงวันที่ 12 เมษายน 2563 และมีผลทำให้จังหวัดปริมณฑล ต้องมีประกาศตาม โดยรอบกรุงเทพ
ที่มุ่งหมายจำเป็นต้องปิด สาเหตุใหญ่ๆ คือ ป้องกันการแพร่ระบาดของCOVID19 เพราะยังมีการแพร่ระบาด มียอดผู้ป่วยรายใหม่ เพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตก ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ ผู้คนบางคนยังไม่ปฏิบัติในการป้องกันการแพร่ระบาด จะทำให้ประเทศไทย เสี่ยงสูง
ทุกอย่างที่ทำเป็นเรื่องปลายเหตุ ต้นเหตุอยู่ที่ตัวบุคคล ตัวเราเอง ที่จะต้อง
1. มีสติ เรียนรู้ มีวินัยต่อตนเอง
2. ระวังตนเองไม่รับเชื้อ (บ่นทุกวันเลยเปื่อยนี่) เชื้อบินไม่ได้ ดังนั้น อยู่บ้าน ออกเฉพาะจำเป็น หมั่นล้างมือ ทำความสะอาดบริเวณบ้าน ออกกำลังกาย รักษาสุขภาพกายและใจ ทานอาหารสะอาดกินร้อน ช้อนล้างมาใช้ส่วนตัว(ตอนนี้เขาห้ามทานนอกบ้านแล้ว) เมื่อจำเป็นออกนอกบ้าน ใส่หน้ากากผ้า รักษาระยะห่าง 2 เมตร(เปื่อยขยายวงจากเมตรเป็น 2 เมตร) มีเจลล้างมือ ทิชชู่ และกระดาษเปียกแบบใช้ ก-ฮ และถุงขยะน้อยประจำตัว
3. คิดสมมุติอยู่เสมอ ว่าตนเองอาจจะเป็นผู้แพร่เชื้อ จำเป็นต้องระวังตนให้หยุดที่เรา ระวัง การสัมผัส ไอ จาม สิ่งของที่ตนจะสร้างขยะมลพิษติดเชื้อออกจากเรา
4. คิดอยู่เสมอ เช่นกัน ว่าคนอื่นก็อาจเป็นผู้แพร่เชื้อ แม้แต่คนในบ้านที่ไปข้างนอกกลับมา เพื่อระวังตน แต่ไม่ใช่ให้จิตตก(เส้นใยนี้ต่างกันนิดเดียว 55+)
เพื่อมีส่วนร่วมหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อร้ายในสังคมของชาติเรา
5. อย่าเคลื่อนย้ายครอบครัวและตัวเรา ออกจากที่มั่นบ้านที่พักอยู่ปัจจุบัน เพราะว่า ป้องกันเรานำเชื้อไปแพร่ระบาดในชุมชนใหม่ ป้องกันการรับเชื้อระหว่างการเดินทาง และป้องกันการไปรับเชื้อในที่เราเดินทางไป เชื่อสิ ณ บ้านเราตอนนี้เป็นป้อมปราการที่เราคุ้นเคยและสามารถเสริมความแข็งแกร่งได้ดีที่สุด
สิ่งที่เปื่อยกลัว และห่วงคือ การร่วมกันคิดร่วมกันทำของภาครัฐ ควรมีการบูรณาการอย่างจริงจัง การประสานงานกันให้ดี ทั้งแนวราบ และแนวตั้ง ไม่ใช่ โฆษกรัฐบาลออกมาบอกว่าไม่ปิดกำลังหารือกัน แต่ ผู้ว่ากทม. ตามออกมาแถลงปิด ไม่ใช่เล่นไพ่ครับ ที่ต้องมาเกทับบลัฟแหลกกันแบบนี้ ที่แล้วก็แล้วไป มาเริ่มกันใหม่ 😷 เอาเรื่องที่เปื่อยห่วงเลยว่า
1. ปิดพื้นที่เสี่ยง เหล่านี้ มีมาตรการ ช่วยเหลือป้องกัน คนเดือดร้อน คนแตกตื่นเช่นไร 😨😰😱
บอกคนอย่าแตกตื่น ซื้อของตุน แต่ข้อเท็จ ตลอดเย็น จนมาวันนี้เช้า ดูตามห้างใน กรุงเทพและปริมณฑล แน่นคนแห่ซื้อของเพียบ และอาจจะไปติดเชื้อด้วย
2. ปิดพื้นที่ ร้านที่เสี่ยง อาชีพต่อเนื่องเขามีผลกระทบ ลูกจ้าง และคนหารายได้ขายเสื้อผ้า ตลาดนัดรายวัน รายได้หายทันที จะมีอะไรช่วยเหลือพวกเขา
3. เมื่อปิดงานขาดรายได้ จะมีการลดรายจ่ายด้วยการกระจายการเดินทางกลับไปบ้านต่างจังหวัดกันไหม
อุตส่าห์ไม่หยุดสงกรานต์ แล้วจะมีชดเชยให้ทีหลัง 55+ นี่จัดเต็มยาวให้ก่อนเลย แล้วท่านจะมีมาตรการป้องกันอย่างไร คนเริ่มขึ้นรถ ออกต่างจังหวัดกันแล้ว กรณีนี้เหมือนกับบอกว่าไม่ต้องตุนของแต่ห้างแทบแตก
และเมื่อพวกเขากลับบ้าน แต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด มีมาตรการรับมือ เช่นไร
เปื่อย คนตัวเล็ก อยากมีข้อเสนอ
เรื่องที่ทำไปแล้ว สั่งไปแล้ว อย่างไร ถึงกระพร่องกระแพร่งไปบ้าง แต่ล้วนเจตนาดี มีประโยชน์ ถึงมีข้อบกพร่องบ้างไม่ถูกใจคนได้ทุกคน แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ขยับอะไรอย่างจริงจังเลย
เปื่อยจึงอยากมีข้อเสนอว่า
1. รัฐบาลมีศักยภาพ เพียงพอ และเห็นความสำคัญ ในเมื่อ มีสถานีโทรทัศน์หลายช่องที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อรัฐ จะเป็นไปได้ไหม ที่จะต้องให้ความสำคัญ กับการแถลงการ ที่สำคัญๆ
ที่ให้ความเข้าใจ ให้ความรู้ หรือต้องการให้คนรับรู้ ร่วมมือ สักช่องหนึ่ง ที่ให้ประชาชนติดตามเลยได้ไหม ไม่ใช่ต้องคอยวิ่ง คอยกดติดตาม ในอินเตอร์เน็ต
2. การเป็นแบบอย่าง เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม
มาแนะ มาสอน มาบอก ให้สังคม เป็นสังคมถอยห่าง social distancing แต่ดูข่าว ไม่เห็นแบบอย่างเลย การจัดห้องประชุม การจัดที่นั่ง การดูให้เห็นเป็นระเบียบ มีระยะห่าง ทั้งข้าราชการ นักการเมือง และนักข่าว ล้วนเป็นผู้แพร่เชื้อได้
แบบนี้มีไหม
3. ระบบแอปพลิเกชั้น ที่ให้คนไทยที่กลับจากต่างประเทศมา และอีกชุดที่ให้นักท่องเที่ยวโหลด ผลงานเป็นเช่นไร ทำงานได้จริงไหม ใครเป็นเจ้าหน้าที่ที่ใช้ในการดู เทคโนโลยีนี้และติดตาม
ทำไม มีนักเรียน กลับจาก นอกไปเที่ยว ชายทะเล ระบบแจ้งอะไรบ้าง และมีมาตรการลงโทษอย่างไร อย่า เงียบ อย่าแค่เอามาบอกว่ามี แต่ใช้งานจริงๆไม่ได่ไม่มีประสิทธิภาพ และคนรับผิดชอบ ไม่ต้องรับผิดชอบแต่ประการใด
เปื่อย มีทั้งเพื่อน มาจาก ต่างประเทศยุโรป มีทั้งหลานที่กลับมาจากต่างประเทศ ที่คุยกันอยู่น่ะ ไม่อยากจะคุย
4. ไม่ว่าเทคโนโลยี ของไทยจะใช้ได้ผลหรือไม่ ก็ควรพลิกวิกฤตเป็นโอกาส สร้างสังคมเข้มแข็ง สังคมใยแมงมุม ตั้งแต่ ระดับ จังหวัด อำเภอ/เขต ตำบล/แขวง หมู่บ้าน/ชุมชน ซอยตรอก หมู่บ้านจัดสรร/คอนโด/แฟลต โดนการสร้างเครือข่าย และอาสาสมัครภาคประชาชน เพื่อสื่อสารดูแลสังคม
โดยให้มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องลงไปถึงระดับ สร้างความตระหนัก สร้างการรับรู้ รับสิ่งของและข่าวสาร จากรัฐ และให้รัฐรับรู้ข้อมูลจริงในพื้นที่
อย่าบอกว่าทำอยู่แล้ว มีแล้ว มีกำนัน มีผู้ใหญ่บ้าน มี สมาชิก อบต. มีอสม. แล้ว ทำอยู่แล้ว นะครับ
ถามว่า ทำจริงระดับไหน มีข้อมูลจริงแค่ไหน มีการกำหนดความรับผิดชอบ แยกเป็น ครัวเรือนเลยหรือไม่ มีระบบรายงานมีระบบตรวจสอบ ที่เป็นระบบแล้วหรือไม่ สามารถรายงานผลรายวัน หรือจุดใดมีปัญหาสามารถแจ้ง เข้ามาทันทีเพื่อแก้ไขปัญหาแล้วหรือไม่
อย่าเพิ่งรีบตอบว่ามี เหมือน แอป คนกลับมา/คนเข้ามาเมืองไทย คือมีแต่ไม่สรุปได้
จึงควรกำหนด มอบหมาย ว่า ใครบ้าง รับผิดชอบ ครัวเรือนใด (ไม่ควรเกิน 5-10 ครัวเรือน) รายงานผ่านใคร ทางใด เช่น หมู่บ้านก็ผ่านผู้ใหญ่บ้าน(อาจจะเดินเท้า หรือไลน์มาเฉพาะของหมู่บ้าน มาแจ้ง) จากหมู่บ้านรายงานรวมระดับตำบลและ อบต. และอำเภอกรณี อำเภอที่มีหมู่บ้านไม่เกิน 50 หมู่บ้าน แล้วอำเภอรายงานจังหวัด จังหวัดนำเข้าที่ประชุมกรรมการ ทุกวัน และรายงานส่วนกลาง เป็นต้น
สิ่งที่ควรทำ
1.แจกหน้ากากผ้า ให้ทุกคนตามยอดที่อยู่จริง เพิ่อได้ข้อมูล ประชากร ที่อยู่จริง และที่จะดูแล
2.แจกคำแนะนำ การป้องกันตน การปฏิบัติตน การสร้างสังคมเว้นระยะห่างโดยให้ข้าราชการที่ได้รับแบ่งพื้นที่มอบหมาย และผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับ อสม. และอาสาสมัคร ดูแลกลุ่มบ้านนั้นๆ พร้อมกับ สำรวจสุขภาพเบื้องต้น ทุกคน ในครัวเรือนทุกครัวเรือน มาจัดทำเป็นข้อมูลสุขภาพ รายหมู่บ้าน ในทุกตำบล โดย อบต/เทศบาล และส่งมารวมเป็นข้อมูลของ อำเภอ และ รวมเป็นของจังหวัด
ถ้ามีเหตุ ต้องปฏิบัติ เช่น
1. ต้องมีการค้นหา ผู้สงสัยแพร่เชื้อ และผู้ป่วยที่ยังหลบ หรือแอบซ่อนอยู่ทุกหลืบมุมของชุมชนออกมาเข้าระบบให้ได้
2. การติดตามผู้ที่ต้องกักตัว 14 วัน ต้องมีรายงานทุกวัน
3. มีผู้เดินทางกลับมาพักอาสัยเพิ่ม ต้องมีรายงานและต้องมีทีมออกไปประเมินสุขภาพ
4. มีผู้มีอาการไข้ ต้องมีรายงานด่วนเมื่อทราบ มีการให้เก็บตัวและมีการติดตามอาการ เข้าข่าย มีมาตรการ ไปรับส่งต่อเข้ารับการรักษา
5. มีการหลบเลี่ยงฝ่าฝืน ต้องมีการรายงานด่วนทันทีเมื่อทราบ และต้องมีชุดปฏิบัติการติดตามแก้ไขเหตุการณ์ทันที
ต้อง ต้องค้นหาตตเป็นต้น เปื่อยว่า จะพลิกวิกฤต เป็นโอกาส สร้างความร่วมมือ สร้างโครงสร้างที่เข้มแข็งให้สังคมไทยนะ
การฝ่าฝืน การไม่คิดระวังโรคระบาด ยังคงมีอยู่ทั่วไปในสังคม
เปื่อยมีความเชื่อว่า หากร่วมมือกันจริงจัง ร่วมกันทำ Social Distancing สำคัญมาก กระบวนการดูแลรักษาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกอย่างเตรียมพร้อม ประชาชนต้องมีวินัย ต้องช่วยกันดูแลตัวเองและผู้อื่นด้วย ประเทศไทยถึงจะอยู่รอดได้
"เทรนด์นี้จะขึ้นแค่ไม่กี่วัน อย่าได้ตกใจ แต่ถ้าร่วมกันเต็มที่ จะเริ่มลดลงน่าจะเห็นผลภายใน 7 วัน" เมื่อกลับมาเปิดระบบ อีกครั้ง เราทุกคนจะพร้อมใจกันตระหนัก ร่วมมือ และร่วมกันเฝ้าระวังสังคมเรามากขึ้น
ร่วมมือ ร่วมใจกันเถอะครับ
อย่าให้ถึงกลุ่มสุดท้าย
ที่จะออกมาถือป้าย
มาช้าดีกว่าไม่มา แต่
เราก็รู้สึกว่า กลุ่มนี้ไม่มา
จะรู้สึกดีกว่า.....ลุงสัปเหร่อ
รวมพลังคนไทย ผ่านพ้นภัยโรคระบาด
เราจะผ่านพ้น COVID19 ไปด้วยกัน(11)
22 มีคอ 2563
โฆษณา