28 มี.ค. 2020 เวลา 02:00 • กีฬา
[ #แซมบ้าที่ไร้ลีลา ]
ตอนนี้บราซิลเป็นอีกประเทศที่โดนไวรัสโควิด-19 เขย่าจนสั่นคลอนอย่างหนัก
ยอดผู้ติดเชื้อทะลุ 2,000 รายเข้าไปแล้ว ในขณะผู้เสียชีวิตปริ่ม 40 ความหวาดผวาลุกลามไปทั่ว
แต่ ชาอีร์ โบลโซนาโร ประธานาธิบดียังไม่สั่งการขั้นเด็ดขาดล็อกดาวน์หรือปิดประเทศเหมือนอย่างที่อื่น
ท่านผู้นำทำตัวตามสบายเหมือนทองไม่รู้ร้อน พร้อมกับย้ำว่าสถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤตต้องทำอย่างนั้น ประเมินแล้วยังน่าจะรับมือไหว
ลึกๆแล้ว โบลโซนาโร หวั่นว่าถ้าปิดประเทศขึ้นมาจริงๆ อาจฉุดสภาพเศรษฐกิจให้ทรุดหนักลงอีก หลังจากที่บราซิลเริ่มอมโรคอยู่แล้วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
ล่าสุดริโอ เดอ จาเนโรคือเมืองใหญ่ที่มีผู้ติดเชื้อเกือบ 200 ราย แต่มาตรการต่างๆยังขาดความชัดเจน ยิ่งช้าเท่าไรก็ยิ่งเขย่าขวัญสั่นประสาทมากเท่านั้น
เมื่อผู้คนเห็นว่ากฎหมายเป็นแค่เสือกระดาษไร้อำนาจที่แท้จริง จึงต้องลุกฮือกันขึ้นมาตั้งศาลเตี้ยตัดสินกันเอง
พื้นที่สลัมในริโอ เดอ จาเนโรหรือที่เรียกว่า City of God มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะมีแต่คนจนชนชั้นแรงงานเท่านั้นอาศัยอยู่ ระบบสาธารณูปโภคล้วนไม่ได้มาตรฐานความสะอาดอยู่แล้ว
อีกทั้งแหล่งเสื่อมโทรมยังมีความหนาแน่นของประชากรสูงอีกต่างหาก คาดว่ามีอาศัยอยู่ 1.5 ล้านคนด้วยกัน พื้นที่แออัดถ่ายเทไม่สะดวก โอกาสจะติดเชื้อและแพร่กระจายนั้นง่ายมากๆ
ดังนั้นพวกแก๊งต่างๆไม่ว่าจะเป็นปล้น ชิงทรัพย์ ค้ายาเสพติดหรือลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ต่างรวมตัวกันแล้วออกกฎเลยว่า คนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว ห้ามออกมาข้างนอกหลังจาก 2 ทุ่มจนถึง 6 โมงเช้า เป็นการประกาศเคอร์ฟิวเอง ไม่ต้องสนใจเสียงของรัฐบาล
"เราอยากบอกให้รู้ทั่วกันว่าคนในพื้นที่นี้ ต้องอยู่ในที่พัก หากเราเห็นใครออกมาข้างนอกหลังจาก 2 ทุ่มไปแล้ว บทลงโทษจะทำงานทันที"
อีกสาเหตุที่เกิดการตื่นตัวอย่างรวดเร็ว จนชุมชนต้องออกมาป้องกันด้วยตัวเอง เป็นเพราะมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้าให้แล้ว
แน่นอนว่านี่คือปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ เมื่ออาชญากรทั้งหลายมารวมตัวกัน ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เรียนรู้และเข้าใจสถานการณ์ก่อนที่รัฐบาลจะขยับตัว
แม้จะรู้ดีว่าชีวิตนี้จะไม่รื่นรมย์นัก แต่ละวันต้องปากกัดตีนถีบสารพัดเพื่อเอาตัวรอด แต่ถึงที่สุดพวกเขาก็หวงแหนอยากจะอยู่ดูโลกต่อไป
ในขณะที่ โบลโซนาโร ผู้นำซึ่งนิยมขวาจัดหรือเผด็จการกลับเพิกเฉยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าผิดธรรมชาติอย่างยิ่ง
ไม่แปลกเลยที่เขาแทบไม่ได้คะแนนเสียงจากชนชั้นล่างในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด แต่เหล่าคนชั้นกลางและผู้มีอันจะกินทั้งหลายกลับเทคะแนนให้อย่างล้นหลาม
ด้วยนโยบายที่ประกาศสงครามกับพวกอาชญากรทั้งหลายทั่วโลก พร้อมกำจัดให้สิ้นซาก เช่นเดียวกับข้าราชการและนักธุรกิจที่ชอบคอร์รัปชั่น จึงชนะใจเหล่าคนฐานะปานกลางขึ้่นไป
เช่นเดียวกับพวกนักเตะอาชีพชื่อดังไม่น้อย ที่ออกมาเปิดหน้าสนับสนุนอย่างชัดเจนก่อนการเลือกตั้งในปี 2018 จะเริ่มขึ้น
ทั้งริวัลโด้ , กาก้า , คาฟู รวมถึง ลูกัส มูร่า คือกระบอกเสียงสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ โบลโซนาโร ก้าวขึ้นเป็นผู้นำสำเร็จ
ประกอบกับพรรคกรรมกรที่เป็นฝั่งซ้ายหรือสังคมนิยมคะแนนเริ่มตกลงไป เพราะไม่อาจแก้ปัญหาปากท้องได้เต็มที่ก่อนหน้านี้ ความนิยมจึงสวิงกลับมาที่ขวาจัด
แต่นักเตะซึ่งทุ่มสุดตัวทั้งแรงกายแรงใจเพื่อให้ โบลโซนาโร ผงาดเป็นใหญ่ในทำเนียบรัฐบาลคือ โรนัลดินโญ่ นั่นเอง
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถือว่าน่าสนใจและอาจมีอะไรปกปิดซ่อนเร้นอยู่
เมื่อ 2 ปีก่อนตอนที่ โบลโซนาโร สมัครลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค Social Liberal Party ซึ่งเป็นฝ่ายขวา โรนัลดินโญ่ ได้วางแผนกับ โรแบร์โต้ พี่ชายสุดที่รักเอาไว้แล้ว
นั่นคือจะลงสมัครรับเลือกตั้งชิงเก้าอี้สมาชิกวุฒิสภาในรัฐมินาส เกไรส์ ซึ่งเป็นบ้านเกิด หวังเปลี่ยนเวทีจากฟุตบอลมาเป็นการเมืองแทน
เชื่อกันว่าสองพี่น้องตกลงเรื่องนี้กับ โบลโซนาโร ไว้เรียบร้อย เปิดพื้นที่ให้ โรนัลดินโญ่ ได้ลงชิงชัย ซึ่งความนิยมเมื่อครั้งเป็นนักเตะอาชีพ อีกทั้งมีบุคลิกเปิดเผย ยิ้มง่าย ปราศจากความลับน่าจะได้เสียงโหวตแบบท่วมท้นไม่ยาก
อย่างไรก็ตามเกิดเหตุขัดข้องบางอย่าง โรนัลดินโญ่ ไม่ได้ลงเลือกตั้ง แต่เขากลับตกเป็นข่าวใหญ่ในข้อหาคอร์รัปชั่นแทน
อย่างที่เราเคยรับรู้กัน โรนัลดินโญ่ ไปสร้างศูนย์ฝึกของตัวเอง รวมทั้งทำธุรกิจแพตกปลาและรีสอร์ท ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตสงวน เขาจึงโดนข้อหาบุกรุกผืนป่าหวงห้าม
คดีถูกนำไปพิจารณาในชั้นศาล ก่อนจะถูกเคาะตัดสินให้ โรนัลดินโญ่และพี่ชายจ่ายค่าปรับทั้งสิ้น 2 ล้านยูโร
ทางทนายของจำเลยกลับอ้างง่ายว่าไม่มีเงิน เหลือติดในบัญชีแค่ไม่กี่ยูโรเท่านั้น จะให้ทำอย่างไร
ศาลจึงตัดสินอายัติทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดในพื้นที่เขตผืนป่าที่บุกรุก ทั้งหมด 57 รายการ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะสนุกเกอร์ ภาพวาดศิลปินดัง รวมถึงสั่งยึดพาสปอร์ตด้วย จากข้อหาไม่ยอมจ่ายภาษีและค่าปรับ
ที่บอกว่าประเด็นนี้มันน่าสงสัยตั้งแต่ โรนัลดินโญ่ ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ทั้งที่สมัยเป็นนักเตะกอบโกยไว้เยอะ แม้จะใช้จ่ายอย่างมือเติบฟุ่มเฟือยก็ตาม
นอกจากนี้การก่อสร้างศูนย์ฝึกลูกหนังและที่อยู่อาศัยในการทำธุรกิจต่างๆ ผ่านการลงมติเห็นชอบแล้วจากสภาเมือง เพียงแต่มีรายละเอียดปลีกย่อยในเรื่องการจ่ายภาษีหรือเงินอุดหนุนท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้น
แต่เมื่อ โบลโซนาโร ก้าวมามีอำนาจ โรนัลดินโญ่และพี่ชายกลายเป็นคนผิดไป มีการอ้างเหตุผลสารพัดเพื่อจะนำมาลงโทษให้ได้
มันมีพิรุธไม่ชอบมาพากลตั้งแต่เรื่องนี้แล้ว ทุกอย่างผ่านมติมาก่อนแม้จะเป็นคนละรัฐบาลก็ไม่เกี่ยวข้องกัน แถมคนระดับนี้ยังไม่มีเงินจ่ายค่าปรับอีก
ถ้ามองในแง่ร้ายการปราบปรามครั้งนี้ของ โบลโซนาโร ย่อมได้คะแนนนิยมอีกจมหู เพราะกระทั่งนักเตะดังระดับซูเปอร์สตาร์ที่มีความสนิทแนบแน่นกัน ยังไม่มีการละเว้น ขุดคดีย้อนหลังมาเล่นงานอีกรอบ
กระนั้นนี่อาจเป็นการวางแผนให้ โรนัลดินโญ่ มีที่ลงง่ายขึ้น ธุรกิจที่ทำอยู่อาจประสบภาวะขาดทุนเดินหน้าต่อไม่ได้ เลยต้องใช้วิธีอย่างนี้แทน
ไม่ใช่เท่านั้นทรัพย์ต่างๆที่อยู่ในรายการ ไล่ตั้งแต่รถหรู เรือยอร์ช โต๊ะสนุกเกอร์มีเพียงแค่ชื่อและมูลค่าเท่านั้นเอง แทบไม่มีใครเห็นเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
คิดเอาแบบง่ายๆเลย ถ้าคุณเป็นผู้นำประเทศแล้วมีความสนิทกับใครสักคน โดยที่เขาทำธุรกิจที่ผ่านการเห็นชอบจากสภาเมือง จะไปรื้อฟื้นขุดมาทำคดีจนมีความผิดอย่างนั้นหรือ?
ในขณะเดียวกันคดีที่มีการอุทธรณ์ก็ยังค้างอยู่ในศาล ส่วนตัว โรนัลดินโญ่ และ โรแบร์โต้ พี่ชายซึ่งมีความผิดร่วมกันกลับไปโผล่ที่ปารากวัยติดคุกที่นั่นโทษฐานใช้พาสปอร์ตปลอม
ที่น่าสนใจเกินกว่าเรื่องตลกก็คือ รูปลักษณ์พาสปอร์ตที่ปลอมนั้นมันแย่มากๆ ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลยสักนิดเดียว คนระดับนี้หากจะปลอมจริงๆจะเลินเล่อขนาดนี้ได้อย่างไร
ถึงบอกว่าเรื่องนี้ลองไล่ปะติดปะต่อให้ดู เหมือนมีเงื่อนงำบางอย่างที่ซ่อนอยู่
ขณะเดียวกันมันทำให้ โบลโซนาโร ได้รับเสียงสรรเสริญอีกเพียบ โดยเฉพาะจากคนชั้นกลางและสูงที่สนับสนุนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แต่อีกทางเรื่องมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่จำเป็นต่อคนชั้นล่างตามสลัมหรือแหล่งเสื่อมโทรมกลับมองข้ามไป แถมตอกย้ำให้เจ็บช้ำอีกว่า ยังไม่วิกฤตพอทั้งที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากทุกวัน
ถ้าปิดประเทศขึ้นมานายทุนทั้งหลาย ซึ่งเป็นกลุ่มฐานเสียงของเขาจะต้องประสบปัญหาหนักอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนบรรดานักเตะทั้งหลายที่สนับสนุน โบลโซนาโร ส่วนใหญ่แล้วมามีพื้นฐานมาจากครอบครัวที่ยากจนทั้งสิ้น
น่าเสียดายถึงวันหนึ่งที่พวกเขามั่งมี กลับมองข้ามคนชั้นล่าง เห็นว่าเป็นภัยต่อประเทศและตัวเอง
ดูเหมือนว่าปัจจุบันฟุตบอลที่บราซิลจะไม่ได้รับใช้คนจนอย่างที่เราเคยพูดกัน
แต่มันรับใช้คนรวยและกลายเป็นเครื่องมือของนักการเมืองมาพักใหญ่แล้วต่างหาก
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
โฆษณา