25 มี.ค. 2020 เวลา 14:48 • ประวัติศาสตร์
บุรุษผู้มีพละกำลังเหนือมนุษย์และวิชาอาคมแก่กล้า ถึงขนาดที่ทำให้ทั้งราชสำนักหวาดกลัว
จากบันทึกของยูเรเมียส ฟาน ฟลีต (Jeremias van Vliet) ผู้จัดการสถานีการค้าของฮอลันดาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ระหว่าง พ.ศ. 2176 - 2185
ภาพจาก:Captain America the winter soldier
เรื่องราวเกี่ยวกับความสามารถเหนือมนุษย์ของเหล่าฮีโร่ในภาพยนตร์ อย่างที่ใครใครทราบ มันก็แค่เรื่องที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
แต่ทราบไหมครับ มีบันทึกของฝรั่งผู้หนึ่งคือ
ยูเรเมียส ฟาน ฟลีต ที่เข้ามาค้าขายโดยเป็นถึงผู้จัดการสถานีการค้าของฮอลันดาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ระหว่าง พ.ศ. 2176 - 2185 ได้กล่าวถึงความสามารถพิเศษแปลกประหลาดเหนือมนุษย์ของบุรุษแห่งกรุงศรีอยุธยาผู้หนึ่ง
เยเรเมียส ฟาน ฟลีต (Jeremias van Vliet)
โดยหลักฐานชิ้นนี้ ถือเป็นบันทึกจากบุคคลร่วมสมัย มิได้มาชำระหรือเขียนขึ้นจากคำบอกเล่าในภายหลัง หลักฐานชิ้นนี้จึงได้รับการยอมรับมากในหมู่นักประวัติศาสตร์ รวมทั้งกรมศิลปากร ได้นำผลงานชิ้นหนึ่งของ ยูเรเมียส ฟาน ฟลีต มาแปลไว้ในชื่อ
“รวมประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยาของ ฟาน ฟลีต (วันวลิต)” อีกด้วย
บุรุษที่กล่าวถึง คือ ‘ออกหลวงมงคล’
ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมแห่งกรุงศรีอยุธยา ออกหลวงมงคลเป็นทหารผู้จงรักภักดีของพระศรีศิลป์ซึ่งเป็นพระอนุชาในสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
ขณะที่สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงพระประชวรหนัก จึงมีพระราชประสงค์จะมอบราชสมบัติให้พระราชโอรสองค์ใหญ่ คือ พระเชษฐาธิราชกุมาร โดยทรงมอบหมายให้ออกญาศรีวรวงศ์ จางวางมหาดเล็ก ซึ่งเป็นพระญาติที่ไว้วางพระทัยเป็นผู้ดูแลพระเชษฐาธิราชจนกว่าจะได้ครองราชย์
1
ซึ่งตามกฎมณเฑียรบาลการมอบราชสมบัติต้องมอบแก่พระมหาอุปราช คือ พระอนุชาพระศรีศิลป์ แต่ทรงมอบให้แก่ราชโอรสแทน
3
การสนับสนุนและช่วยเหลือจนกระทั่งพระเชษฐาธิราชขึ้นครองราชย์ ออกญาศรีวรวงศ์จึงได้รับโปรดเกล้า เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ สมุหกลาโหม
ส่วนทางด้านพระศรีศิลป์ทราบชะตากรรมตนเอง โดยอาจถูกสำเร็จโทษ จึงตัดสินใจไปผนวชเพื่อคุ้มชีวิต ณ วัดระฆังเดิม (หรือ วัดวรโพธิ์ในปัจจุบัน) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วัดระฆังเดิม หรือ วัดวรโพธิ์ในปัจจุบัน ภาพจาก http://www.chinsangtrip.com/location_detail.php?lcid=2582
ฝั่งเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ สมุหกลาโหมทางราชสำนักยัง ยังไม่ยอมรามือ มีความต้องการที่จะขจัดพระศรีศิลป์ให้สำเร็จ
จึงออกอุบายหลอกให้พระศรีศิลป์มาเข้าเฝ้า ให้ออกมาจากวัดและลงมือปลงค์พระชนม์
ฝ่ายพระศรีศิลป์รู้ทันอุบายจึงไม่ยอมเข้าเฝ้า
เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ สมุหกลาโหม จึงเปลี่ยนอุบายใหม่โดยสั่งการในทางลับให้ออกญาเสนาภิมุข หรือ ยามาดะ ทหารอาสาชาวญี่ปุ่นผู้ได้ดิบได้ดีในราชการในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรมและคุมกำลังทหารต่างชาติไว้จำนวนมาก
1
ยามาดะหรือออกญาเสนาภิมุข
โดยอุบายใหม่นั้น ให้ออกญาเสนาภิมุข ไปปรึกษาราชการกับพระศรีศิลป์ในทางลับ ว่าจะช่วยพระศรีศิลป์ชิงราชบังลังก์ โดยตนนั้นมียศฐาถึงออกญาคุมเมืองเพชรบุรีมีกำลังทั้งทหารญี่ปุ่นและกองกำลังจากเพชรบุรี ให้คำสัตย์จนพระศรีศิลป์ปักใจเชื่อ
พระศรีศิลป์ตัดสินใจลาพระผนวชและนำกำลังทหารภายใต้บังคับบัญชาของยามาดะบุกเข้าวังหลวง แต่พอถึงวังหลวงเหตุการณ์กลับตาลปัตร ทหารญี่ปุ่นของยามาดะทำการจับกุมพระศรีศิลป์ซ้อนอุบายตามที่ตกลงไว้กับเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ สมุหกลาโหม
พระศรีศิลป์ถูกคุมตัวในฐานะกบฏเข้าเฝ้าสมเด็จพระเชษฐาธิราชเจ้า เนื่องจากพระศรีศิลป์มีความเกี่ยวข้องในฐานะอาของพระองค์
พระเชษฐาธิราชเจ้ามิได้สั่งให้สำเร็จโทษเพียงแต่รับสั่งให้ไปคุมขังไว้
พระศรีศิลป์ถูกนำตัวไปขังไว้ที่เมืองเพชรบุรีโดยออกญาเสนาภิมุขเป็นเจ้าเมือง ทั้งขุดหลุมลึกขังไว้ และสั่งการให้ผู้คุมลดอาหารเรื่อยๆ จนกว่าพระศรีศิลป์จะสิ้นพระชนม์ไปเอง
ต่อมา’ออกหลวงมงคล’ผู้มีวิชาอาคมแก่กล้าและชื่อเสียงทางด้านอยู่ยงคงกะพัน ได้ทำการวางแผนช่วยเหลือชีวิตพระศรีศิลป์ โดยการแทรกซึมเข้าไปในหลุมคุมขัง โดยให้ทาสทำการขุดหลุมจนถึงก้นหลุมของพระศรีศิลป์ จากนั้นจึงฆ่าทาสโดยการบีบคอให้ขาดใจ แล้วนำเครื่องทรงของพระศรีศิลป์ให้ทาสใส่ไว้ เพื่อตบตาผู้คุม เมื่อผู้คุมเห็นว่าพระศรีศิลป์สิ้นพระชนม์แล้วก็ทำการกลบหลุมและรายงานให้ทางการทราบ
ต่อมาข่าวการรอดพระชนม์ชีพของพระศรีศิลป์แพร่กระจายออกไป จนทางราชสำนักสั่งการให้มีการสืบสวนขึ้น จนมั่นใจอย่างแน่แท้ว่าพระศรีศิลป์ถูกช่วยเหลือโดยฝีมือของออกหลวงมงคล ผู้อยู่ยงคงกระพัน
เมื่อข่าวแพร่สะพัดไปทั่วพระนคร ทำให้เหล่าข้าราชมากมาย รวมทั้งไพร่ฟ้าและพระสงฆ์องเจ้าที่เคยถวายงานสวามิภักดิ์ในพระศรีศิลป์ เดินทางมาและขอร่วมศึกชิงราชบังลังก์สนับสนุนฝ่ายพระศรีศิลป์
ฝ่ายอยุธยาเมื่อทราบข่าวจึงเกิดความระส่ำระสาย แต่ออกญาเสนาภิมุข ยามาดะ คนเดิมกลับอาสาและใช้อุบายอีกครั้งหนึ่ง เพื่อแก้ไขจากความผิดพลาดครั้งเก่า
1
โดยออกญาเสภิมุขส่งคนไปเจรจากับออกหลวงมงคลว่าจะขอร่วมมือและสนับสนุนด้วยอีกทางหนึ่ง โดยให้ทหารอาสาญี่ปุ่นใต้บังคับบัญชาแกล้งทำสู้กับกองกำลังของออกหลวงมงคล และจะยอมให้จับตัวเป็นเชลยเพื่อตบตาเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ สมุหกลาโหม
1
ออกหลวงมงคลเห็นว่านี่คือโอกาสที่ดี หากได้กองกำลังทหารอาสาของยามาดะมาช่วยอีกแรงและหากออกญาเสนาภิมุขยอมสวามิภักดิ์ ทั้งราชสำนักคงต้องยอมโดยง่ายขึ้น และคงไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อกันเป็นอันมาก
1
แผนการของออกญาเสนาภิมุขสำเร็จ เมื่อฝ่ายกองกำลังของออกหลวงมงคลเผชิญหน้ากับฝ่ายกองกำลังทหารอาสาญี่ปุ่น ฝ่ายออกหลวงมงคลทำแสร้งรบแต่ฝ่ายญี่ปุ่นกลับฆ่าจริง จึงทำให้กองกำลังฝ่ายออกหลวงมงคลแตกพ่าย จนพระศรีศิลป์ต้องหนีลงใต้มุ่งหน้าสู่นครศรีธรรมราช แต่ก็หนีไม่สำเร็จ พระศรีศิลป์ถูกจับและคุมตัวมาพระนครอีกครั้ง
พระศรีศิลป์ถูกจับกุมในฐานะกบฏอีกครั้ง และทรงรู้ถึงโชคชะตาอย่างแน่แท้ว่าครั้งนี้คงไม่มีชีวิตรอดแบบครั้งก่อน ขณะเข้าเฝ้าสมเด็จพระเชษฐาธิราชเจ้า พระศรีศิลป์จึงได้เตือนในฐานะอากับหลานให้จงระวังเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ สมุหกลาโหมให้ดี หากวันหนึ่งจะถูกกำจัดเช่นเดียวกับพระองค์
ฝ่ายออกหลวงมงคลเมื่อทัพแตกจึงหนีเข้าป่าเพื่อวางแผนลอบปิดชีพเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ สมุหกลา โดยการใช้วิชาอาคมแทรกซึมเข้าพระนครและดักอยู่หน้าประตูวังนานหลายวัน แต่เหมือนว่าเจ้าพระยากลาโหมได้รู้ถึงพิษสงของออกหลวงมงคล และหวาดกลัว จึงไม่กล้าออกจากวัง
ออกหลวงมงคลทนรอไม่ไหวจึงล้มเลิกแผนการ กลับมาใช้ชีวิตกับเมียทั้งสองคน ในป่า และดำรงชีพเช่นพรานป่าเรื่อยมา
ฝ่ายเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ สมุหกลาโหมสืบรู้แหล่งกบดานของออกหลวงมงคล จึงได้ทำการวางแผนจับกุมเมียหลวงและเมียน้อยจนสำเร็จ ออกหลวงมงคลวางมือหมดทุกอย่างตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงมอบตัวรับโทษ
บันทึกจากวันวลิตในตอนนี้ว่า
“...เจ้าหน้าที่พันธนาการเขาด้วยโซ่ตรวน ใส่ขา มือ แขน คอ และทุกๆส่วนของร่างกายเพราะได้รับคำตักเตือนมาก่อนในเรื่องพละกำลังมากมายผิดธรรมดา และเรื่องวิทยาคุณตามหลักไสยศาสตร์ ออกหลวงมงคลจึงหัวเราะขบขันคนเหล่านั้น และบอกว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่ใส่โซ่ตรวนคนซึ่งยอมมอบตัวเป็นนักโทษโดยสมัครใจ”
ออกหลวงมงคลกล่าวว่า
1
“ถ้าหากข้าพเจ้าต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็จะไม่ยอมอยู่ในอำนาจของท่าน จะไม่ให้จับกุมคุมขังข้าพเจ้าได้เลย”
1
เมื่อกล่าวดังนั้นแล้วก็หักโซ่ตรวนออกโดยง่ายดายเหมือนดึงเศษเชือกหรือด้ายเปื่อยๆ แล้วก็พูดต่อไปว่า
1
“ถ้าข้าพเจ้าต้องการพิสูจน์พละกำลังและวิชาความรู้ของข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าก็สามารถฆ่าท่านได้หลายคนทีเดียว แต่ข้าพเจ้าต้องการตาย ฉะนั้นจงนำข้าพเจ้าไปกรุงศรีอยุธยาโดยอิสระ เพื่อว่าออกญากลาโหมผู้โหดเหี้ยมซึ่งปลงพระชนม์พระมหาอุปราช อาจพึงพอใจในเลือดของข้าพเจ้า เพราะเขากระหายมานานแล้ว”
พระเชษฐาธิราชและเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงค์ไม่ประสงค์จะเอาชีวิตออกหลวงมงคล เพราะต้องการผู้มีวิทยาคมและกล้าหาญไว้รับราชการต่อไปในภายหน้า แต่ออกหลวงมงคลกลับปฏิเสธไม่ต้องการที่จะรับใช้ใครอีกและไม่ขอเกี่ยวข้องกับนายใหม่ที่เคยก่อกบฏแย่งชิงราชบังลังก์จากพระศรีศิลป์
ด้วยเหตุนี้ออกหลวงมงคลจึงถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยดาบ ซึ่งก่อนตาย ออกหลวงมงคลได้แสดงวิชาปาฏิหาริย์แก่ผู้คนทั้งพระนคร
1
• หลักฐานทางประวัติศาสตร์ •
โดยวันวลิตทำการบันทึกไว้ว่า
“..ในที่สุดเขาพูดถึงความกล้าหาญของตนเองและวิทยาคุณทางไสยศาสตร์ กับกล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าหากใครคนใดยังสงสัยเรื่องที่เขาพูดนี้ เขาจะพิสูจน์ให้เห็นจริงต่อหน้าคนทั้งหลาย อันที่จริง เมื่อเขาอยู่ในอาการสงบเพื่อรับดาบที่ฟันลงมา เพชฌฆาตก็ไม่สามารถทำให้เกิดบาดแผลในร่างกายของเขาได้ แม้จะได้ฟันเต็มแรงจนใบดาบชนิดโค้งนั้นคดไปก็ตาม
ทุกครั้งที่เพชฌฆาตฟันก็เกิดเสียงดังเหมือนคมดาบกระทบทั่งตีเหล็ก หลังจากนั้นออกหลวงมงคลก็ก็ลุกขึ้นดึงเชือกที่มัดตัวออก จับเพชฌฆาตไว้และบีบคอจนตาย เสร็จแล้วก็ขอน้ำ เขาเสกคาถาลงไปในน้ำ แล้วดื่มไปส่วนหนึ่ง ที่เหลือใช้ลูบไล้ร่างกาย และเอานิ้วขวาจุ่มลงในน้ำมนต์ ทำเครื่องหมายลงบนลำตัวด้านซ้ายใต้ซี่โครง
ในประเทศสยามถ้าผู้ใดถูกตัดสินให้ตายด้วยคมดาบ ก็จะต้องถูกฟันตรงนั้นซึ่งไส้จะไหลออกมาอย่างเร็วที่สุด แล้วออกหลวงมงคลก็นอนลงแล้วสั่งให้เพชฌฆาตอีกคนที่ถูกนำตัวมาใหม่ให้ฟันเขาตรงที่ๆเขาทำเครื่องหมายเอาไว้ ถ้าหากฟันพลาดออกหลวงมงคลจะบีบคอให้เหมือนกับที่ทำกับเพื่อนเขาคนก่อน เพชฌฆาตฟันดาบลงไป
แต่ด้วยความกลัวพลาดจึงทำให้ฟันผิด ฟันไม่ถึงตาย ออกหลวงมงคลร้องดังลั่นและสั่งให้ฟันตรงหัวใจมิฉะนั้นจะบีบคอเพชฌฆาตนี้เสียอีกคน นี่คือวาระสุดท้ายของออกหลวงมงคล บุคคลผู้น่าเกรงขาม ผู้ทำให้พระเจ้าแผ่นดินและทุกคนในราชสำนักตกอยู่ในความกลัว...”
บันทึกชิ้นนี้ถูกนำไปเผยแพร่ตีพิมพ์ให้ชาวยุโรปได้อ่านและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น
1
โดยบันทึกชิ้นนี้มาจากฝรั่งเอง หากยังได้กล่าวถึงวิชาไสยศาสตร์ ไสยเวทย์ ของชาวกรุงศรีอยุธยา ไว้อย่างพิศวง กับบุรุษนาม
‘ออกหลวงมงคล’ ผู้ที่ดาบก็ฟันไม่เข้า ผู้ที่ทำลายโซ่ตรวนดั่งฟาง ผู้ที่มีพละกำลังผิดปกติ
หากบันทึกชิ้นนี้มาจากชาวกรุงศรีอยุธยาคงไม่แปลกที่จะพรรณาเกินจริงให้เรื่องราวดูน่าตื่นเต้นน่าสนใจ
ทว่าหลักฐานชิ้นนี้มาจากคนฮอลันดาผู้หนึ่ง และข้อมูลหลายอย่างของวันวลิตยังถูกมานำมากล่าวอ้างเพื่อใช้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์อีกด้วย รวมทั้งยังใช้เป็นเครื่องมือพิสูจน์เหตุผลทางประวัติศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยาให้กับนักประวัติศาสตร์นำมาเปรียบเทียบกับพงศาวดารอีกหลายเล่ม
🙏กดไลค์ กดแชร์ กดติดตามเป็นกำลังใจ❤️
ขอบพระคุณครับ
เครดิตภาพจากภาพยนตร์:
- ซามูไรอโยธยา
- ทองดีฟันขาว
- บางระจัน
- จอมขมังเวทย์ 2
- Captain America the winter soldier

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา