31 มี.ค. 2020 เวลา 23:00
#ไม่ประมาทต่อความตาย
เร่งขวนขวายทำความดีเป็นที่พึ่งเถิด
“ ภูเขาศิลาแท่งทึบสูงจรดฟ้า กลิ้งบดสัตว์มาโดยรอบทั้ง ๔ ทิศ แม้ฉันใด อันความแก่และความตาย ย่อมบดขยี้ปวงสัตว์ทั้งหลายให้พินาศย่อยยับไป แม้ฉันนั้น ใคร ๆ เกิดมาแล้ว ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องตาย ต่างกันเพียงแค่ว่า ใครจะตายก่อน ใครจะตายหลังเท่านั้น อีกทั้งไม่มีใครจะรู้ได้ว่า ใครจะตายเมื่อไร แต่ที่แน่ ๆ คือ ทุกคนต่างต้องตายตามกรรมของตัวเอง กรรมตายมาถึงเมื่อไร ก็ตายในทันที ตายในปัจจุบันขณะนี้เอง
พระยามัจจุราช คือ ความตาย นี้ ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตนัก พร้อมที่จะประหารชีวิตของสัตว์ทุกราย ที่กรรมตายมาถึงในพริบตาเดียว อย่างไม่มีลำเอียง และไม่เคยกินสินบนของใครเลย เพราะเหตุนั้น ธรรมท่านจึงสอนให้พวกเราไม่ประมาท ให้พิจารณาความตายอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก คือ ทำใจให้รู้ว่า ความตายของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกนี่เอง เมื่อใดที่ลมหายใจดับลง นั่นแหละ คือความตาย อย่ามัวแต่ไปคิดไปคาดไปเดาเอาเองว่า เราจะตาย วันนั้น เดือนนั้น ปีนั้น ในสถานที่นั้น ๆ
แท้จริง ความตายย่อมปรากฏแก่เราในปัจจุบันขณะนี่เอง ตายได้ทุกที่ทุกเวลา ถ้าปัจจุบันเราโชคดีที่ยังไม่ตาย เราก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เรื่อย ๆ แต่เราคงไม่โชคดีได้ทุกวัน ลมหายใจอาจจะดับไปในขณะปัจจุบันขณะใดก็ได้ แล้วแต่ธรรมชาติจะเป็นเอง ความตายไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัน เดือน ปี ใด ๆ เลย ไม่เลือกว่าจะเป็นสถานที่ใด ความตายย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่ กาลเวลาที่หมุนเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว จะบดขยี้ทุกสรรพสัตว์ให้พินาศย่อยยับไปด้วยกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวมันเอง
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "สูเจ้าทั้งหลาย!! จงมาดูโลกนี้อันตระการตาดุจราชรถที่พวกผู้โง่เขลายังข้องอยู่ แต่ท่านผู้รู้หาข้องอยู่ไม่" แปลความได้ว่า ก็โลกสันนิวาสนี้มันเร่าร้อนอยู่ด้วยไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ แผดเผาอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน ใยพวกเธอจึงยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยความประมาท ยังสนุกสนานเริงร่าอยู่ในรสของกาม ใยจึงไม่รีบเร่งขวนขวายทำความดีเพื่อแสวงหาที่พึ่งอันสงบร่มเย็น ที่ปราศจากไฟทั้งสามกอง “
หลวงปู่แบน ธนากโร
Cr:ดอยแสงธรรม
โฆษณา