28 มี.ค. 2020 เวลา 10:16 • ธุรกิจ
🛢 พวกเราทุกคนนั้นคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าตอนนี้ตลาดน้ำมันโลกนั้นกำลังสู้ศึกสองด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง #สงครามราคา ที่ดุเดือดระหว่างประเทศผู้ผลิต ประกอบกับภาวะ #วิกฤตไวรัสโควิด ที่กำลังกดดันราคาจากทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานน้ำมันอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในประวิติศาสตร์
แต่มีอีกหลายๆอย่างในตลาดน้ำมันโลกที่กำลัง #เปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อ ⚠️ โดยที่คุณอาจไม่เคยนึกถึงมาก่อน ทางเราจึงอยากมาสรุปและเล่าให้ฟังกันครับ
1️⃣ 🇸🇦 ซาอุทุ่มสุดตัวในสงครามครั้งนี้ แบบยอมตัดขาตัวเอง
ซาอุไม่ได้เพียงแค่พยายามผลิตน้ำมันทุกหยดออกมาจากหลุมน้ำมันของตัวเองเพื่อฆ่าผู้ผลิตขู่แข่ง แต่ซาอุยังพยายามลดการใช้น้ำมันในประเทศลงไปด้วย ! เพื่อที่จะได้มีน้ำมันส่งออกมากดดันตลาดน้ำมันโลกมากขึ้น !
ก่อนหน้านี้ซาอุจะใช้น้ำมันดิบประมาณ 30% ที่ผลิตได้มาใช้กลั่นในโรงกลั่นในประเทศก่อน เพราะการเพิ่มมูลค่าน้ำมันผ่านการกลั่นแล้วค่อยส่งออกไปเป็นน้ำมันสำเร็จรูปนั้นสามารถทำรายได้ได้มากกว่า แต่วันนี้ทาง Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุ ได้สั่งลดกำลังการกลั่นใน 2 เดือนหน้าของโรงกลั่นตัวเองลง เพื่อที่ว่าจะได้มีน้ำมันดิบเหลือมาส่งออกมากขึ้น หรือเรียกได้ว่าเป็นการยอมตัดแขนตัดขาตัวเองเพื่อที่จะได้สร้างความเสียหายต่อการผลิตน้ำมันดิบของประเทศอื่นมากขึ้น
การยอมทุ่มแบบสุดตัวขนาดนี้ของซาอุนั้น ทางตลาดไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยครับ ...
2️⃣ กลุ่มโอเปกอาจจะต้องสลายตัวไปภายในเวลาข้ามคืน ?
ก่อนการประชุมโอเปกและพันธมิตรเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมานั้น กลุ่มโอเปกเป็นหนึ่งในกลุ่มการตกลงระหว่างประเทศ (Cartel) ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก การรวมตัวกันของผู้ผลิตน้ำมันหลักของโลกนั้นมีอิทธิพลต่อสภาพเศรษฐกิจโลกมาตลอดเวลา 60 ปี เวลาที่เราจะวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกนั้น เราจะต้องตั้งคำถามก่อนว่าราคาน้ำมันจะเป็นอย่างไร ? และก่อนที่เราจะคาดการณ์ราคาได้นั้น เราก็ต้องถามก่อนเลยว่ากลุ่มโอเปกจะมีนโยบายอย่างไร ?
1
ไม่ใช่แค่กลุ่มโอเปกเองที่กำลังขยายอิทธิพลมาตลอด 60 ปี แต่ในช่วง 3-4 ปีหลังทางโอเปกยังได้รวบรวมพันธมิตรอีกมากมายมารวมตัวกันเป็นกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) สร้างความมั่นคงทางการรักษาระดับราคาน้ำมันได้มากขึ้นไปกว่านั้นอีก (พันธมิตรหลักๆคือ รัสเซีย เม็กซิโก เอกวาดอร์ อาเซอร์ไบจาน และอื่นๆ)
1
แต่การตัดสินใจของซาอุที่จะเริ่มสงครามราคาครั้งนี้ ไม่ได้ทำร้ายแค่รัสเซียหรือสหรัฐ แต่กำลังกลับทำให้ประเทศเพื่อนๆในกลุ่มโอเปกกำลังขาดทุนครั้งยิ่งใหญ่ นอกจากจะขาดทุนทางต้นทุนในการผลิตที่อยู่สูงกว่าราคาตลาดแล้ว ยังต้องขาดทุนในการที่จะไม่มีรายได้เข้ามาในประเทศเพียงพออีก หลังจากหลายๆ ประเทศในกลุ่มนั้นได้พยายามวางแผนงบประมาณประเทศบนรายได้จากการขายน้ำมันมาโดยตลอด (อย่าง ลิเบีย อิรัก อิหร่าน โอมาน แอลจีเรีย และอื่นๆเป็นต้น)
การประชุมที่ทางซาอุและรัสเซียทะเลาะกันในคินนั้นคืนเดียว อาจทำให้ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ว่าเป็นการทำลายความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นกัน 60 ปี ของกลุ่มสมาชิกโอเปกต้องจบลงภายในช่วงเวลาข้ามคืน
3️⃣ กลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน Texas ใน 🇺🇸 สหรัฐออกมาเรียกร้องให้มีนโยบายลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาระดับราคา !
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ Texas Oil Boom หรือการผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัสที่กำลังโตอย่างก้าวกระโดดในปี 1901 หรือเมื่อ 120 ปีก่อนนั้น ทางผู้ผลิตน้ำมันในเท็กซัสซึ่งเป็นบริษัทเอกชนไม่เคยมีคำว่า "ลดกำลังการผลิต" อยู่ในพจนานุกรมเลย ด้วยการเป็นประเทศที่มีความต้องการใช้น้ำมันมากที่สุดในโลกมาโดยตลอด ทางสหรัฐได้เร่งลงทุนในการผลิตน้ำมันและพยายามขยายการขุดน้ำมันให้ได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะการผลิตในเท็กซัสซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันที่สำคัญ เพราะทุกๆหยดน้ำมันที่ขุดออกมานั้นล้วนเป็นเงินทั้งสิ้น
1
แต่วันนี้สภาวะสงครามราคานั้นทำให้ผู้ผลิตในเท็กซัสทราบดีว่า ถ้าพวกเขาไม่ทำอะไรซักอย่าง ธุรกิจที่ใหญที่สุดที่หล่อเลี้ยงรัฐของเขามาตลอดกว่า 100 ปีนั้นจะต้องตายลง ทางผู้ผลิตจึงต้องกัดฟันออกมาขอให้ทางซาอุรวมไปถึงรัสเซียมาร่วมกันลดกำลังการผลิตด้วยกัน โดยล่าสุดนี้ทางวุฒิสมาชิกสหรัฐถึงกับได้ร่างจดหมายให้รัฐบาลสหรัฐขู่ทางซาอุว่า "หากไม่มาร่วมกลุ่มกับทางเรา พวกเราก็จะคว่ำบาตรคุณ"
ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นเลยใน 100 ปีที่ผ่านมา
4️⃣ ราคาน้ำมันดิบลดลงมา 25 เหรียญ (50%) ภายในเวลา 10 วัน ! เป็นการลดลงที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ 📉
1
การลดลงถึง 25 เหรียญภายในเวลา 10 วันนั้นตลาดน้ำมันไม่เคยพบเจอหรือคาดคิดมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในยามวิกฤตเศรษฐกิจในยุคไหนก็ตาม หากจะให้ลงรายละเอียดนั้น แม้แต่การเคลื่อนไหวรายวันก็เป็นการลดลงแทบจะหนักที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นในรอบ 30 ปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว (มีมากกว่านี้แค่ครั้งเดียวในปี 1991 ช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซียระหว่างสหรัฐและอิรัก ) โดยช่วงนี้ 10 นี้มีถึง 3 วันเลยทีเดียวที่ราคาโดยเทขายลงมาติดระดับขั้นน่าจดจำไว้
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม หลังสงครามราคาเริ่มขึ้น Brent ปรับลดลง -24%
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม Brent ปรับลดลงอีก -11%
และ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม Brent ปรับลดลงอีก -13%
5️⃣ ดัชนีความผันผวนของราคาน้ำมันดีดขึ้น 6 เท่า ! ดีดขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ 〽️
ไม่ใช่แค่เพียงราคาที่ปรับตัวลงมาอย่างรวดเร็ว แต่ดัชนีความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ Brent หรือ Brent Volatility Index นั้นก็ดีดขึ้นจากระดับปกติที่ 20-30% ขึ้นแตะเกือบ 200% ! เราไม่เคยเห็นตลาดมองราคาในอนาคตผันผวนขนาดนี้มาก่อนเลยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา กองทุนต่างๆเร่งเข้าซื้อประกันความผันผวนอย่างมากมาย เพราะไม่มีใครแน่ใจว่าไวรัสจะระบาดไปในทิศทางไหนต่อไป หรือทางผู้ผลิตอาจจะกลับมาจับมือกันหรือไม่
ในยามที่ดัชนีความผันผวนสูงขนาดนี้เทรดเดอร์ทุกคนควรระวังตัวอย่างยิ่งนะครับ
6️⃣ โลกเราแทบจะไม่เหลือที่ในการเก็บน้ำมันแล้ว ! 🛢
ถังน้ำมันว่างๆนั้นเป็นเรื่องปกติของตลาดน้ำมัน เพราะด้วยค่าผลผลิตที่อำนวยความสะดวก (Convenient Yield) ของน้ำมันที่หากมีอยู่ในมือแล้วเราจะใช้ประโยชน์มันได้โดยทันที ทำให้ราคาล่วงหน้าของน้ำมันนั้นปกติจะอยู่ต่ำกว่าราคาปัจจุบันมาโดยตลอด (ซื้อให้มาส่งตอนนี้แพงกว่าซื้อแล้วให้มาส่งในอนาคต) การจัดเก็บน้ำมันในถังนั้นจึงมีต้นทุนที่สูง สู้ไปซื้อแล้วรอให้ส่งในอนาคตนั้นราคาจะถูกกว่า เราเรียกรูปแบบนี้ว่า Backwardation ทำให้ผู้ประกอบการไม่มีใครอยากจะเก็บน้ำมันไว้เต็มถัง
แต่ราคาน้ำมันวันนี้นั้นลดลงมาหนักมากจนเกิดเรื่องประหลาด ลงจนทำให้ราคาในตลาดซื้อขายล่วงหน้านั้นแพงกว่าปัจจุบัน หรืออยุ่ในรูปแบบ Contango และเป็น Contango ที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปี ทำให้การเก็บน้ำมันไว้ในถังแล้วนำไปขายในอนาคตนั้นจะได้กำไร ทำให้ทุกๆผู้ประกอบการน้ำมันเร่งกันเก็บน้ำมันจนเต็มถัง จนทุกวันนี้นั้นโลกเราแทบจะไม่มีที่เหลือให้เก็บน้ำมันแล้ว
ใครมีถังเก็บน้ำมันใหญ่ๆเหลือก็ลองคอมเม้นท์มาบอกกันได้นะครับ นี่อาจเป็นโอกาสของคุณ
7️⃣ ค่าเรือขนส่งน้ำมันดิบดีดขึ้น 2 เท่านับตั้งแต่เกิดสงครามราคา 🛳
โดยปกตินั้นค่าเรือขนส่งน้ำมันนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก หากเศรษฐกิจโต มีการใช้น้ำมันมากขึ้นค่าขนส่งก็จะแพงตามกันไปด้วย แต่ในคราวนี้นั้นกลับเกิดเรื่องประหลาดขึ้นครับ
ค่าขนส่งทั่วโลกนั้นดีดสูงขึ้นไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจโลกที่โตขึ้น ในทางกลับกันสงครามราคานั้นทำให้ผู้ผลิตน้ำมันอย่างซาอุลดราคาน้ำมันตัวเองลงมาหนักมากเมื่อเทียบกับราคาในอนาคต (ส่วนต่างนั้นสูงที่สุดในรอบ 20 ปีอย่างที่ได้กล่าวไป) ทำให้เทรดเดอร์น้ำมันต่างชาติเร่งเข้าจองเรือขนส่งน้ำมันดิบเพียงเพื่อที่จะเก็บน้ำมันไว้บนเรือเฉยๆ ลอยลำไว้เพื่อรอขายในอนาคต
ใครไม่เข้าใจรายละเอียดในข้อ 6-7 ลองเปิดคลิปอธิบายของเราที่โพสต์ไว้เมื่อคืนได้นะครับ เดี๋ยวจะแปะลิงค์ไว้ในคอมเม้นท์ให้อีกทีครับ
8️⃣ โรงกลั่นบางโรงต้องจ่ายเงินเพื่อการกลั่นน้ำมัน ?? ⛽️
ค่าการกลั่นซึ่งเป็นกำไรในการแปลงรูปน้ำมันดิบไปเป็นน้ำมันสำเร็จรูปโดยปกติแล้วจะต้องเป็นบวก เพราะนี่คือค่าจ้างของพวกเราที่ต้องจ่ายให้โรงกลั่นในการแปรรูปน้ำมันมาให้เราใช้ แต่เนื่องจากวิกฤตไวรัสในครั้งนี้ค่าการกลั่นในหลายๆโรงกลั่นกำลังกลับเป็นติดลบ เพราะความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปนั้นหายไปจากการปิดประเทศ โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องบิน (Jet Fuel) และน้ำมันเบนซิน (Gasoline) ที่ค่าการกลั่นของสองน้ำมันชนิดนี้นั้นพลิกกลับเป็นติดลบแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
โดยตอนนี้ต้องมีโรงกลั่นในหลายประเทศที่เริ่มปิดตัวลงไปแล้ว โดยเฉพาะโรงกลั่นที่เน้นการส่งออกและไม่ได้กลั่นเพื่อความต้องการใช้เองในประเทศ อย่างที่ยุโรปและอินเดียเป็นต้น
9️⃣ เอทานอลกำลังโดนนำไปใช้ผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อโรคล้างมือแทน 👋
ในยามวิกฤตไวรัสนี้ ไม่มีการสับเปลี่ยนความต้องการใช้ระหว่างของสองอย่างที่ใช้แทนที่กันได้ไปกว่าน้ำมันเบนซินและน้ำยาฆ่าเชื้อโรคล้างมือแทนอีกต่อไปแล้ว
ความต้องการใช้น้ำมันแบนซินนั้นหดตัวลงไปสุดๆอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วและในขณะเดียวกันความต้องการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคล้างมือนั้นกลับดีดตัวสูงขึ้นอย่างแทบไม่เคยเห็นมาก่อน
โดยสินค้าสองอย่างนี้มีส่วนผสมอย่างนึงที่เหมือนกัน นั้นคือเอทานอลหรือ เอทิลแอลกอฮอล์ เป็นสารแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งที่ผลิตได้จากการนำพืชผลทางการเกษตรจำพวกแป้งและน้ำตาล ทำให้ในช่วงนี้ผู้ผลิตกำลังใช้เอทานอลไปผสมกับน้ำมันเบนซินน้อยลง (เช่นน้ำมันพวก E10, E20, E85) และหลายบริษัทกำลังนำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมน้ำยาฆ่าเชื้อแทน ถึงว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมาก !
🔟 ราคาน้ำมันดิบบางที่ในโลกนั้นกลับลงมาถูกกว่าน้ำดื่มแล้ว ! 💦
คุณภาพและเกรดของน้ำมันดิบทั่วโลกนั้นต่างกัน โดยน้ำมันดิบเกรดที่มีความหนักสูงจะมีมูลค่าน้อยกว่าเนื่องจากจะกลั่นออกมาได้เป็นสัดส่วนของน้ำมันสำเร็จรูปที่มูลค่าน้อยกว่า (อย่างน้ำมันเตา) ในปริมาณที่สูงกว่า ทำให้ตอนนี้มีน้ำมันดิบเกรดหนักๆในหลายๆประเทศนั้น กำลังโดนกดราคาลงไปต่ำมากเพราะไม่เป็นที่ต้องการของโลก
ขอลองยกตัวอย่างน้ำมันดิบเกรดหนักของแคนนาดานั้น ตอนนี้เนื้อน้ำมันที่ทางหลุมขายออกมานั้นมีมูลค่าเพียง 10 เหรียญต่อบาร์เรล ราคาต่ำกว่าราคาพื้นฐานในตลาด (Benchmark อย่าง WTI) เพราะค่าขนส่งที่แพงอีกด้วย ที่ทำให้ผู้ขายนั้นต้องยอมลดราคาลงมาเพื่อที่จะได้ขายน้ำมันออกมาได้
โดยหากคำนวนด้วยตัวแปล 1 บาร์เรล = 159 ลิตร และ 1 เหรียญสหรัฐ = 32.5 บาท จะแปลว่าราคาน้ำมันเกรดหนักของแคนนาดานั้นกำลังขายอยู่ที่ลิตรละ 2.05 บาทเท่านั้น ! ถือว่ากำลังเป็นปรากฏการณ์ในโลกที่เหลือเชื่อมากๆครับ
และนี่ก็คือ 10 เรื่องในตลาดน้ำมันโลกที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อ
🙏 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกดไลค์และแชร์ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์นะครับ ขอบคุณมากๆครับ 😊
#OilTradingKP
โฆษณา