24 มี.ค. 2020 เวลา 09:48 • ธุรกิจ
อนาคตของการศึกษา (The Future of Education)
ผมหยิบหนังสือชื่อน่าสนใจ “The future is faster than you think” เขียนโดย Peter H. Diamandis และ Steven Kotler ขึ้นมาอ่าน
ผู้เขียนคนหนึ่ง เป็นผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัย Singularity ส่วนอีกคนเป็นนักอนาคตวิทยา (Futurist) ผมชอบหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เพียงเพราะสามารถคาดเดาอนาคตได้อย่างน่าสนใจ แต่เพราะแนวทางการเขียนหนังสือ เป็นเหมือนดิชชินนารี่ คือไม่ต้องอ่านทั้งเล่ม เลือกอ่านเฉพาะส่วนที่สนใจและอยากรู้ ได้ตามที่ต้องการ
The Future is Faster than You Think พยากรณ์อนาคตของธุรกิจประเภทต่างๆ ไว้มากมาย เช่น ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจการดูแลสุขภาพ เป็นต้น
สำหรับผม สนใจเรื่องอนาคตของการศึกษา (The future of Education) เป็นพิเศษ วันนี้ขอหยิบมาเล่าให้ฟังสัก 5-6 ประเด็น
1. การเรียนการสอนจะย้ายจากห้องเรียนไปเป็นออนไลน์ - แนวโน้มอันนี้ มีให้เห็นแล้วในปัจจุบัน ต้องขอบคุณไวรัสโคโรน่า ที่ทำให้อนาคตมาถึงเราเร็วกว่าที่คิดจริงๆ ปัญหาที่จะตามมาคือ คุณครูหลายท่าน ไม่คุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีและการสอนแบบออนไลน์ ที่ต้องพูดอยู่คนเดียวกับกล้อง โดยไม่เห็นนักเรียน
2. จำนวนครูจะน้อยลง - ในแต่ละวิชา จะเหลือแค่ครูเก่งๆ เพียงไม่กี่คน และครูหนึ่งคนจะสอนนักเรียนครั้งละล้านคน (ผ่านห้องเรียนออนไลน์)​ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมากมายเหมือนปัจจุบัน อีกต่อไป
3. ครูจะเป็นอาชีพที่มีค่าจ้างสูงมาก - เพราะคนที่จะประกอบอาชีพเป็นครูได้ ต้องเก่งขั้นเทพ ไม่เพียงแต่มีความรู้ในเรื่องที่สอนอย่างลึกซึ้งเท่านั้น ยังต้องมีความสามารถในการออกแบบการสอนออนไลน์ให้เป็น Interactive ได้ มีสไตล์การสอนที่สนุก น่าสนใจ และเข้าใจง่าย รวมทั้งต้องมีความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีและการใช้เครื่องมือสื่อสารสำหรับโลกดิจิทัล เป็นอย่างดี อีกด้วย
4. บทบาทของครูจะเปลี่ยนไป - ในอนาคต นักเรียนสามารถเรียนเนื้อหา (Content) จากที่ไหนก็ได้ในโลกออนไลน์ บทบาทของครูจะไม่ใช่ผู้ให้ความรู้ (Teacher) อีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนเป็นผู้กระตุ้นการเรียนรู้ (Facilitator) แทน
5. การบริจาคหรือให้ความรู้เป็นทาน จะทำได้ง่ายขึ้น - เครื่องไม้เครื่องมืออย่างคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือแทปเล็ทที่ไม่ใช้แล้ว สามารถนำไปบริจาคให้องค์กรการกุศลต่างๆ เพื่อนำไปโหลดแอพพลิเคชั่นเพื่อการศึกษา แล้วจัดส่งไปให้เด็กในประเทศด้อยพัฒนา ใช้ในการเรียนหนังสือต่อไป เพราะการเรียนรู้จะทำได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องมีครู ไม่ต้องมีห้องเรียน !
6. การเรียนรู้จะใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (Virtual Reality) มากขึ้น - เช่น เรียนประวัติศาสตร์ ก็สามารถใส่อุปกรณ์เพื่อกลับไปดูเหตุการณ์ที่เสมือนเกิดขึ้นจริงได้ หรือเรียนหมอก็สามารถสวมอุปกรณ์แล้วเข้าไปดูอวัยวะต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ได้ทันที เพราะฉะนั้นการเรียนการสอนจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อ่านดูแล้ว คล้ายๆ ฝัน แต่ผมว่าอีกไม่นาน มันจะเป็นจริง
รักษาสุขภาพไว้ อย่าให้ติดโควิด ... รับรองชีวิตนี้ ได้เห็นแน่ 555
ที่มา : “Leadership Hacks by Apiwut” สนใจเกร็ดความรู้ ทุกๆ วัน แบบสดใหม่ ติดตามได้ที่ Blockdit : http://bit.ly/38yuMHB
โฆษณา