23 มี.ค. 2020 เวลา 06:13 • ปรัชญา
สังคมเปลี่ยนไป จิตใจคนอย่าเปลี่ยน
สังคมไทยในตอนนี้เปลี่ยนไปหลายอย่าง ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าหลายๆ เหตุการณ์ หลายๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีใหม่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไล่ตั้งแต่กราดยิงที่เทอร์มินอลมาจนถึงปัจุบัน โควิด 19 ซึ่งเป็นปีที่หนักหนาสาหัสเอาการ แค่ต้นปี 2563 ยังไม่ถึงครึ่งปีก็มีเรื่องต่างๆ เหตุการณ์มากมายให้ต้องเผชิญ
ณ ปัจจุบัน สิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ก็รู้และเห็นกันมาเป็นอย่างดี หลายประเทศทั่วโลกกำลังรับมือกับไวรัสชนิดนี้ หลายประเทศสามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ หลายประเทศกำลังช่วยกันอย่างดี ทุกอย่างคงต้องใช้เวลาในการแก้ไขเพื่อให้กลับมาเป็นปกติ ซึ่งทุกคนต่างก็อยากที่จะเห็น
เมื่อถึงคราวเดือดร้อน เกิดโรคร้าย หรือภัยต่างๆ ตามมา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีสติและไม่ประมาท เรียนรู้การเอาตัวรอด วิธีในการป้องกันตนเอง การเฝ้าระวังคนใกล้ชิด คอยสังเกตอาการของตนเองว่ามีอาการคล้ายที่ทางการแพทย์ประกาศให้ทราบบ้างหรือไม่ ความเข้าใจ เรียนรู้ และปฏิบัติตามจะเป็นเกาะป้องกันเราไปอีกชั้น ไม่ให้เราเสี่ยงต่อการติดโรคได้ง่าย และแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น
การปฏิบัติตามที่ทางการแพทย์แนะนำจะช่วยให้เรามีความมั่นใจเพิ่มขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เสียสติ หรือสติหลุดเพราะความกลัว แม้ว่าจะเป็นโรคที่สามารถเข้าสู่ร่างกายของเราอย่างรวดเร็ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางยับยั้ง ป้องกัน แก้ไข ขอแค่เพียงเราทุกคนภายในประเทศต่างให้ความร่วมมือปฏิบัติตาม
ตอนนี้ผู้คนที่ทำงานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลต่างพากันเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง หลายคนที่เดินทางล้วนแต่มีจุดประสงค์เพื่อกลับไปพักผ่อนที่บ้าน เพิ่มกำลังใจ ได้หลบภัยจากโรคร้าย ได้อยู่กับครอบครัว และหาที่พึ่งในยามที่ไม่มีงานทำ ยามที่ต้องหากินลำบากเพราะชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก ทั้งค่าครองชีพที่สูง อาหารการกิน ของใช้หายากในสังคนแบบนี้ จึงจำเป็นต้องกลับบ้านมาเสียก่อน
การที่ทุกคนกลับบ้านมาในความคิดของผมถือว่าดีอย่างน้อยก็ไม่ต้องไปดิ้นรนแย่งอาหารการกิน ไม่เสี่ยงกับโรคภัยที่จะติดมามากกว่านี้ ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ที่ผมเป็นห่วงหลายอย่างที่จะตามมาจากการที่ผู้คนพยายามที่จะกลับบ้าน ซึ่งเราเองไม่รู้ว่าใครเป็นใคร มาจากที่ไหนกันบ้าง แล้วมารวมตัวกันในสถานที่แห่งเดียวกัน กลัวจะติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก
สิ่งที่อยากให้ทุกคนเข้าใจ และร่วมด้วยช่วยกัน อย่าเป็นคนที่เห็นแก่ตัวจนเกินไป เพราะสังคมต้องการคนที่รับผิดชอบในช่วงนี้ หากคุณไม่มั่นใจในตัวเองควรกักตัวเอง ดูแล และสังเกตอาการที่เกิดขึ้นเสียก่อน รัฐบาลเองอย่าเห็นแก่ได้กับการส่งทีมงามช่วยในการกรองคนอย่างน้อยก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา
ภาครัฐควรให้การสนับสนุนด้วยทุนหรือค่าใช้จ่ายในยามที่ผู้คนไม่มีงานทำ แสดงตัวตนความเป็นผู้นำอย่างแท้จริงออกมา ไม่ใช่พูดลอยๆ พูดพอให้เรื่องมันผ่านๆ จบๆ ไป และอย่างแสดงออกด้วยคำพูดที่ไม่ถูกไม่ควร เพราะสุดท้ายจะเดือดร้อนเพราะคำพูดของตน ดังสุภาษิตที่ว่า ปลาหมอตายเพราะปาก เพราะสุดท้ายคำพูดที่เปล่งออกไปแล้วปฏิบัติหรือไม่จริงย่อมส่งผลต่อรัฐในทางลบ
สถานการณ์ที่เป็นอยู่ทุกคนต่างเดินทางบ้านเป็นจำนวนมาก เพื่อความอยู่รอดของชีวิตในยามที่ทุกคนในประเทศเกิดความเดือดร้อน ถึงเวลาที่เราจะต้องช่วยกัน ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ภาครัฐ องค์กรเอกชน หน่วยงานต่างๆ ประชาชน ต้องพึงพาอาศัยกัน ดังสุภาษิตไทยที่ว่า น้ำพึงเรือ เสือพึงป่า จึงจะทำให้ประเทศรอดพ้นวิกฤตไปได้
ในยามวิกฤตที่เราหลายคนไม่มีงานทำ ไม่มีที่จะไป ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ทำกิจกรรมอย่างอื่นที่เราชอบ ที่เราอยากจะทำอย่างน้อยก็เป็นประโยชน์ ดีกว่าการปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่เกิดอะไรเลย บางอย่างได้ทั้งคุณค่า ได้เงิน ได้สุขภาพทั้งทางกายและจิตใจ ได้ความสุข ทำให้จิตใจเบิกบาน ไม่เครียด เตรียมความพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้เป็นอย่างดี
1. เข้าวัดฟังธรรม ทำบุญทำทาน และปฏิบัติธรรม กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ดีช่วยให้จิตใจสงบ อย่างน้อยใครหลายคนก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำ นานจะทำสักครั้ง จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างบุญกุศลให้กับตนเองไปในตัวด้วย
2. เล่นหุ้น เล่นเกมส์ เล่นออนไลน์ ตอบแบบสอบถาม ในยามที่ไม่มีอะไรทำ ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ต้องจ่ายโดยเฉพาะค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่างวดรถ ค่าบ้าน และอื่นๆ อีกมากมาย การทำกิจกรรมนี้อย่างน้อยก็ช่วยหารายได้เพิ่มเติม บางครั้งก็สามารถช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในบางส่วนได้เป็นอย่างดี
3. ปลูกผัก ทำสวน เลี้ยงสัตว์เพื่อทำเป็นอาหาร กิจกรรมนี้อย่างน้อยก็แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารได้ ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่เยอะ ปลูกแบบง่ายๆ ข้างบ้าน ในกระถางก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำเยอะพอได้กิน แต่ปลูกผักให้มีหลายชนิดเพื่อเก็บกิน ไม่ต้องออกไปซื้อเพื่อเสี่ยงกับโรคภัย
4. เขียนบทความ อ่านหนังสือ รีวิวหนังสือ ทำยูทูป สื่อการสอน ใบงาน และรีวิวสินค้า กิจกรรมนี้ช่วยให้การอยู่บ้านของเราไม่เปล่าประโยชน์ ไร้ค่า แถมได้เงิน เพิ่มรายได้อีกช่องทาง เเถมได้ความรู้ ช่วยพัฒนาตนเองในการศึกษาค้นคว้าสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
5. ทำอาหาร ทำขนม กิจกรรมนี้เป็นอีกช่องทางในการช่วยให้เรามีอะไรที่ทำได้เยอะ แถมช่วยให้เราได้เรียนรู้ ฝึกฝนการทำอาหาร และขนมให้เก่ง สามารถสร้างรายได้ นำออกไปขายตามที่ต่างๆ ในชุมชน ในยามที่หาซื้อสิ่งของและอาหารยากลำบาก อีกทั้งช่วยให้เราทำอาหารกินเองปลอดภัยด้วย
6. นอนพักผ่อน ฟังเพลง และดูหนัง ถือเป็นโอกาสที่ดีในกิจกรรมเหล่านี้จะได้ช่วยให้เราผ่อนคลาย ลดความเครียด ความวิตกกังวล อย่างน้อยก็เป็นการช่วยให้ร่างกายได้พัก มีกำลังในการที่จะต่อสู้กับโรคภัยได้ดียิ่งขึ้น
7. ทำงานฝีมือ ทำงานบ้าน ประดิษฐ์สิ่งของ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ช่วยให้เราได้ประโยชน์ได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เอง นำไปขาย หรือแจก ทำบุญ เช่น การทำหน้ากาก ทำแอลกอฮอร์ ทำสิ่งของไว้ใช้ต่างๆ ล้วนแต่ช่วยให้เราเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้อีกด้วย
8. ขายของ ขายของออนไลน์ เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่จะช่วยให้เรามีรายได้เพิ่มในยามที่ต้องเผชิญกับโรค และการใช้ชีวิตที่ไม่สามารถทำได้อย่างปกติ มีความเดือดร้อน ไม่มีงานทำ อย่างน้อยการขายของก็ช่วยให้เราพอมีช่องทางเพิ่มรายได้ แม้รายได้จะน้อยนิดก็ตาม
9. ประหยัดให้มาก โดยเฉพาะกิจกรรมที่กล่าวมาการที่เราจะอยู่รอดในสังคมไทยได้นั้น ไม่เพียงเฉพาะการหารายได่เสริม หรือการทำอาหารเอง ปลูกผักเอง แต่สิ่งที่สำคัญเราต้องรู้จักประหยัด ใช้จ่ายอย่างพอเพียง รู้จักเลือกซื้ออย่างระมัดระวัง สิ่งใดที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรซื้อ สิ่งใดที่บ้านพอหาได้ก็หาเพื่อจะได้ไม่ต้องซื้อ
10. การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย หากจะบอกได้ว่ากิจกรรมที่ช่วยให้คนเราอยู่รอดในสังคมที่ปากกัดตีนถีบ ยุคข้าวยากหมากแพง เราต้องปรับตัวเองให้เข้ากับสังคม ใช้ชีวิตอย่างพอดี เรียบง่าย สิ่งที่เคยทำในยามที่ชีวิตดีควรปรับให้เข้ากับบริบททางสังคมเพื่อการอยู่รอด และไม่นำความเดือดร้อนไปให้คนในหมู่บ้าน การอยู่ง่ายกินง่าย
ดังนั้น ในยามที่สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตามขอแค่จิตใจของคนในสังคมไม่เปลี่ยนไป ไม่โลภ ไม่เห็นแก่ตัว ในยุคที่ต้องซื้อขายอะไรด้วยความยากลำบาก ซึ่งคงจะเกิดในส่วนของชาวกรุงเทพที่มีความอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก จึงจะขาดแคลน แต่ตามชนบทยังพอมีทั้งอาหารการกิน และกิจกรรมส่วนมากก็ไม่ได้อยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่จึงยากแก่การติดเชื้อโรค
ชีวิตตามบ้านนอกบ้านนาส่วนมากจะอยู่กันแบบเรียบง่าย ต่างคนต่างทำงานของตน ไม่ค่อยจะได้ทำงานเป็นกลุ่มเหมือนที่บริษัท หรือตามโรงงานจึงพอมั่นใจในความปลอดภัย อาหารก็แบบง่ายๆ ปลอดภัย แต่ที่สำคัญคนที่กลับบ้านมาแล้วควรทำหน้าที่ของตนดูแลตัวเอง กักตัวเองเพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม ถ้าไม่มีอะไรก็ถือเป็นเรื่องที่ดีให้กับตนเองและสังคม
แนะนำเพจตลาดชุมชนปลอดสารพิษ ส่งเสริมชาวบ้าน
ฝากกด like
ฝากกด share
ด้วยนะครับ
โฆษณา