23 มี.ค. 2020 เวลา 09:01 • ความคิดเห็น
ประเดิมบทความแรกที่นี่ ขออนุญาตแชร์มุมมองประเด็นเรื่องกิจการสวดมนต์ขับไล่เชื้อไวรัสโควิด -19 ที่มีแผนจะจัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคมนี้ โดยขอกล่าวถึงบทสวดมนต์สำคัญคือ รัตนสูตร หรือ รัตนปริตร
ผม (ผู้เขียน) มีโอกาสได้รู้จักและเรียนรู้บทสวดนี้ในช่วงที่ลาอุปสมบทเมื่อหลายปีก่อน เพราะเป็นบทสวดบทแรก ๆ ที่ต้องฝึกหัดไว้สวดเวลาได้รับกิจนิมนต์ไปงานพิธีต่าง ๆ ซึ่งหลาย ๆ ท่านคงสังเกตได้ว่า ในงานพิธีมงคลนั้น จะมีบทเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ที่ใช้สวดอยู่ไม่กี่บทอันเป็นแบบแผนเดียวกัน ที่เรียกว่าเจ็ดตำนานบ้าง สิบสองตำนานบ้าง และหนึ่งในนั้นคือบทสวดมนต์ที่กล่าวถึงนี้เอง
ซึ่งด้วยความสนใจใคร่รู้ในตอนนั้นทำให้นำไปสู่การค้นคว้าเพิ่มเติม ทั้งคำแปลและประวัติความเป็นมา ที่หลายท่านคงพอเคยได้ยินแล้วว่า เป็นบทสวดที่พระพุทธเจ้าทรงให้พระอานนท์เรียนมนต์นี้ เพื่อไปสาธยายขับไล่ปัดเป่าภัยจากโรคระบาด อมนุษย์ และธรรมชาติที่เมืองไพศาลี
คำแปลของบทสวดมนต์นี้ ผมขออนุญาตสรุปเนื้อหาใจความคร่าว ๆ คือ เป็นการป่าวประกาศเชิญชวนเหล่าภูต อมนุษย์ทั้งหลายในพื้นที่ ให้เป็นผู้มีจิตใจดี มีเมตตา ดูแลรักษามนุษย์ และพรรณาถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอน และพระสงฆ์สาวก ว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่ารัตนะ (แก้วมณี) ใด ๆ ในโลก (ซึ่งเข้าใจว่าเป็นที่มาของชื่อ "รัตนสูตร") และอาศัยอานุภาพแห่งการป่าวประกาศสัจจะนี้ ให้นำมาซึ่งความโชคดีแก่มนุษย์และสรรพสัตว์ นี่คือเนื้อหาคำแปลโดยสรุป
จากตำนานและเนื้อหาแห่งพุทธมนต์ดังกล่าว ทำให้รัตนสูตรหรือรัตนปริตรเป็นอีกหนึ่งบทสวดในการเจริญพระพุทธมนต์ในงานพิธีมงคลต่าง ๆ มาแต่อดีต โดยเชื่อกันว่ามีอานุภาพในการขจัดปัดเป่าภัยอันตรายโดยเฉพาะโรคภัยไข้เจ็บ ดังเช่นที่ปรากฏในตำนาน
ส่วนตัวผมมองว่า อย่างน้อยก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการรวบรวมจิตให้เป็นสมาธิทั้งผู้สวดและผู้ฟัง และระดับสมาธิที่สูงขึ้นก็อาจก่อให้เกิดพลังงานหรือกำลังใจ ในการขับเคลื่อนสิ่งที่ประสงค์ให้บรรลุตามเป้าหมาย ลักษณะบทสวดปลุกขวัญและกำลังใจของทหารในการทำสงรามในสมัยก่อน หรือคาถาด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมที่อาศัยสมาธิจิตด้านเมตตาดึงดูดกระแสความรักความนิยมชมชอบให้เกิดขึ้นแก่ผู้สวด เป็นต้น
ดังนั้น เมื่อมีแผนกิจกรรมสวดมนต์ในสถานการณ์เช่นนี้ ส่วนตัวผมมองว่า นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างขวัญ กำลังใจ บำบัดปัญหาจิตใจและอารมณ์ที่อยู่ในสภาวะติดลบอันเป็นผลกระทบจากปัญหาใหญ่ที่เผชิญอยู่นี้ ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการป้องกันและรักษาทางกายภาพที่ทำอยู่ เพราะการมีสุขภาพจิตที่เข้มแข็ง มีสติมั่นคง ไม่ตื่นตระหนก ย่อมมีผลในการช่วยสร้างภูมิต้านทานทั้งทางร่างกายและทางสังคม เพื่อให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน
ส่วนวิถีทางปฏิบัตินั้นก็สามารถพิจารณาตามความเหมาะสมและปลอดภัย เช่น การสวดมนต์ตามลำพังแทนการรวมกลุ่มชุมนุมชนในที่พื้นที่จำกัดอันมีความเสี่ยงต่อได้รับเชื้อโรคติดต่อ เป็นต้น
อย่างน้อยถ้าไม่โฟกัสเรื่องความศักดิ์สิทธิ์อันเป็นเรื่องลี้ลับ ก็อาจมองในมุมบวกอีกด้านหนึ่งได้ว่า เป็นการเสริมสร้างสุขภาพ(จิต) เพื่อให้มีพลังร่วมกันฝ่าฟันวิกฤตด้วยต้นทุนที่น้อยมาก แต่ผลที่ได้อาจจะมากกว่าที่คิดก็ได้ ขอเพียงเปิดใจและตั้งใจจริงเท่านั้น
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://cities.trueid.net/post/89139
โฆษณา