26 มี.ค. 2020 เวลา 11:51 • กีฬา
ทีมไหนคือ "THE BEST" ของลีกอังกฤษ
ประวัติศาสตร์ฟุตบอลลีกอาชีพของประเทศอังกฤษ เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การเขี่ยบอลกริ๊กแรกกันในบ่ายวันเสาร์ที่ 8 กันยายน 1888
 
อันที่จริง "ประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ" เริ่มต้นขึ้นก่อนหน้านั้นแล้ว ก่อนที่จะนับหนึ่งลีกอาชีพ กับรายการ เอฟเอ คัพ ถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ช่วงปี 1871 จนเมื่อผ่านไปได้ระยะหนึ่ง เมื่อฟุตบอลเริ่มลงหลักปักฐานจริงจังได้ในสังคมเมืองผู้ดี จึงเกิดเป็น The Football League ฤดูกาลแรก 1888/89
 
สมาชิกดั้งเดิมเพียง 12 สโมสร แต่ละทีมลงเตะกัน 22 นัดเป็นอันตัดสิน และแชมป์รายแรกสุดในหน้าประวัติศาสตร์ได้แก่ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ สโมสรอายุ 140 ปี (ในวันนี้) โดยไม่มีการตกชั้นและเลื่อนชั้น เมื่อ "ปีระมิดฟุตบอล" ยังไม่เกิดขึ้น มีลีกอาชีพอยู่เพียงลีกเดียวเท่านั้น
 
ผ่านร้อนผ่านหนาวยาวนานกว่าร้อยปี ผ่านสงครามโลก 2 ครั้ง และกำลังต้องเผชิญกับสงครามโลกครั้งที่ 3 -- สงครามไวรัสโควิด-19 แน่นอนว่าการเติบโตของฟุตบอลลีกอังกฤษเป็นไปตามลำดับขั้น จากมีลีกเดียวก็ค่อยๆ ขยายตัวออกเป็นระบบปีระมิด และกระทั่งแตกตัวเป็น "พรีเมียร์ลีก" ของสามัญประจำบ้านของชาวเรา (ที่คิดถึงมาก)
 
1888 - 2020 เท่ากับลีกเมืองผู้ดีดำเนินมาแล้วเป็นปีที่ 132
 
คำถามคือ แล้วสโมสรไหนกันที่เป็นเบอร์ 1
 
ทีมใดกันคือ THE BEST เจ๋งสุดตลอดกาลของลีกอังกฤษ
 
วีว่าซอค มีคำตอบ...
• เบอร์ 1 พรีเมียร์ลีก •
ไม่น่าแปลกใจอยู่แล้วกับสถานะ "ราชาพรีเมียร์" เมื่อสิ่งที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้สรรค์สร้างเอาไว้ในตลอดระยะทำทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบๆ 30 ปี คืออะไรที่เหนือระดับอย่างแท้จริง
 
ขลุกขลักโงนเงนกับตอนเริ่มต้น กลางและปลายยุค 80 โค้ชหนุ่มชาวสกอตติชที่ฝากผลงานเอกอุกับ อเบอร์ดีน เอาไว้อย่างแชมป์ลีก 3 สมัย, สกอตติช คัพ 4 สมัย, คัพ วินเนอร์ส คัพ กับยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อย่างละสมัย เจอปัญหาอยู่ไม่น้อยเลยกว่าที่จะควานหาจุด "ลงตัว" เจอในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
 
ถ้าเป็นในยุคสมัยนี้ ไม่ต้องสงสัยว่า เฟอร์กี้ จะโดนสั่งเด้งไปไหนต่อไหนแล้ว เมื่อผลงานช่วงแรกหลังเข้ามาจับงานแทน รอน แอ็ตกินสัน ปรากฏผลแง่ลบมากกว่าบวก -- แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเพียงทีม "กลางตาราง" จบอันดับ 11 บ้าง 13 บ้าง ใน 3 จาก 4 ปีแรกของท่านเซอร์
 
จุดเปลี่ยนว่ากันว่าอยู่ที่แชมป์เอฟเอ คัพ 1990 แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 นัดแข่งใหม่ (หลังเสมอ 3-3) ทีมผีแดงได้แชมป์ที่ต้องการ และ เฟอร์กี้ ได้อยู่บนเก้าอี้ต่อยาวๆ
 
ครั้นเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากเดิม ดิวิชั่น 1 มาเป็น "พรีเมียร์ลีก" เริ่มต้นในซีซั่น 1992/93 แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ประกาศอย่างเสียงดังฟังชัดว่า "ยุคทอง" ของพวกเขา มาถึงแล้ว
 
10 ปีแรกของพรีเมียร์ลีก (1992/93 - 2001/02) แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์ไป 7 รอบ ในจำนวนนี้ยังเป็น "ดับเบิ้ลแชมป์" ถึง 3 ปี แถมมี "ทริปเปิ้ลแชมป์" ครั้งประวัติศาสตร์
 
11 ปีสุดท้ายในการทำหน้าที่ (2002/03 - 2012/13) แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นแชมป์ไปอีก 6 รอบ และแน่นอน ไปถึงโทรฟี่บิ๊กเอียร์อีกหน
 
แม้เมื่อตำนานของจอมคนสกอตติชจะปิดไป แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด กดลิฟท์ลดระดับลงอย่างชัดเจน -- ด้วยการเวียนมาทำทีมของ เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล, โชเซ่ มูรินโญ่ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แต่เมื่อมีการนับผลการแข่งขันรวม โดย worldfootball.net แล้ว
 
ทีมเบอร์ 1 ของยุคสมัยพรีเมียร์ลีก ก็ยังคงได้แก่ แมนฯ ยูไนเต็ด นั่นเอง
 
1,067 นัดที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีก 28 ซีซั่น
ชนะ 660
เสมอ 233
แพ้ 174
ยิงได้ 2,033
เสีย 959
ผลต่างประตู +1,074
แต้ม 2,213
 
แมนฯ ยูไนเต็ด ทิ้งห่างผู้ตามอย่าง อาร์เซน่อล และ เชลซี ไกลทีเดียว 218 และ 234 แต้ม ตามลำดับ
 
ส่วนทาง "ว่าที่แชมป์ปีนี้" ลิเวอร์พูล ต้องยอมรับว่ายุคสมัยของกุนซืออย่าง รอย อีแวนส์, เชราร์ อุลลิเยร์ หรือ ราฟาเอล เบนิเตซ (คงไม่ต้องนับ รอย ฮ็อดจ์สัน!) ไม่สวยหรูกับพรีเมียร์ลีก เมื่อสรุปรวบยอดแล้ว พวกเขาจึงเป็นอันดับ 4 เท่านั้น แต้มรวม 1,931
 
ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผู้กราดเกรี้ยวในหลายปีหลัง ยืนอยู่ที่เพียงอันดับ 7 เท่านั้นในตารางรวมแง่นี้ เมื่อต้องไม่ลืมว่า "เรือใบสีฟ้า" ก็เพิ่งลืมตาอ้าปาก ก้าวขึ้นมาเป็นขั้วอำนาจใหม่ของบอลอังกฤษ ในช่วงทศวรรษหลังนี่เอง
• เบอร์ 1 ดิวิชั่น 1 เดิม •
น่าแปลกใจอยู่พอสมควรกับผลสรุปที่ปรากฏของตารางรวมคะแนน ลีกอังกฤษยุค "ดิวิชั่น 1 เดิม" เมื่อเป็น เอฟเวอร์ตัน ที่อยู่เหนือใครในแง่นี้
 
อย่างที่เราเห็นกันมาตลอด ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน "ไม่เคย" ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ "พรีเมียร์ลีก" จริงจังได้เลยนับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง อันดับดีที่สุดคือที่ 4 ของซีซั่น 2004/05 และยังเคยมีช่วง "เสียวตกชั้น" 2003/04 ที่ เดวิด มอยส์ พาทีมจบอันดับ 17 เหนือโซนแดงแค่ 6 แต้ม
 
เพียงแต่ในส่วนนี้ เรื่องปัจจุบันไม่ใช่สิ่งสำคัญ เมื่อต้องยกเครดิตให้กับผลงานของ "เดอะ ทอฟฟี่ส์" เมื่อครั้งอดีต กับการยืนระยะปักหลักในลีกสูงสุด (ดิวิชั่น 1) อย่างยาวนาน ตั้งแต่ซีซั่นแรกเริ่ม 1888/89 จนกระทั่งมาตกชั้นหนแรก 1929/30 จากนั้น ตั้งแต่ 1954/55 เป็นต้นมา พวกเขายืนระยะลีกสูงสุดได้แบบไม่ตกไม่หล่น และยังมีแชมป์ถึง 9 สมัยด้วยกัน
 
ผลที่ได้ทำให้ เอฟเวอร์ตัน มี "จำนวนเกมลงสนาม" เยอะกว่าใครทั้งหมด มากกว่าผู้ตามอย่าง ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล ร่วมๆ 400 แมตช์ทีเดียว
 
เกมเยอะกว่า แต้มจึงเข้ากระเป๋ามากกว่า และ เอฟเวอร์ตัน นับเป็นเบอร์ 1 ของผลรวม ดิวิชั่น 1 โบราณ
 
เกม 3,480
ชนะ 1,460
เสมอ 839
แพ้ 1,181
ยิงได้ 5,670
เสีย 4,944
ผลต่างประตู +726
แต้ม 5,219
 
ด้าน ลิเวอร์พูล อย่างที่บอกไป ลงสนามน้อยกว่า เอฟเวอร์ตัน สามร้อยกว่านัดปลายๆ ทำให้แม้จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในจำนวนแชมป์ (18 สมัย) แต่แต้มรวมอยู่ที่ 4,990 แต้ม ห่างจากอริร่วมเมือง 229 คะแนน
 
น่าสนใจอย่างหนึ่งว่าในบรรดาท็อป 10 หรือท็อป 15 มีทีม "ไซส์เล็ก" ในวันนี้ อาทิ แอสตัน วิลล่า (4), ซันเดอร์แลนด์ (6), เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน (8), เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ (12) หรือ โบลตัน วันเดอเรอร์ส (13) ติดอยู่ด้วย ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าก็เพราะผลงานดีๆ ของพวกเขาเมื่อครั้งกระโน้น
 
ซึ่งเป็นเรื่องในอดีตกาล ผ่านมานานแล้ว...
• เบอร์ 1 ตลอดกาล •
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ราชาพรีเมียร์ลีก
เอฟเวอร์ตัน เบอร์ 1 ดิวิชั่น 1 เดิม
 
คำถามคือ แล้วถ้าเอา พรีเมียร์ลีก มาบวกกับ ดิวิชั่น 1 เดิม เพื่อหาว่าใครคือ "เบอร์ 1 ลีกอังกฤษตลอดกาล" ล่ะ?
 
คำตอบที่ได้ก็คือ... ลิเวอร์พูล นั่นเอง
 
ในตารางรวมพรีเมียร์ลีก 28 ปี "หงส์แดง" เกาะกลุ่มหัวแถวที่อันดับ 4 ส่วนในตารางดิวิชั่น 1 พญาหงส์ก็รั้งที่ 2 เท่ากับแต้มรวม 2 ยุคสมัยล้วนแต่อยู่ในเกณฑ์ดี
 
1931 + 4990 = 6,921
 
หกพันปลายๆ เกือบเจ็ดพัน คือผลรวมแต้มรวบยอดของ ลิเวอร์พูล ในตลอดหน้าประวัติศาสตร์ลีกอังกฤษ
 
ลิเวอร์พูล เหนือกว่า อาร์เซน่อล 166 แต้ม, เอฟเวอร์ตัน 238 แต้ม, แมนฯ ยูไนเต็ด 518 แต้ม, แอสตัน วิลล่า 999 แต้ม และ แมนฯ ซิตี้ 1,635 แต้ม
 
แน่นอนที่สุด หลักใหญ่ใจความต้องย้อนไปถึงยุคเรืองรอง พญาหงส์สยายปีกเมื่อครั้งอดีต
 
ลิเวอร์พูล เริ่มต้นนับหนึ่งแชมป์ลีกได้ตั้งแต่เมื่อ 119 ปีที่แล้ว ซีซั่น 1900/01 หงส์ของ ทอม วัตสัน (ล่วงลับ 1915) ที่ก่อนหน้านั้นรั้งแค่ที่สิบ ก้าวกระโดดขึ้นไปเถลิงบัลลังก์ได้อย่างยอดเยี่ยมและอย่างสนุก เฉือน ซันเดอร์แลนด์ แค่ 2 แต้มเท่านั้น
 
จากนั้นเป็นในช่วงผงาดง้ำค้ำเกาะอังกฤษ ยุค 70 และ 80 ที่มี บิลล์ แชงคลี่ย์, บ๊อบ เพสลี่ย์, โจ เฟแกน และ เคนนี่ ดัลกลิช กุมบังเหียน
 
ยุค 70 แชงคลี่ย์ & เพสลี่ย์ นำทีมคว้าแชมป์ 5 สมัย
ยุค 80 เพสลี่ย์ & เฟแกน & ดัลกลิช นำทีมคว้าแชมป์อีก 6 สมัย
 
1981/82 - 1983/84 ลิเวอร์พูล ฟาดแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน โดยต้องนับเป็น "ดับเบิ้ลแชมป์" สามปีซ้อนด้วย กับการได้ถ้วย ลีก คัพ มาครองต่อเนื่องในระหว่างนั้น
 
ส่วนแชมป์ครั้งล่าสุด 1989/90 "คิง เคนนี่" นำทีมที่ประกอบด้วยตำนานอย่าง เอียน รัช, จอห์น อัลดริดจ์, ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์, จอห์น บาร์นส์, แยน โมลบี้, เกล็นน์ ไฮเซ่น, อลัน แฮนเซ่น เป็นแชมป์แบบหล่อๆ ครึ่งซีซั่นหลังหลุดแพ้นัดเดียว ก่อนจบที่การทิ้งห่างรองแชมป์ แอสตัน วิลล่า ไกลถึง 9 คะแนน
 
สถิติแชมป์ดิวิชั่น 1 เดิม 18 สมัย ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยฉันใด บทสรุปของการเป็น "เบอร์ 1 ลีกอังกฤษตลอดกาล" ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะดวงดีฉันนั้น
 
ส่วนแชมป์สมัยที่ 19 ก็อยู่ที่ว่า พรีเมียร์ลีก จะเคาะระฆังเปิดยกใหม่เมื่อไร
 
ถ้ากลับมาเตะต่อไหว ยังไงก็ได้ฉลอง!
#พรีเมียร์ลีก #ลิเวอร์พูล #แมนฯยู #เอฟเวอร์ตัน #วีว่าซอค #vivasoc
www.vivasoc.com เว็บฟุตบอลปลอดพนัน
โฆษณา