26 มี.ค. 2020 เวลา 01:28 • ความคิดเห็น
เล่าสู่กันฟัง ประสบการณ์ทำงานในแต่ละที่
หลายคนอาจเคยคิด อยากรับJobพิเศษ หรือหางานทำ นอกเวลา หรือเวลาในขณะที่เราว่างๆ
ความคิดที่เข้ามาในหัวคือ งานที่ไม่ต้องไปทำทุกวัน ไม่ต้องทำเต็มเวลา ควบคุมการลงเวลางานได้
คำตอบนั้นคืองานพาร์ทาร์ม
งานนั้นมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นงานบริการ หรืองานที่ทำกันเป็นองค์กร งานที่ต้องลงแรง งานที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว อยู่ที่ว่าเรานั้นถนัดแบบไหน
เมื่อพวกถึงงานบริการ ยกตัวอย่างงานแรกคือ
พนักงานเด็กเสริฟ
หลายคนคงคิดว่าอาชีพนี้นั้นดูง่ายหรือไม่มีอะไรมาก แต่ในความเป็นจริงนั้น ไม่ง่ายเลย
แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป
คุณอาจจะเคยได้ยิน ‘ไม่มีงานไหนในโลกที่ง่าย’
คุณอาจจะเถียงในใจ มีสิ นั่นอาจเป็นเพราะคุณมีฝีมือ หรือสกิล ทักษะในการทำงานด้านนั้น ทำให้งานตรงนั้นดูง่าย แต่หลายคนอาจไม่มีความสามารถทางนั้น ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับคนที่เริ่มทำ แต่มันก็คุ้มที่จะได้ลงมือทำมัน
เด็กเสริฟนั้นในขณะทำงาน เขาต้องดูแลลูกค้าในหลายๆโต้ะ หากยิ่งเป็นร้านที่มีระดับหรูๆ หรือ exclusive ขึ้นไปอีก พนักงานเสริฟถือเป็นปัจจัยต้นๆที่จะทำให้ร้านดูดีเลย
นอกจากจะเสริฟอาหาร รับออร์เดอร์ลูกค้า ต้องดูแลความเรียบร้อย ความถูกต้อง ความสะอาด คอยรับคำสั่ง เพื่อที่จะดูแลร้านให้ดี
แล้วในบางครั้งอาจจะต้องรับอารมณ์ลูกค้าบางท่านที่อาจจะโมโหหิว หรือกำลังมึนเมาในเครื่องดื่ม เหมือนเป็นการฝึกความใจเย็นไปในตัว
ในบางครั้ง บางท่านได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารซักที่ แล้วลูกค้าเยอะมากๆ อาจทำให้อาหารออกล่าช้า ทำให้ลูกค้าบางท่านเกิดความโมโหหิว เลยเกิดการว่าหรือใส่อารมณ์ไปที่น้องเด็กเสริฟ เชื่อผมเถอะครับ น้องเขาก็อยากมาเสริฟให้เร็ว แต่ด้วยอาจจะเกิดปัจจัยหลายๆอย่างทำให้อาหารออกล่าช้าก็เป็นได้
หลายๆคนมีงานประจำอยู่แต่ยังมาทำงานบริการด้านนี้อาจเป็นเพราะต้องการมาหาประสบการณ์ หรือ อะไรต่างๆมากมาย
การทำงานเป็นพนักงานเสริฟหรืองานบริการนั้นได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
เช่น 1.ได้ฝึกความละเอียดรอบคอบ
2. ได้ความอดทนในการทำงาน
3. ได้รู้จักการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
4.ฝึกควบคุมอารมณ์ ของตัวเอง
5.ได้รู้จักรักษาความสะอาด
มากกว่านั้น ได้รู้ว่าร้าน เจ้าของหรือผู้จัดการเขาบริหารร้านยังไง กลุ่มลูกค้าเป็นยังไง แผนการตลาดวิธีคิดของร้านเป็นยังไง สามารถนำมาปรับใช้กับตัวเราในอนาคตก็อาจเป็นได้
บางคนอาจจะเปิดร้านเป็นของตัวเอง ผมมีบางอย่างอยากจะฝากบอกเอาไว้คือ
สิ่งหนึ่งเป็นตัวชี้วัดเลยว่าพนักงานจะทำงานได้ดีหรือไม่ดีนั่นคือ การบริหารร้าน ของผู้จัดการและเจ้าของ รวมถึงทัศนคติของการบริหารร้านนั้นด้วย จะเป็นตัวสะท้อนการทำงานในร้านเลย หรือจะพูดให้เห็นภาพรวม ร้าน1 ร้านจะต้องทำงานเป็นทีมเดียวกันครับ
จากที่กล่าวมาทั้งหมด นั่นคือคร่าวๆให้เห็นภาพรวมของการเป็นพนักงานเสริฟ
งานอย่างต่อมา งานขายของ เสื้อผ้า อาหารหรือจะเป็นสินค้าประเภทอื่นก็ได้
งานทางด้านนี้เป็นงานที่ดูเหมือนง่ายๆ หรือบางคนก็อาจจะมองว่ามันยากมากไปเลย
งานนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบความท้าทาย คิดอะไรใหม่ๆมาเพื่อกระตุ้นยอดขายเราตลอดเวลา เมื่อเรามาทำงานทางด้านนี้ จะต้องมีความรับผิดชอบในการค้นหาแผนการตลาดเพื่อที่จะทำยอดขายของร้าน
งานขายของนั้น หากคนไม่เคยทำ ก็จะมองไปอีกรูปแบบหนึ่ง คนเคยทำก็จะมองไปอีกรูปแบบเช่นกัน
หมายความว่า หากคนที่ยังไม่เคยทำ ก่อนจะเปิดขายก็คิดว่าได้วางแผนการขายมาอย่างดีแล้ว แต่สุดท้ายพอขาดทุนหลายๆคนนั้นก็มักจะบอกว่า ในบางเรื่องคาดไม่คิดจริงๆ
พอเมื่อเราได้ทำงานทางด้านนี้มันทำให้เราได้รู้หลายๆว่าไม่ใช่เพียงแค่หาทำเลขายของให้ได้กำไร ละต่อยอดแค่นั้น ยังมีปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น
ต้นทุนในการทำมีอะไรบ้าง ค่านำ้ ค่าไฟ ค่าวัตถุดิบที่ใช้ผลิต หากเป็นสินค้าเช่นเสื้อผ้า ก็เป็นค่าสินค้าที่นำมาสต้อคไว้ ค่าเช่า หากมีพนักงาน ก็ต้องมีค่าเงินเดือน ค่าเบี้ยขยัน ot พนักงาน ค่าการตลาด และสิ่งสุดท้ายที่ห้ามลืม นั่นคือค่าเสื่อมเวลา
เมื่อเราวางแผนต้นทุนเสร็จ เราก็ต้องมานั่งคิดแผนการทำกำไร จะทำกำไรในระยะสั้น หรือทำกำไรในระยะยาว คำนวณยอดขาย จำนวณลูกค้า รายได้เฉลี่ย รายได้หักต้นทุนเหลือกำไร กำไรหักค่าใช้จ่ายเหลือกำไรสุทธิ
เห็นมั้ยครับ งานขายของยังทำให้เรานั้นได้รู้อะไรหลายๆอย่าง การวางแผนที่ดี ควบคุมต้นทุน แต่ได้กำไรเรื่อยๆ หรืออะไรหลายๆอย่าง
การทำงานนั้นไม่ได้ทำให้เราได้เพียงแค่ ’เงิน’ แต่ทำให้เรารู้เรื่องราวหลายๆอย่าง อย่างประสบการณ์ชีวิต และการใช้ชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่เราได้รับจากการทำงานนั้น ได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิต ได้ลองอะไรใหม่ๆ
ชีวิตนึงลองศึษาหรือหาประสบการณ์ใหม่ๆไปเรื่อยๆสิครับ แล้ววันนึงคุณจะไม่เสียใจที่ตัดสินใจทำแบบนั้นไป
หากมีหลายคนชอบบทความนี้อาจจะมีep.2 ก็ได้นะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ 🐶 ด้วยรักจาก A.L.O.T.
โฆษณา