26 มี.ค. 2020 เวลา 09:20 • ความคิดเห็น
ประเทศเรามีคนเก่งอยู่มากมายค่ะ
จริงๆเคทเองค่อนข้างเข้าใจระบบงานแบบไทยๆบ้านเรานะ ที่ผ่านๆมาถึงพยายามไม่วิจารณ์ไม่ตำหนิอะไรมาก ยิ่งการเมืองที่รวมศูนย์ของขั้วอำนาจแต่ละฝ่ายในรูปแบบรัฐบาลผสม ปัญหายิ่งเยอะ
มันมีการคานอำนาจกันทั้งภายในรัฐบาล และลึกไปจนถึงในระดับองค์กรย่อยต่างๆ ตลอดจนวงวารราชการทั้งหลาย มันไม่ง่ายเลยค่ะ ที่จะทำอะไรได้ราบรื่น
ด้วยความที่เป็นระบอบประชาธิปไตยแบบบ้านเรา ที่มีความเห็นต่างและกลุ่มก้อนแตกแขนงมากกว่าระบอบสภาอย่างอเมริกา หรือ สิงคโปร์ที่มีลักษณะประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์ (flawed democracy)
ถ้าลดสเกลลงมา เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น เราจะเห็นว่าแค่ทำงานในบริษัทที่มีคนไม่กี่100 กว่าจะผ่านร่างโปรเจคนึงได้ เถียงกันตีกันจนฝุ่นตลบค่ะ คนนี้จะเอาแบบนั้น คนนั้นจะเอาแบบนี้ คนนี้ต้องรักษาผลประโยชน์คนนั้นและคนนั้นต้องรักษาผลประโยชน์คนนี้ เส้นสายพัวพันกันอีรุงตุงนัง ตรงนี้มันแก้ยากค่ะ ต่อให้ฝ่ายใดขึ้นมาก็ตามถ้ากุมเสียงไม่เด็ดขาดเหมือน รัฐบาลยุคทักกี้กับเจ๊ปู ก็มีปัญหาด้านการจัดการเช่นกัน
ทีนี้พอพรรคใดรวมศูนย์อำนาจได้เบ็ดเสร็จ ภาพที่เกิดในบ้านเราจึงมักเป็นลักษณะรัฐบาลเผด็จการ ไม่ว่าทางไหนก็ไม่เวิร์คเลย เพราะเราแก้กันผิดจุดค่ะ มันผิดตั่งแต่กระดุมเม็ดแรก ผิดตั้งแต่โครงสร้างแล้ว
บ้านเรายังต้องวนในอ่างกันอีกนานค่ะ นอกเสียจากว่าคนรุ่นใหม่จะเสียสละตนเองเข้าไปขับเคลื่อนการเมือง และล้มล้างขนบเส้นสายเดิมๆ ถึงตอนนั้นแหละเราจะมีพรรคการเมืองแบบที่เราหวัง
1
ซึ่งในทางการเมืองเป็นเรื่องยากจริงๆค่ะ ทุกอย่างผูกโยงกับทุนนิยมจนเป็นสายใยที่แยกจากกันไม่ขาด เอาแค่ตัวเราเอง ถ้ามีโอกาสเอื้อประโยชน์ให้ใครสักคนได้เรายังเลือกที่ให้คนที่เรารักก่อนเลย ทั้งๆที่ความถูกต้องเราต้องนึกถึงคนรัก คนใกล้ตัวเป็นลำดับสุดท้าย
1
การทำงานการเมืองมันจึงเป็นเรื่องของอุดมการณ์อันแรงกล้า คนที่เข้ามาต้องวางผลประโยชน์ไว้ก่อน ไม่นำพา และไม่แสวงหา การทำงานการเมืองมันจึงเป็นเรื่องที่ต้องเสียสละมากๆค่ะ
เราถึงไม่ค่อยเห็นคนเก่งๆเข้าไปทำตรงนี้ และที่มีเข้าไปก็มีหลายคนที่โดนกดไว้จนไม่มีผลงาน ถูกแช่แข็ง ไม่เหลืออุดมการณ์ และสุดท้ายก็เหี่ยวเฉาร่วงโรยไป และก็ฝากความหวังไว้กับคนรุ่นใหม่ วนลูปอีกครา
เห็นข่าววันนี้ก็เลยบ่นไปเรื่อยค่ะ ไม่มีอะไรหรอก
มิ้วติ้วนะ 😅
โฆษณา