28 มี.ค. 2020 เวลา 02:40 • ธุรกิจ
ความท้าทายของ Saudi Aramco และรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย
ราคาน้ำมันที่กำลังทำจุดต่ำสุดในรอบ 18 ปี
กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับบริษัทพลังงานทั่วโลก
แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือ Saudi Aramco บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกในปัจจุบัน
ปัจจุบัน มูลค่าของ Saudi Aramco อยู่ที่ 47.4 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับมูลค่าบริษัทตอนสิ้นปี 2019 ที่ 60.2 ล้านล้านบาท
หมายความว่า ในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 3 เดือน มูลค่าบริษัทหายไปกว่า 12.8 ล้านล้านบาท ซึ่งมูลค่านี้มีขนาดมากกว่ามูลค่าตลาดหลักทรัพย์ของไทยทั้งตลาดเสียอีก
แต่เรื่องนี้อาจไม่ได้กระทบแค่ผู้ถือหุ้นของ Saudi Aramco
เพราะอาจรวมไปถึงซาอุดีอาระเบียทั้งประเทศ
เรื่องนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ปี 2019 ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เฉลี่ยในปี 2019 อยู่ที่ 64 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงไป 11% เทียบกับปี 2018
สาเหตุสำคัญคือ การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทำให้ความต้องการการบริโภคพลังงานนั้นลดลงไปด้วย
การลดลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในปีที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้กำไรของบริษัท Saudi Aramco ปรับตัวลดลง
รายได้และกำไรของ Saudi Aramco
ปี 2018 รายได้ 10.2 ล้านล้านบาท กำไร 3.6 ล้านล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 9.4 ล้านล้านบาท กำไร 2.8 ล้านล้านบาท
Cr. Argaam
อย่างไรก็ตาม นับจากต้นปี
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า 61%
จากการที่รัสเซียปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในตลาดโลก ตามที่ซาอุดีอาระเบียต้องการ
พอเรื่องเป็นแบบนี้ รัฐบาลของซาอุดีอาระเบียจึงตอบโต้ด้วยการสั่งให้ Saudi Aramco เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นเป็น 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในปี 2020 เพื่อรักษาส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันของซาอุดีอาระเบียเอาไว้
ดังนั้น ถ้าปีที่แล้วสำหรับ Saudi Aramco เรียกว่าแย่ ปีนี้ต้องบอกว่า Saudi Aramco อาจเจอกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงไปอีก ถ้าราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานกว่าที่คาด
Cr. The Times
แต่เรื่องนี้คนที่เดือดร้อนอาจไม่ใช่เพียงแต่ผู้ถือหุ้นของ Saudi Aramco แต่อาจรวมถึงประเทศซาอุดีอาระเบียทั้งประเทศด้วย
ปี 2018 GDP ของซาอุดีอาระเบียเติบโต 2.4%
ปี 2019 GDP ของซาอุดีอาระเบียเติบโต 0.3%
ต้นปี 2020 กระทรวงการคลังของซาอุดีอาระเบียคาดว่า GDP ของประเทศจะเติบโต 2.3% จากปีที่แล้ว แต่นั่นเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ดังนั้น มีความเป็นไปได้ที่ GDP ของประเทศอาจเติบโตต่ำกว่าที่คาดไว้แต่แรก
ปัจจุบัน รายรับของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียนั้น 68% มาจากอุตสาหกรรมน้ำมัน ขณะที่ 32% มาจากอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่น้ำมัน
ในปี 2018 ซาอุดีอาระเบียมีรายได้จากการส่งออกน้ำมัน 6.2 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของมูลค่า GDP ของซาอุดีอาระเบีย
นั่นหมายความว่า ถ้าราคาน้ำมันลงไปครึ่งหนึ่ง GDP ซาอุดีอาระเบียก็น่าจะลดลงอย่างน้อย 10% เลยทีเดียว
และเรื่องนี้อาจทำให้แผนของซาอุดีอาระเบีย ชื่อว่า Saudi Vision 2030 ที่ต้องการนำรายได้จากการส่งออกน้ำมันบางส่วนมาลงทุน รวมทั้งพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นเพื่อลดการพึ่งพาจากอุตสาหกรรมน้ำมัน ล่าช้าออกไปด้วย
Cr. Call Me Techie
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่าปัจจุบัน รัฐบาลซาอุดีอาระเบียคือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Saudi Aramco
ในปี 2019 รัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้รับเงินปันผลจาก Saudi Aramco ถึง 2.3 ล้านล้านบาท แค่เงินปันผล 1 ปีก็มีมูลค่าเท่ากับ บริษัท ปตท. ถึง 3 บริษัท เลยทีเดียว..
โฆษณา